ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา บวมกี่วัน
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา บวมกี่วัน? โดยทั่วไปจะมีอาการบวมประมาณ 3-7 วันแรก แต่คนไข้มักมีความกังวลครับ เพราะการฉีดฟิลเลอร์แล้วบวมกับฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อนนั้นบางครั้งก็แยกไม่ออก ในบทความนี้หมอจะมาอธิบายความแตกต่างของอาการบวม แบบไหนเป็นปกติ แบบไหนเป็นอันตราย อาการข้างเคียงเป็นอย่างไร พร้อมวิธีปฏิบัติตัวเพื่อลดอาการบวมและช่วยให้ฟิลเลอร์เข้าที่เร็วขึ้นครับ
สารบัญ ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา บวมกี่วัน
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา บวมกี่วัน
หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา อาจมีอาการบวมแดง เขียวช้ำ หรือคัน ประมาณ 3-7 วัน พบได้เป็นเรื่องปกติครับ สามารถหายได้เอง หากมีอาการปวดร่วมด้วย สามารถรับประทานยาแก้ปวดตามอาการได้ อาการปวดจะค่อย ๆ ดีขึ้น ใต้ตายุบบวมเข้าที่ใน 1-2 อาทิตย์
หากครบระยะเวลา 3 วันไปแล้ว อาการบวมแดงยังไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น คนไข้ควรกลับไปที่คลินิกเพื่อให้คุณหมอช่วยตรวจเช็กอาการที่เกิดขึ้น เพราะอาการบวมหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา มีทั้งที่เป็นปกติ เป็นอาการบวมเข็มทั่วไป หรือเป็นอาการที่ผิดปกติ และเป็นอันตราย ซึ่งอาการบ่งชี้ทั้ง 2 แบบจะแตกต่างกันครับ
ลักษณะอาการบวมหลังฉีดฟิลเลอร์ ทั้งฟิลเลอร์ใต้ตา และฟิลเลอร์ในจุดอื่น ๆ มีอยู่ด้วยกัน 2 แบบ คือ
- อาการบวมเข็ม เกิดขึ้นได้เป็นปกติ ไม่เป็นอันตราย หายได้เอง
- อาการบวมที่เกิดจากการฉีดยาชา
- อาการบวมที่เกิดจากเข็ม ฉีดฟิลเลอร์ไปถูกเส้นเลือดฝอย
- ปวดบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์มากขึ้น มากกว่าปกติ
- บวมขึ้นเรื่อย ๆ กดเจ็บบริเวณผิวหนังที่ฉีดฟิลเลอร์
- แดงหรือคล้ำที่ผิดปกติ บริเวณผิวหนังที่ฉีดฟิลเลอร์
- ร้อนบริเวณผิวหนังที่ฉีดฟิลเลอร์ ลองใช้หลังมือแตะ คล้ายวิธีวัดไข้
หากฉีดฟิลเลอร์แล้วบวมในลักษณะนี้หลังจาก 3 วัน อาจเกิดจากการอักเสบติดเชื้อ ต้องรีบพบแพทย์เพื่อทำการรักษา ซึ่งในกรณีมักจะเกิดจากการใช้ฟิลเลอร์ปลอม หรือสาเหตุอื่น ๆ เช่น เทคนิคและสบการณ์ของแพทย์ ชนิดของฟิลเลอร์ที่ใช้ ปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้ ซึ่งต้องเหมาะสมกับบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์
หลายคนไม่แน่ใจครับว่าอาการที่เป็นอยู่นี้ เป็นอาการบวมหรือฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วเป็นก้อนกันแน่ ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วบวม หมออธิบายอย่างนี้ครับว่า อาจจะต้องรอให้ฟิลเลอร์ใต้ตาที่ฉีดยุบตัวและเข้าที่ก่อน ประมาณ 7-14 วัน เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นอาการบวม หรือฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อนครับ
อาการข้างเคียงหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา บางแคสอาจมีอาการแพ้ฟิลเลอร์หรืออาการข้างเคียงเกิดขึ้นได้ มีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อยมากครับ ถ้าฉีดโดยใช้สารเติมเต็มไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid : HA) ซึ่งมีความปลอดภัย ไม่ทำให้เกิดอาการแพ้ ไม่จำเป็นต้องทำการทดสอบอาการแพ้ก่อนฉีด มีความคงตัว อยู่ในร่างกายได้นานและสามารถสลายไปเอง โดยอาการข้างเคียงเหล่านี้ แบ่งได้เป็นหลายประเภท ดังนี้
- เกิดรอยแดง หรือรอยช้ำบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ เกิดขึ้นได้เป็นปกติ สามารถหายไปได้เองภายใน 1-2 สัปดาห์
- ผิวไม่เรียบ (Beading) หรือรอยนูน เกิดจากการใช้เทคนิคการฉีดที่ตื้นจนเกินไป เช่น การฉีดในบริเวณที่ชั้นผิวมีความบาง การฉีดฟิลเลอร์ในปริมาณที่มากเกินไป หรือมีการเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่มีขนาดโมเลกุลไม่เหมาะสม อาจส่งผลให้เป็นรอยนูน หรือเห็นฟิลเลอร์เป็นก้อนบวมได้
- การเคลื่อนย้ายของฟิลเลอร์ หากมีการฉีดฟิลเลอร์ใกล้ ๆ กับกล้ามเนื้อที่มีการขยับบ่อย ๆ ฟิลเลอร์อาจมีการเคลื่อนที่ไปยังบริเวณข้างเคียง หรือไหลออกจากตำแหน่งที่ฉีด จึงควรเลือกฟิลเลอร์ที่มีขนาดโมเลกุลเหมาะสม รวมทั้งฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาด้วยเทคนิคที่ถูกต้อง
- อาการแพ้ฟิลเลอร์ เช่น มีผดเล็ก ๆ บริเวณที่ฉีด พบได้บางครั้ง หลังฉีดฟิลเลอร์ไปแล้วหลายเดือนหรือนานเป็นปี ขึ้นกับภูมิคุ้มกันของผู้ที่รับการฉีด และอายุใช้งานของฟิลเลอร์แต่ละชนิด
- เกิดเป็นผื่น ลมพิษแบบรุนแรง (Angioedema) พบได้น้อยมาก หากมีอาการต้องรีบพบแพทย์เพื่อรับการรักษาทันที
- ติดเชื้อ โดยมีอาการตั้งแต่ ปวดบวม แดง ร้อน มีตุ่ม หรือก้อนหนอง เกิดจากใช้เทคนิควิธีการฉีดที่ไม่สะอาด ฉีดกับหมอกระเป๋า หรือคลินิกไม่ได้มาตรฐาน อาจเกิดการติดเชื้อภายหลังการฉีดฟิลเลอร์
- เนื้อตาย (Necrosis) เกิดจากฉีดฟิลเลอร์ผิดตำแหน่ง ฉีดโดนบริเวณหลอดเลือด โดยเฉพาะหลอดเลือดแดง อาจส่งผลให้หลอดเลือดอุดตันได้ เกิดเนื้อตาย อาจนำไปสู่บริเวณที่เส้นเลือดนั้นมาเลี้ยงเกิดอาการเนื้อตายได้
- ตาบอด เกิดจากฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าไปอุดตัน บีบ หรือกดหลอดเลือดแดง (Supratrochlear and Supraorbital Artery) ซึ่งมีแขนงต่อไปที่หลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงจอประสาทตา (Ophthalmic Artery) ส่งผลให้สูญเสียการมองเห็น
วิธีปฎิบัติตัวเพื่อลดอาการบวมและช่วยให้ฟิลเลอร์เข้าที่เร็วขึ้น
อาการบวมหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา สามารถหายได้เองครับ แต่ถ้าอยากให้อาการบวมยุบได้เร็ว ฟิลเลอร์ใต้ตาเข้าที่เร็ว วิธีง่าย ๆ ในการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ ตามคำแนะนำการปฏิบัติตัว ดังนี้
การปฏิบัติตัวหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
- หลีกเลี่ยงการแตะ แกะ เกาและกดนวดบริเวณใต้ตา หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอาจมีอาการบวมแดงหรือเขียวช้ำเป็นปกติ แต่จะค่อย ๆ ดีขึ้นใน 7-14 วัน (ทางคลินิกจะมียาแก้ปวด ลดบวมให้ครับ หากหลังจาก 3 วันไปแล้ว มีอาการบวมมากขึ้นให้ติดต่อกลับมาที่คลินิกเพื่อรับยากินเพิ่ม)
- ในบางเคสอาจปวดระบมตามรอยเข็มในคืนแรกหลังทำ สามารถกินยาแก้ปวด paracetamol ที่ทางคลินิกให้ไปทุก ๆ 4 ชม. และควรกินยาที่แพทย์จ่ายให้หลังทำ ให้ครบถ้วนอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยลดอาการบวม และป้องกันการติดเชื้อ
- ควรอยู่ในที่อากาศเย็น หลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิดและกิจกรรมที่ทำให้หน้าแดงอย่างน้อย 48 ชม. เช่น ซาวน่า ออกกำลังกายหนัก ตากแดด
- งดเลเซอร์ร้อนที่ลงผิวชั้นลึกทุกชนิด เช่น RF thermage อย่างน้อย 1 เดือน
- ดื่มน้ำอย่างสม่ำเสมอตามปกติคือวันละ 1.5-2 ลิตร น้ำเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ฟิลเลอร์อยู่ได้นานขึ้น เพราะฟิลเลอร์เป็นสารที่อุ้มน้ำ การดื่มน้ำมาก ๆ จะช่วยลดอาการบวม ฟิลเลอร์ฟูเข้าที่เร็ว เติมเต็มใต้ตาได้เป็นธรรมชาติครับ
นอกจากนี้อาหารบางอย่างที่ควรหลีกเลี่ยงเพราะมีส่วนกระตุ้นการอักเสบ หรือทำให้ฟิลเลอร์สลายเร็วขึ้นได้ครับ ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญในการรักษาผลลัพธ์หลังฉีดฟิลเลอร์ ให้อยู่ได้นานยิ่งขึ้นด้วย
อาหารที่ควรเลี่ยงหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
- เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิด เพราะมีผลข้างเคียงโดยตรง เช่น อาการบวมแดง อักเสบ
- อาหารที่ต้องนั่งหน้าเตาร้อน ๆ ความร้อนอาจทำให้ฟิลเลอร์ละลายหรือเกิดการหดตัวได้
- อาหารรสจัด รสเผ็ดร้อนจนทำให้หน้าแดง
- อาหารหมักดอง เช่น ผักดอง ผลไม้ดอง เนื่องจากอาหารที่มีกรรมวิธีในการดองมักจะมีสิ่งปนเปื้อนที่อาจจะไปกระตุ้นให้เกิดการอักเสบได้
- อาหารที่มีรสหวาน เช่น ชานม น้ำหวาน เบเกอรี เพราะจะไปกระตุ้นการอักเสบบนผิวหน้าได้ง่าย ทำให้แผลบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์หายได้ช้า
- อาหารกึ่งสุก กึ่งดิบ เช่น ปลาร้า หอยลวก อาหารทะเลสด เนื้อกึ่งสุกกึ่งดิบ เพราะอาหารเหล่านี้มักมีสิ่งปนเปื้อนอย่างพยาธิหรือเชื้อโรคที่ส่งผลให้แผลที่เกิดจากรอยเข็มหายช้า หรือทำให้แผลติดเชื้ออักเสบได้
วิธีดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเสร็จเรียบร้อย หมอจะติดพลาสเตอร์ให้ตามรอยเข็ม เมื่อครบ 1 ชม. จึงสามารถแกะออกได้ อาจจะมีอาการบวมแดง เขียวช้ำ หรือคันได้ในจุดที่ทำตามที่หมออธิบายไปข้างต้นครับ
สำหรับวิธีการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเพิ่มเติม ในเคสอาจปวดระบมตามรอยเข็มในคืนแรกหลังทำ สามารถกินยาแก้ปวด paracetamol ที่ทางคลินิกให้ไปทุก ๆ 4 ชม. และดูแลตัวเองเพิ่มเติม ดังนี้
- ขณะล้างหน้า ไม่ควรขัดหรือนวดหน้า สามารถล้างหน้าด้วยสบู่อ่อน ๆ โดนน้ำได้ไม่เกิน 15 นาที
- งดทาครีมบริเวณรอยเข็ม 1 คืน
- งดทำทรีตเมนต์ ซาวน่า 14 วัน
- ควรอยู่ในที่อากาศเย็น ๆ จะช่วยลดอาการบวมลงได้เร็วขึ้น
- สามารถแต่งหน้าได้ตามปกติ
สรุป ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา บวมกี่วัน
อาการบวมหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เขียวช้ำ หรือคัน พบได้เป็นเรื่องปกติครับ ประมาณ 3-7 วัน สามารถหายได้เองครับ เมื่ออาการบวมหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาลดลง 100% หลัง 14 วันฟิลเลอร์จะเข้าที่ กลืนไปกับผิว และเห็นผลชัดเจนประมาณ 2-3 อาทิตย์ ในระหว่างนี้ควรหลีกเลี่ยงการแตะ แกะ เกา หรือกดนวดบริเวณใต้ตา หรือจุดที่ฉีดฟิลเลอร์
ทั้งนี้ ผิวบริเวณใต้ตาเป็นจุดที่มีความบอบบาง จึงมีโอกาสบวมช้ำได้ง่าย อีกทั้งยังเป็นจุดที่ใกล้อวัยวะสำคัญอย่างดวงตา แพทย์ที่ฉีดจึงต้องมีความรู้และประสบการณ์ด้านการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เพื่อวิเคราะห์ใบหน้าแม่นยำ แก้ปัญหาได้ตรงจุด มีเทคนิคเฉพาะตัว มือเบา ช้ำน้อย เพื่อให้ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา บวมน้อยได้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัย และดูเป็นธรรมชาติครับ