ปัญหาถุงใต้ตาบวม ถุงใต้ตาคล้ำ ทำให้หน้าดูเหนื่อยล้า หน้าโทรม แก่กว่าวัย ส่งผลต่อความมั่นใจ สามารถแก้ไขได้หลายวิธี ทั้งวิธีแบบธรรมชาติ ไปจนถึงหัตถการทางการแพทย์และการผ่าตัด ในบทความนี้หมอจะแนะนำวิธีรักษาถุงใต้ตาที่เห็นผลดี รวมถึงเจาะลึกสาเหตุที่แท้จริงของถุงใต้ตา เพื่อให้สามารถวางแผนการรักษาและเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสม ตรงจุด และปลอดภัยครับ
สารบัญ ถุงใต้ตา
ถุงใต้ตา คืออะไร ?
ถุงใต้ตา (Eye bags) คือ ถุงไขมันที่อยู่บริเวณใต้ดวงตา หรือบริเวณเบ้าตาด้านล่าง ซึ่งตามโครงสร้างใบหน้าของเรา รอบดวงตาจะมีถุงไขมันทั้งหมด 5 ถุง คือ เปลือกตาบน 2 ถุง ใต้เปลือกตาล่าง 3 ถุง โดยจุดที่มักเป็นปัญหาถุงใต้ตาบวมใหญ่ขึ้นมาคือ ถุงกลาง (Middle Fat) และบางส่วนของถุงไขมันที่อยู่ด้านใน (Inner Fat) มีลักษณะบวมปูดบริเวณใต้ตา เป็นร่อง และมีสีคล้ำเห็นเป็นเงาใต้ตา ทำให้หน้าโทรม ดูแก่กว่าวัย
ถุงใต้ตา บอกโรคอะไรได้บ้าง ?
การมีถุงใต้ตานอกจากจะส่งผลต่อความสวยงามและความมั่นใจแล้ว ยังอาจเป็นสัญญาณของโรคบางชนิดได้ด้วยครับ เช่น โรคภูมิแพ้ โรคหัวใจ โรคไต ความดันเลือดสูง จะทำให้เกิดน้ำคั่งในร่างกายมากกว่าปกติ เป็นเหตุให้หนังตาบวม หรือถุงใต้ตาบวมได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้หากคนไข้มีถุงใต้ตาบวมมากกว่าปกติและมีอาการอักเสบติดเชื้อร่วมด้วย หมอแนะนำให้รีบพบจักษุแพทย์ เพื่อทำการรักษาอย่างทันท่วงทีครับ
ถุงใต้ตากับดอลลี่อาย แตกต่างกันอย่างไร ?
หลายคนมักจะสับสนระหว่างถุงใต้ตากับดอลลี่อาย เพราะอยู่บริเวณใต้ตาเหมือนกัน แต่ความจริงแล้วถุงใต้ตากับดอลลี่อายนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงครับ
ถุงใต้ตา เป็นถุงไขมันบริเวณใต้ตา มีขนาดใหญ่สังเกตได้ชัด เมื่ออายุมากขึ้นจะเริ่มหย่อนคล้อย ทำให้ใบหน้าดูโทรมและมีอายุ
ส่วนดอลลี่อาย เป็นมัดกล้ามเนื้อบริเวณขอบตาล่าง มีลักษณะตึงกระชับและขอบชัดเจน จะสังเกตได้ชัดขึ้นเวลายิ้มหรือหัวเราะ ปัจจุบันดอลลี่อายกลายเป็นเทรนด์ความงามที่ได้รับความนิยมในการทำให้ใบหน้าดูหวานขึ้น สดใส อ่อนกว่าวัย
ถุงใต้ตาบวม เกิดจากอะไร ?
ปัญหาถุงใต้ตา สามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ ได้แก่
- ถุงใต้ตาจากกรรมพันธุ์ : อาจเกิดจากกรรมพันธุ์และระบบต่อมไร้ท่อภายในร่างกายทำงานผิดปกติ ไขมันและของเหลวไหลมารวมกันบริเวณใต้ตามากเกินไป จนทำให้เกิดถุงใต้ตาป่องนูน มีอาการบวมหรือคั่งน้ำ
- ถุงใต้ตาจากอายุที่มากขึ้น : เมื่ออายุมากขึ้น โครงสร้างผิวเสื่อมสภาพ ร่างกายจะผลิตคอลลาเจนได้น้อยลง ขาดความยืดหยุ่น ทำให้ผิวใต้ตาหย่อนยาน นอกจากนี้อายุที่มากขึ้นยังสัมพันธ์กับความเสื่อมของกระดูก กระดูกใต้ตาจะยุบตัวลงทำให้เนื้อเยื่อที่พยุงถุงไขมันบริเวณใต้ตาหย่อนคล้อย เกิดเป็นถุงใต้ตาและร่องใต้ตา
- ถุงใต้ตาจากภูมิแพ้ : ในคนที่มีภาวะภูมิแพ้ เส้นเลือดดำบริเวณรอบดวงตาจะขยายใหญ่ขึ้นจนทำให้ถุงใต้ตาบวม และมักมีอาการคันหรือระคายเคืองรอบดวงตา หากเผลอไปขยี้ตาบ่อย ๆ จะทำให้ผิวหนังเกิดการอักเสบ สร้างเม็ดสีเมลานินออกมามากขึ้น ทำให้ถุงใต้ตามีสีหมองคล้ำและบวมเป่ง
- ถุงใต้ตาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต : พฤติกรรมบางอย่าง เช่น การพักผ่อนไม่เพียงพอ ใช้สายตามากเกินไป จ้องหน้าจอเป็นเวลานาน ตากแดดบ่อย ดื่มแอลกอฮอล์และรับประทานอาหารที่มีโซเดียมสูง รวมทั้งระบบการไหลเวียนเลือดที่ไม่ดี จะทำให้เกิดอาการบวมน้ำบริเวณใต้ตา ส่งผลให้ถุงใต้ตาบวมได้
“ ข้อควรรู้ : ถุงใต้ตาจะแบ่งออกเป็นทั้งหมด 2 ลักษณะ ได้แก่ 1) ถุงใต้ตาแท้ เกิดจากกรรมพันธุ์ อายุที่มากขึ้น รวมไปการทำงานที่ผิดปกติของระบบต่อมไร้ท่อในร่างกาย เช่น ผู้ที่เป็นภูมิแพ้ หอบหืด และ 2) ถุงใต้ตาเทียม เกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น การขยี้ตา การอดหลับอดนอน การดื่มแอลกอฮอล์ เป็นต้น
ถุงใต้ตาบวมข้างเดียว เกิดจากอะไร ?
อาการถุงใต้ตาบวมข้างเดียว อาจเกิดจากเยื่อบุตาอักเสบ (conjunctivitis) หรือเกิดการติดเชื้อ ซึ่งมักปรากฏร่วมกับอาการไข้ ปวด บวมแดง ในกรณีนี้สามารถรักษาได้โดยการให้ยาฆ่าเชื้อหรือยาลดการอักเสบครับ
ถุงใต้ตาในคนสูงอายุเกิดจากอะไร ?
ถุงใต้ตาในผู้สูงอายุ สาเหตุหลักมาจากการเสื่อมสภาพของผิว เมื่ออายุมากขึ้น ผิวจะสูญเสียความยืดหยุ่นและคอลลาเจน รวมไปถึงกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อรอบดวงตาอาจอ่อนแอลง ทำให้ไขมันยื่นออกมา ส่งผลให้ใต้ตามีลักษณะบวมเป่ง เกิดเป็นถุงใต้ตาบวม
ถุงใต้ตา กับ ขอบตาคล้ำ เหมือนกันไหม ?
ถุงใต้ตากับขอบตาคล้ำไม่เหมือนกันครับ ถุงใต้ตา คือ อาการบวมที่เกิดขึ้นบริเวณใต้ตา เกิดจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น การนอนหลับไม่เพียงพอ อาการแพ้ หรืออายุที่มากขึ้น ในขณะที่ขอบตาคล้ำ คือ การขยายตัวของเส้นเลือดดำบริเวณใต้ตา ทำให้ขอบตาดูคล้ำ และบวมขึ้นเล็กน้อย พบได้ในคนที่เป็นโรคภูมิแพ้เรื้อรัง หรือผู้ที่ชอบขยี้ตาบ่อย ๆ หรือในบางเคสอาจเกิดจากกรรมพันธุ์ ซึ่งเราสามารถมีทั้งถุงใต้ตาและรอยคล้ำใต้ตาได้พร้อม ๆ กันครับ
9 วิธีรักษาถุงใต้ตา ลดความหมองคล้ำ
ปัจจุบันวิธีรักษาถุงใต้ตาดำ มีทั้งวิธีธรรมชาติและวิธีทางการแพทย์ ซึ่งแต่ละวิธีมีจุดเด่นและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน ใช้แก้ไขถุงใต้ตาที่เกิดจากสาเหตุที่ต่างกัน หมอรวบรวม 9 วิธีรักษาถุงใต้ตา ลดความหมองคล้ำที่เห็นผลดี ดังนี้ครับ
1. ลดถุงใต้ตาด้วยถุงชา
การประคบใต้ตาด้วยถุงชา ให้นำถุงชาที่ใช้แล้วไปแช่เย็น แล้วนำมาประคบบริเวณเปลือกตา ประมาณ 10-15 นาที คาเฟอีนและสารต้านอนุมูลอิสระที่มีอยู่ในชาจะสามารถช่วยให้หลอดเลือดหดตัวและลดอาการบวมได้ ช่วยฟื้นฟูผิวรอบดวงตาให้กลับมาชุ่มชื้น ลดอาการถุงใต้ตาบวมและรอยคล้ำใต้ตา
2. ลดถุงใต้ตาด้วยการประคบเย็น
การประคบเย็นลดถุงใต้ตา เป็นวิธีรักษาถุงใต้ตาคล้ำที่สามารถทำได้ง่าย ๆ โดยใช้ผ้าแช่เย็น หรือผ้าห่อน้ำแข็ง มาประคบขอบตาทั้งสองข้าง หรือจะใช้ช้อนที่แช่เย็นมาประคบรอบดวงตา 10-15 นาที การประคบเย็นจะสามารถช่วยให้หลอดเลือดหดตัว ลดอาการบวมรอบดวงตา และลดขอบตาดำคล้ำได้ครับ
3. ลดถุงใต้ตาด้วยการพักผ่อนให้เพียงพอ
การพักผ่อนนอนหลับให้เพียงพอเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการลดถุงใต้ตา เพราะการนอนดึกหรืออดหลับอดนอนจะทำให้หลอดเลือดใต้ตาขยายใหญ่ขึ้นและบวมเป็นถุงใต้ตา หมอแนะนำให้พักผ่อนให้เพียงพอ และจัดตารางการนอนหลับให้เป็นปกติ จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดให้ดีขึ้น ผิวพรรณสดใสจากภายในสู่ภายนอก ลดขอบตาคล้ำและช่วยให้หน้าเนียนใสขึ้นครับ
4. การทาครีมบำรุง ช่วยลดถุงใต้ตา
การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงรอบดวงตา หรือ Eye cream ที่มีส่วนผสมของ Whitening ช่วยให้รอยคล้ำใต้ตาจางลงได้ครับ แต่ข้อควรระวังคือ ควรเลือกใช้ครีมให้เหมาะกับสภาพผิว เพราะผิวบริเวณใต้ตาค่อนข้างบอบบาง หากเลือกใช้ครีมที่ไม่ได้มาตรฐาน และไม่เหมาะกับผิวก็อาจส่งผลให้ระคายเคือง ใต้ตาดำคล้ำกว่าเดิมครับ
5. รักษาถุงใต้ตาด้วยการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นการฉีดสารเติมเต็มไฮยาลูโรนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) เข้าไปบริเวณใต้ตาเพื่อแก้ปัญหาใต้ตาคล้ำ ขอบตาดำ มีริ้วรอย และร่องลึก เป็นการแก้ปัญหาที่เห็นผลเร็วและตรงจุด
ฟิลเลอร์จะเข้าไปทดแทนกระดูกที่ยุบตัว เติมเต็มร่องลึกใต้ตาให้เรียบเนียน และช่วยปกปิดความคล้ำของเม็ดสีและเส้นเลือดบริเวณใต้ผิวหน้า เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวบริเวณใต้ตา ช่วยให้ขอบตาที่ดำมาก ๆ กลับมาดูสดใส รอยคล้ำจางลงทันทีหลังทำครับ
6. รักษาถุงใต้ตาด้วย การทำ Hifu Ultraformer
Hifu Ultraformer เป็นนวัตกรรมที่ใช้คลื่นเสียงอัลตร้าซาวด์ ยิงลงไปใต้ผิวแต่ละชั้น ทำให้ผิวเกิดการหดตัวและช่วยเรื่องการยกกระชับ สามารถใช้หัวยิงเก็บรายละเอียดริ้วรอยเล็ก ๆ ได้อย่างทั่วถึง ทำให้ผิวบริเวณรอบดวงตาตึงกระชับ ช่วยลดริ้วรอย ถุงใต้ตา และรอบดวงตาได้อย่างปลอดภัย เหมาะกับคนที่กลัวเข็ม ไม่ต้องการฉีดฟิลเลอร์
7. รักษาถุงใต้ตาด้วยการใช้คลื่น Radio Frequency – RF
Thermage FLX คือ เทคโนโลยีช่วยสลายไขมันบนใบหน้า ยกกระชับผิว และกระตุ้นคอลลาเจนลงไปในชั้นผิวหนัง สามารถทำบริเวณเปลือกตาบน และใต้ตาได้ ด้วยการปล่อยคลื่น RF ส่งผ่านไปยังผิวหนังบริเวณรอบดวงตา ทำให้เกิดการหดตัวของถุงไขมันใต้ตา ถุงไขมันจะเล็กลง ผิวหนังใต้ตาดูเรียบขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยยกคิ้ว ยกหางตา และผิวหนังบนเปลือกตา ทำให้ชั้นตาชัดขึ้น ตาดูกลมโต
8. รักษาถุงใต้ตา ด้วยการผ่าตัดถุงใต้ตา
การผ่าตัดเพื่อกำจัดถุงใต้ตา จะช่วยแก้ปัญหาถุงใต้ตาและกำจัดไขมันส่วนเกินบริเวณใต้ตาออก เหมาะกับคนที่มีถุงไขมันใต้ตาเยอะมาก ๆ และมีปัญหาความหย่อนคล้อย สามารถทำได้ทั้งเทคนิคแบบใช้มีดผ่าตัด และใช้เลเซอร์ หลังทำผลลัพธ์จะคงอยู่ได้ถาวร แต่ก็ต้องแลกมาด้วยความเสี่ยงจากการผ่าตัด แนะนำให้ทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์เท่านั้นครับ
9. รักษาถุงใต้ตาด้วยการดูดไขมัน
การดูดไขมันถุงใต้ตา จะเหมาะกับผู้ที่มีถุงไขมันใต้ตานูนออกมามาก แต่ไม่มีปัญหาผิวหนังหย่อนคล้อย โดยแพทย์จะทำการผ่าตัดเปิดในเปลือกตา แล้วดูดไขมันออกมาในปริมาณที่เหมาะสม สามารถช่วยลดขนาดถุงใต้ตาได้ หลังทำถุงใต้ตาจะลดลง แต่อาจมีรอยแผลขนาดเล็กด้านในเปลือกตา ต้องทำอย่างระมัดระวังโดยแพทย์ที่มีความชำนาญครับ
วิธีเลือกคลินิก ที่รักษาถุงใต้ตา
การแก้ไขถุงใต้ตาให้ได้ผลดี ไม่ใช่ว่าจะทำที่ไหน กับใครก็ได้ เพราะต้องอาศัยทั้งประสบการณ์และความชำนาญของหมอในการวิเคราะห์ปัญหา และเลือกหัตถการที่เหมาะสมกับคนไข้ในแต่ละเคส
ก่อนตัดสินใจรักษาถุงใต้ตาที่ไหนดี เราควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน เพื่อให้การแก้ไขถุงใต้ตาได้ผลลัพธ์ที่ดี คุ้มค่า และปลอดภัย สามารถพิจารณาได้จากปัจจัยต่อไปนี้ครับ
1. เลือกคลินิกหรือสถานพยาบาล
คลินิกได้มาตรฐาน เปิดให้บริการอย่างถูกต้อง มีเลขที่ใบอนุญาต 11 หลัก สามารถนำชื่อคลินิกไปตรวจสอบสถานพยาบาลเอกชนที่ได้รับอนุญาต ได้ที่เว็บไซต์ https://hosp.hss.moph.go.th/
2. แพทย์ที่ประจำมีประสบการณ์
แพทย์มีประสบการณ์ ช่วยวิเคราะห์ปัญหา และเลือกหัตถการที่เหมาะสมกับคนไข้ในแต่ละเคสได้อย่างตรงจุด ควรเป็นแพทย์ full-time ที่อยู่ประจำคลินิก สามารถเช็กประวัติ และตรวจสอบเลขที่ใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมได้ที่เว็บไซต์ของแพทยสภา https://checkmd.tmc.or.th/
3. ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน
ใช้ฟิลเลอร์แท้ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน ผ่านการรับรองความปลอดภัยจาก อย. สามารถตรวจสอบกับบริษัทนำเข้าได้
4. มีรีวิว ลดถุงใต้ตา
ก่อนตัดสินใจรักษาถุงใต้ตา ควรดูรีวิวของผู้รับบริการจากแหล่งข้อมูลที่เป็นกลาง เช่น Facebook fanpage, Wongnai, Pantip แสดงให้เห็นถึงฝีมือของแพทย์และผลลัพธ์ของแต่ละเคส คลินิกไหนมีรีวิวเยอะก็หมายความว่ายิ่งมีความน่าเชื่อถือ ได้รับความไว้วางใจจากผู้รับบริการครับ
5. มีช่องทางการติดต่อสะดวก
คลินิกควรมีช่องทางการติดต่อที่หลากหลาย เช่น เบอร์โทรศัพท์, Inbox, Line@ สามารถทำการนัดหมายล่วงหน้าหรือปรึกษาแพทย์ได้โดยตรง
สรุป
ถุงใต้ตา สามารถรักษาได้หากเรารู้สาเหตุที่แท้จริง ที่สำคัญคือควรเลือกวิธีแก้ปัญหาที่เหมาะกับตัวเอง เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานเพื่อความปลอดภัย และประเมินถุงใต้ตาโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ เพื่อการแก้ไขที่ตรงจุดและผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ใครที่กำลังมองหาคลินิกรักษาถุงใต้ตา สามารถเข้ามาให้หมอประเมินปัญหาก่อนได้ครับ ที่ V Square Clinic ทีมแพทย์มีประสบการณ์ ตรวจประเมินสาเหตุอย่างละเอียด พร้อมแนะนำหัตถการที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล รับประกันผลทุกเคส มั่นใจได้ในผลลัพธ์และความปลอดภัยครับ