หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา การดูแลตัวเองเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ผลลัพธ์สวยงาม และอยู่ได้นานครับ สำหรับใครที่อยากให้ Filler อยู่ได้นาน ๆ ไม่สลายเร็ว ควรรู้ว่าหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา มีข้อควรระวังอะไรบ้าง ห้ามทำอะไร หรือควรงดอะไร ทั้งหมดนี้หมอมีหลักการปฏิบัติตัวมาแนะนำครับ
สารบัญ หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา มีวิธีการดูแลตัวเองอย่างไร ?
การฉีดฟิลเลอร์ในทุกจุด จะมีวิธีการดูแลตัวเองคล้าย ๆ กัน อาจแตกต่างกันได้ในบางเรื่อง เช่น หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา จะเน้นที่การหลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือขยี้บริเวณรอบดวงตา เพราะจะทำให้อักเสบหรือเป็นก้อนบวมได้ โดยวิธีดูแลหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา สามารถติดตามจากหัวข้อต่อไปนี้
รวมวิธีดูแลหลังหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
- ควรอยู่ในที่อากาศเย็น อย่างน้อย 48 ชม. ช่วยลดบวม หลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิดและกิจกรรมที่ทำให้หน้าแดง เช่น ซาวน่า ออกกำลังกายหนัก ๆ ตากแดดแรง ๆ
- หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา หมอจะติดพลาสเตอร์ให้ตามรอยเข็ม เมื่อครบ 1 ชม. จึงสามารถแกะออกได้
- ควรดื่มน้ำมาก ๆ ให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย เนื่องจากฟิลเลอร์เป็นสารอุ้มน้ำ จึงถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ฟิลเลอร์อยู่ได้นานขึ้น
- สามารถล้างหน้าด้วยสบู่อ่อน ๆ และโดนน้ำได้ไม่เกิน 15 นาที อย่าแช่น้ำจนผิวเปื่อย เพราะยังมีรอยเข็มอยู่ในวันแรก
- ควรทานยาที่แพทย์จ่ายให้หลังทำต่อเนื่องจนครบ เพื่อช่วยลดอาการบวม และป้องกันการติดเชื้อ
- ในบางเคสอาจปวดระบมตามรอยเข็มในคืนแรกหลังทำ สามารถกินยาแก้ปวดได้ตามอาการ
- ควรนอนหัวสูงกว่าหน้าอก โดยการหนุนหมอนที่ศีรษะอย่างน้อย 2 ใบ ไม่ควรนอนตะแคง และหาหมอนข้างมากันไว้ทั้งซ้ายและขวาใน 2-3 คืนแรกหลังทำเพื่อป้องกันการกดทับหน้า
ข้อห้ามหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา อาจจะมีอาการบวมแดง เขียวช้ำ หรือคันได้ในจุดที่ทำได้ตามปกติ โดยมีข้อห้ามหลังทำ ดังนี้
- หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ห้ามแตะ แกะ เกา กดหรือนวดบริเวณใต้ตา เพราะอาจทำให้เกิดการอักเสบ บวม หรือทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนไปผิดตำแหน่งได้
- ขณะล้างไม่ควรขัดหรือนวดหน้าแรง ๆ
- พยายามอย่าขยับใบหน้าเยอะบริเวณจุดที่ฉีดในช่วง 3 วันแรก
- งดทาครีมบริเวณรอยเข็มหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา 1 คืน
- งดทำทรีทเม้นต์ ซาวน่า 14 วัน
- หลีกเลี่ยงอาหารดิบ อาหารหมักดอง เพราะจะกระตุ้นในเกิดการอักเสบได้
- ควรงดสูบบุหรี่ และหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด มีผลทำให้ยุบบวมช้า และผลการรักษาอยู่ได้สั้นลง
- งดอาหารประเภทรสจัด เผ็ดจัด เค็มจัด หวานจัด มักจะดูดน้ำกลับเข้าสู่ร่างกายค่อนข้างมาก ซึ่งส่งผลให้ใบหน้ารวมถึงลำตัวบวม หรือเรียกว่าภาวะบวมน้ำได้
“ ข้อควรรู้ : โดยส่วนใหญ่หมอจะแนะนำให้หลีกเลี่ยงอาหารบางประเภทในช่วงแรกเท่านั้นครับ ช่วง 3-7 วัน เพื่อให้ฟิลเลอร์เข้าที่ ยุบบวม หลังจากนั้นสามารถกลับมาทานได้ตามปกติ ไม่มีผลข้างเคียงครับ ”
ผลข้างเคียงจากการหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา จะมีอาการบวม หรือรอยเข็ม ที่เกิดจากการฉีดฟิลเลอร์และจากการที่เนื้อฟิลเลอร์ยังไม่เข้าที่ดี เกิดขึ้นได้เป็นปกติครับ รอยเข็มจะหายไปใน 2-3 วัน ส่วนอาการบวมจะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ ก็จะยุบบวม 100% ฟิลเลอร์เข้าที่สวยงาม เป็นธรรมชาติ
ข้อควรระวังหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาควรระมัดระวังการขยี้ตา เกา กดหรือนวด บริเวณจุดที่ฉีดฟิลเลอร์เป็นพิเศษ เพราะอาจทำให้เกิดการบวมหรืออักเสบมากขึ้นได้ ถ้าเป็นผลข้างเคียงปกติอาการเหล่านี้จะค่อย ๆ ดีขึ้นเองในช่วง 2-3 วันครับ แต่หากเลย 3 วันไปแล้ว อาการบวมแดงยังไม่ดีขึ้น แนะนำให้กลับมาที่คลินิกเพื่อให้หมอตรวจเช็คหรือรับยาทานเพิ่ม
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ที่ไหนดี ?
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี ไม่มีผลข้างเคียงที่อันตราย ข้อสำคัญคือการเลือกคลินิกและแพทย์ โดยสามารถพิจารณาได้จากปัจจัย ดังนี้
- คลินิกได้มาตรฐาน ผ่านการรับรองและมีความน่าเชื่อถือ
- แพทยท์มีประสบการณ์ มีความชำนาญในการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
- ใช้ฟิลเลอร์แท้เท่านั้น สามารถตรวจสอบได้ ก่อนฉีดมีการเปิดกล่องใหม่ให้ดูต่อหน้า
- มีรีวิวฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา จากแหล่งที่เป็นกลาง เช่น Facebook Fanpage หรือรีวิวในแหล่งที่คลินิกไม่สามารถลบได้
- มีการแนะนำวิธีดูแลตัวเอง ข้อห้าม ข้อปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา และมีการติดตามผลหลังฉีด
- มีช่องทางติดต่อชัดเจน สะดวก หากมีข้อสงสัยสามารถพูดคุยกับแพทย์เจ้าของเคสได้
สรุป
การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยรักษาอายุของฟิลเลอร์ที่ฉีดไปให้อยู่ได้นานขึ้น ซึ่งคนไข้ไม่ควรละเลยในจุดนี้ เพราะจริง ๆ แล้วข้อปฏิบัติต่าง ๆ ไม่ใช่เรื่องยุ่งยาก และเน้นให้ดูแลตัวเองในช่วงแรก ๆ เท่านั้น หลังจากนั้นก็สามารถดำเนินชีวิตหรือรับประทานอาหารได้ตามปกติครับ
สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสามารถปรึกษาหมอทาง inbox facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ
