กำจัดขน
วิธีกำจัดขนที่ขึ้นตามร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นขนแขน ขนขา ขนหน้า ขนหลัง ฯลฯ ใช้กันอยู่หลายวิธีครับ แต่รู้หรือไม่ครับว่าหลาย ๆ วิธีที่นิยมทำกันนั้น เป็นการกำจัดขนที่ผิดวิธี นอกจากจะได้ผลลัพธ์ที่ไม่ดี ยังเกิดผลข้างเคียงตามมา มาดูกันครับว่า กำจัดขน วิธีไหนได้บ้าง ? เลือกกำจัดขน วิธีไหนดี ? กำจัดขนได้ตรงจุด ลงลึกถึงรากขน เห็นผลมากที่สุด หมดกังวลกับปัญหาขนคุด ตุ่มหนังไก่
สารบัญ กำจัดขน
ขนเกิดจากอะไร ?
การจะกำจัดขนให้ตรงจุด ต้องรู้ให้ลึกถึงรากขน ถ้าดูตามโครงสร้างผิวหนัง จะเห็นว่าเส้นขนที่งอกออกจากผิวหนัง เกิดจากรากขนที่อยู่ในชั้นหนังกำพร้าและหนังแท้ ลึกลงไปถึงเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังครับ
กว่า 80% ของขนบนร่างกาย จะอยู่ในระยะที่เรียกว่าระยะเติบโต (Anagen Phase) เป็นช่วงที่เส้นขนเติบโตงอกเต็มที่ โดยขน 1 เส้น มีอายุมากถึง 2-6 ปี ก่อนจะหยุดการเจริญเติบโต เตรียมหลุดร่วงตามธรรมชาติ และมีขนเส้นใหม่งอกขึ้นมาทดแทน เป็นวงจรการเกิดขนในทุกตำแหน่งครับ
สำหรับคนที่ต้องการกำจัดขน เหตุผลหลัก ๆ เป็นเรื่องความชอบ ความสะอาด และความสวยงาม แตกต่างกันออกไปครับ เช่น บางคนไม่ชอบมีขนรักแร้ เพราะเวลาเหงื่อออกแล้วอับชื้น เกิดกลิ่นตัว หรือบางคนต้องไปเที่ยวทะเล ใส่ชุดว่ายน้ำ ก็อยากดูแลขนน้องสาว ขนน้องชายเป็นพิเศษ
รวม 15 วิธีการกำจัดขน
ปัจจุบันวิธีกำจัดขน มีหลายวิธีครับ หมอรวบรวม 15 วิธีกำจัดขนที่นิยมใช้กัน ซึ่งมีขั้นตอนการทำและให้ผลลัพธ์แตกต่างกันออกไป
1. เลเซอร์ขน
การเลเซอร์ขน เป็นวิธีกำจัดขนด้วยเทคโนโลยีกำจัดขนที่ทันสมัย กำจัดขนได้แม่นยำ ตรงจุด ปลอดภัย ทำโดย Laser Specialist เห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ ได้ผลดีกว่าเมื่อเทียบกับวิธีการกำจัดขนอื่น ๆ
หลักการทำงานของเลเซอร์คือจะปล่อยพลังงานไปจับกับเม็ดสีเมลานินในรากขน เกิดเป็นพลังงานความร้อนที่ไม่ทำลายผิวชั้นนอก ทำให้เส้นขนหลุดร่วงไปช้า ๆ ขนขึ้นใหม่บางลงเรื่อย ๆ และยังลดปัญหาขนคุด รูขุมขนอักเสบ ตุ่มหนังไก่ โดยคลินิกเลเซอร์ขนส่วนใหญ่จะมีเลเซอร์ขนให้เลือก 2 ประเภท คือ YAG Laser และ Didode Laser
2. YAG Laser
YAG Laser มีความยาวคลื่นอยู่ที่ 1,064 นาโนเมตร สามารถกำจัดขนลงลึกถึงรากขนในผิวชั้นลึก ทำลายได้ถึงเซลล์รากขน ลดความเสี่ยงผิวไหม้ เหมาะกับการเลเซอร์ขนในบริเวณเล็ก ๆ หรือในจุดที่ต้องการเก็บรายละเอียด เช่น เลเซอร์หนวด เครา เลเซอร์ขนรักแร้ เลเซอร์ Brazillian
3. Diode Laser
Didode Laser มีช่วงความยาวคลื่นให้เลือกใช้หลากหลาย อยู่ในช่วง 800-1,350 นาโนเมตร เหมาะกับการกำจัดขนในบริเวณกว้าง เช่น เลเซอร์ขนแขน เลเซอร์ขนขา เลเซอร์ขนหลัง เลเซอร์ขนหน้าอก เลเซอร์ขนหน้าท้อง ความยาวคลื่นจะไม่ได้ลงลึกถึงรากขน เหมือน Yag Laser จำนวนครั้งในการทำจึงมากกว่า แต่เจ็บน้อยกว่า
4. IPL กำจัดขน
กำจัดขน IPL หรือ Intense Pulsed Light จะแตกต่างจากการใช้เลเซอร์กำจัดขน แต่คนส่วนใหญ่มักเรียกว่าเลเซอร์ IPL แต่ในความเป็นจริงแล้ว IPL กับเลเซอร์เป็นคนละเทคโนโลยีกันครับ IPL เป็นคลื่นพลังงานแสง แม้ว่าจะมีหลักทำงานที่คล้ายกันในการกำจัดขน แต่ด้วยความที่มีความยาวคลื่นหลากหลาย การกระจายตัวเป็นวงกว้าง อยู่ในช่วง 420-1,200 นาโนเมตร จึงต่างกันในเรื่องของความแม่นยำ ตรงจุด ซึ่งส่งผลต่อผลลัพธ์
5. เครื่อง IPL พกพา
บางคนอาจเลือกซื้อเครื่อง IPL พกพา ติดบ้านไว้เพื่อกำจัดขน แต่ต้องเลือกยี่ห้อที่น่าเชื่อถือ ตัวเครื่องได้มาตรฐาน ซื้อตามแอปฯ ชอปปิงออนไลน์ต้องระวังครับ เพราะถ้าเจอเครื่องเกรดต่ำ ยิงพลังงานไม่เสถียร อาจเกิดผลข้างเคียง ผิวไหม้ เป็นรอยแผลเป็นได้ ต้องดูรายละเอียด ดูรีวิวดี ๆ ครับ เพราะเครื่องเลียนแบบเยอะ และราคาเครื่องค่อนข้างสูง
6. โกนขน
การโกนขน เป็นวิธีแบบดั้งเดิม นิยมใช้เป็นใบมีดโกน ซึ่งต้องใช้ความระมัดระวัง เนื่องจากมีดโกนมีความคม อาจพลาดทำให้เกิดแผลได้ หลายคนเลือกใช้วิธีนี้ เพราะสะดวก สามารถทำด้วยตัวเองได้ที่บ้าน เช่น โกนขนรักแร้ โกนขนแขน โกนขนขา แต่การกำจัดขนด้วยการโกน ผลเสียมากกว่าผลดี เสี่ยงเกิดขนคุด อุดตันในรูขุมขน ผิวเป็นตุ่มนูน ถ้าใช้มือลูบจะรู้สึกว่าผิวสาก ๆ คัน ขนขึ้นใหม่แข็งเป็นตอ
7. เครื่องโกนขนไฟฟ้า
เป็นวิธีโกนขนมีการพัฒนาขึ้นจากแบบดั้งเดิม จากใบมีดโกนเป็นเครื่องโกนขนไฟฟ้า หรือเครื่องกำจัดขนไฟฟ้า ช่วยถนอมผิวได้มากกว่าการโกนด้วยใบมีด แต่ผลลัพธ์ที่ได้ไม่แตกต่างกันมากครับ นิยมในบางตำแหน่ง เช่น โกนหนวด เครา แต่อาจไม่สะดวกต่อการใช้งาน เพราะต้องคอยชาร์จแบตเตอรี่หรือเปลี่ยนถ่านบ่อย
8. ถอนขน
สำหรับคนที่ยังใช้วิธีกำจัดขนด้วยการถอน โดยใช้แหนบถอนขน เช่น ถอนขนรักแร้ ถอนหนวด ดึงขนออกมาทั้งเส้น นอกจากจะเจ็บแล้ว ยังทำให้เส้นขนขาด เป็นแผลขนาดเล็ก มีเลือดออกบริเวณรูขุมขน อักเสบ ระคายเคือง จึงไม่ใช่ทางเลือกในการกำจัดขนที่ดีนัก และการที่เส้นขนออกจากรูขุมขนไม่หมด ยังทำให้เกิดขนคุด ผิวหนังไก่ และจุดด่างดำที่เกิดจากแผลได้ครับ
9. ครีมกำจัดขน
ครีมกำจัดขน มักมีสารเคมี เช่น Calcium hydroxide, Calcium thioglycolate, Sodium thioglycolate ซึ่งมีกลิ่นฉุนและมีฤทธิ์เป็นด่างสูง สารเหล่านี้ทำให้เส้นขนนุ่มลงและถูกตัดขาดจากรากขนหรือส่วนที่อยู่ใต้ผิวหนังได้ง่าย แต่รากเส้นขนยังคงอยู่ในชั้นผิวหนัง ไม่ได้เป็นการกำจัดขนลงลึกถึงราก และถ้าทาทิ้งไว้บนผิวหนังนาน ๆ อาจเกิดการระคายเคือง ผิวแสบแดง
10. โฟมกำจัดขน
โฟมกำจัดขน จะคล้าย ๆ กับครีมกำจัดขน แต่ให้เนื้อสัมผัสต่างกัน กระบวนการทำงานของโฟมกำจัดขน จะไปสลายเคราตินของเส้นขน ทำให้เส้นขนอ่อนแอ ขาด และหลุดออก ไม่ได้เป็นการกำจัดถึงรากขน ทำให้มองเห็นเป็นจุดดำ ๆ หรือตอของขนที่อาจกลายเป็นขนคุดได้
11. มูสกำจัดขน
เนื้อมูสกำจัดขนมีความละเอียดกว่าเนื้อโฟม มักจะผสมน้ำหอมเพื่อให้มีกลิ่นหอม กลบกลิ่นฉุนของสารเคมีที่ผสมอยู่ คนที่ผิวแพ้ง่าย ผิวบอบบาง ควรหลีกเลี่ยง เพราะเสี่ยงต่อการแพ้ ผิวอักเสบระคายเคือง ผลลัพธ์หลังทำอยู่ได้ไม่นานครับ เพราะกำจัดขนได้ผิว ๆ เท่านั้น รากขนยังอยู่ในชั้นผิวหนัง
12. สเปรย์กำจัดขน
ทั้งโฟมกำจัดขน และมูสกำจัดขน ส่วนใหญ่จะมาในรูปแบบสเปรย์กำจัดขน เพื่อให้ฉีดใช้งานได้ง่าย นิยมใช้กำจัดขนในบริเวณกว้าง เช่น ขนแขน ขนขา มีการพัฒนาออกมาหลายสูตร ควรเลือกสูตรที่อ่อนโยน ยี่ห้อที่น่าเชื่อถือ เพราะเคยมีเคสที่ใช้สเปรย์กำจัดขนแล้วเกิดการแพ้จนผิวลอก ถ้าใช้บ่อย ๆ ยังทำให้ผิวบางลงด้วยครับ ไม่เหมาะกับตำแหน่งที่ผิวบอบบาง
13. แวกซ์กำจัดขน
การแวกซ์ขน วิธีนี้ค่อนข้างเจ็บ และทำร้ายผิวอย่างมาก นอกจากเสี่ยงต่อการแพ้น้ำยาแวกซ์แล้ว การดึงกระชากขนออกจากรูขุมขน ยังทำให้เกิดแผล เลือดออก รูขุมขนอักเสบ เป็นตุ่มหนังไก่ ขนงอกใหม่เป็นขนคุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริเวณที่บอบบาง เช่น รักแร้ บิกินี ที่มีการแวกซ์บ่อย ๆ ในตำแหน่งเดิมซ้ำ ๆ
14. นวดน้ำมันกำจัดขน
ถ้าหาข้อมูลวิธีกำจัดขน อาจจะเจอว่านวดน้ำมันกำจัดขน ช่วยให้รูขุมขนเล็กลง หรือปิดรูขุมขนทำให้ขนขึ้นใหม่ไม่ขึ้นมาอีก ซึ่งยังมีการยืนยันข้อมูลนี้ แต่การที่รูขุมขนถูกปิดกั้น อาจทำให้เกิดปัญหาสิวหรือผิวหนังอักเสบ เนื่องจากรูขุมขนอุดตันได้ครับ
15. กำจัดขนด้วยวิธีธรรมชาติ
การเลือกกำจัดขนด้วยวิธีธรรมชาติ เช่น มะนาวผสมน้ำตาล มะนาวผสมน้ำผึ้ง เนื้อที่ได้จะเหนียวคล้าย ๆ แวกซ์ ใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติ ไม่ต้องกังวลเรื่องสารเคมี เมื่อเทียบกับการใช้ผลิตภัณฑ์กำจัดขนอื่น ๆ ก็จริงครับ แต่ขั้นตอนค่อนข้างยุ่งยาก ต้องเตรียมของ เตรียมอุปกรณ์ ผลลัพธ์ไม่ชัดเจนหรือไม่เห็นผล
ข้อควรระวังในการกำจัดขน
ก่อนกำจัดขนควรศึกษาข้อมูลก่อน ไม่ควรเลือกวิธีกำจัดขนแบบผิด ๆ เพราะนอกจากจะเจ็บตัว ไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่คาดหวัง ยังเสียเงิน เสียเวลา และอาจเกิดผลข้างเคียงจากการกำจัดขนที่ผิดวิธีตามมา
รวมคำถามการกำจัดขน
กำจัดขน เลือกวิธีไหนดีที่สุด ?
วิธีกำจัดขนที่ปลอดภัย เห็นผล ที่ได้รับการยอมรับในเรื่องของประสิทธิภาพ คือ การทำเลเซอร์ขน ปัจจุบัน ซึ่งออกแบบมาให้สามารถกำจัดขนได้ถึงรากขน โดยไม่ทำให้ผิวชั้นนอกเกิดการบาดเจ็บ หรือเสี่ยงต่อการเกิดแผล เมื่อเทียบกับวิธีเดิม ๆ เช่น การถอน การโกน หรือการแวกซ์
เลเซอร์กำจัดขน กี่ครั้งเห็นผล ?
การทำเลเซอร์ขน จะเห็นผลชัดเจนเมื่อทำต่อเนื่อง 5-8 ครั้งขึ้นไป ห่างกัน 4-6 สัปดาห์ หรือทำเดือนละครั้ง ขนจะขึ้นใหม่ขึ้นช้าลง และมีขนาดเส้นขนที่บางลง หรืออาจจะไม่ขึ้นมาอีก
เลเซอร์กำจัดขนได้ถาวรไหม ?
เลเซอร์กำจัดขน เป็นการกำจัดขนแบบถาวร พลังงานความร้อนไปทำลายรากขนแบบเฉพาะเจาะจง วงจรการเกิดขนใหม่จะช้าลง และเส้นขนที่เกิดใหม่มีขนาดเล็กลง สีอ่อนลง และจะค่อย ๆ ขึ้นน้อยลง จนแทบไม่ขึ้นมาอีก ทั้งนี้ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล เพราะแต่ละคนมีวงจรการเติบโตของขนไม่เหมือนกัน และยังมีปัจจัยอื่น ๆ มากระตุ้นให้ขนงอกเร็ว-ช้าต่างกัน เช่น ฮอร์โมน กรรมพันธุ์ และลักษณะเส้นขนในแต่ละตำแหน่งครับ
เลเซอร์ขน ราคาเท่าไหร่ ?
เลเซอร์ขน ราคาแต่ละตำแหน่งไม่เท่ากันครับ ราคาโดยประมาณเริ่มต้นตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักพัน และแต่ละคลินิกยังจัดโปรเลเซอร์ขนให้เลือกว่าสนใจทำแบบเป็นครั้งหรือแบบเป็นคอร์ส การทำเลเซอร์ขนในช่วงแรกควรทำต่อเนื่อง ซื้อเป็นคอร์สราคาจะคุ้มค่ากว่า
โปรโมชันเลเซอร์ขน กำจัดขน ที่ V Square Clinic
- กำจัดขนทุกส่วน ทุกสีผิว ไม่เสี่ยงผิวไหม้
- กำจัดขนลงลึก ถึงรากขน ขนหลุดไว
- ลดตุ่มหนังไก่ ปรับผิวเรียบเนียน
- มีเป่าลมเย็น ไม่เจ็บ ไม่แสบ
สรุป
กำจัดขน สามารถทำได้หลายวิธีครับ จาก 15 วิธีที่หมออธิบายไปข้างต้น ไม่ใช่ทุกวิธีครับที่เห็นผล ปลอดภัย ไม่เจ็บ ไม่แสบ ไม่เกิดปัญหาขนคุด ตุ่มหนังไก่ ดังนั้นก่อนเลือกวิธีกำจัดขนวิธีไหนดี ? ควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด หรือเลือกใช้บริการคลินิกเลเซอร์ขนที่น่าเชื่อถือ ใช้เลเซอร์ขนเครื่องแท้ ได้มาตรฐาน ทำโดย Laser Specialist เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปครับ