
หลังฉีดโบท็อก การดูแลตัวเองและข้อควรระวังที่ควรรู้
✔ หลังฉีดโบท็อก เริ่มเห็นผลใน 3-7 วัน
✔ หลังฉีดโบท็อก ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 4-6 เดือน
✔ หลังฉีดโบท็อก ช่วงเวลาสำคัญอยู่ที่ 4 ชั่วโมงแรก
การฉีดโบท็อก เป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมสูง ราคาไม่แพง ปกติโบท็อกจะอยู่ได้นาน 4-6 เดือน แต่หากละเลยการดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อก ผลลัพธ์ก็อาจอยู่ได้สั้นลง ต้องฉีดบ่อยขึ้น เสียเงินเยอะขึ้น
เพื่อให้ความเกิดคุ้มค่าสูงสุด หมอมีการดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อกให้ออกฤทธิ์ไว สลายช้าลง อยู่ได้นานขึ้น มาแนะนำครับ
สารบัญ หลังฉีดโบท็อก
หมอแนะนำ ก่อนฉีดโบท็อก รู้สิ่งนี้ดีที่สุด!

ก่อนที่เราจะเข้าสู้เนื้อหาหลังฉีดโบท็อก หมอขออธิบายถึงคุณสมบัติของโบท็อกซ์ และสิ่งที่ต้องรู้ก่อนฉีดกันก่อนครับ
การฉีดโบท็อก (Botox) เป็นวิธีลดริ้วรอยบนใบหน้า หรือลดขนาดกล้ามเนื้อกราม เพื่อปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น หรือฉีดโบท็อกร่วมกับ เมโสแฟตเหนียง ฉีดฟิลเลอร์คาง ก็จะยิ่งช่วยรูปหน้า V-Shape มีกรอบหน้าชัดขึ้น รวมถึงสามารถนำมาฉีดลดเหงื่อรักแร้ ลดขนาดกล้ามเนื้อแขน กล้ามเนื้อน่องได้ด้วยครับ
และเพื่อให้ผลลัพธ์ของการฉีดออกมาดี คุ้มค่าที่สุด หมอจะมาแนะนำสิ่งที่ต้องรู้ก่อนฉีดโบท็อกซ์ดังนี้ครับ
1. เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและใช้โบท็อกแท้
ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับคลินิกที่ต้องการฉีดอย่างละเอียด เช่น
- มีการเปิดให้บริการอย่างถูกต้อง ได้มาตรฐานหรือไม่
- ใช้โบท็อกแท้ ที่สามารถตรวจสอบกับบริษัทนำเข้าได้
- ควรให้แพทย์เปิดขวดและผสมโบท็อกต่อหน้า เพื่อป้องกันการใช้โบท็อกปลอม
2. โบท็อกแท้ต้องผสมน้ำเกลือก่อนฉีดเท่านั้น
- โบท็อกแท้จะมาในรูปแบบผงแห้ง ต้องละลายด้วยน้ำเกลือก่อนฉีด
- ปริมาณน้ำเกลือที่เหมาะสมคือ 2.6 cc ต่อโบท็อก 100 ยูนิต หากผสมเจือจางเกินไป อาจทำให้โบท็อกกระจายตัวมากเกินไป และออกฤทธิ์ได้ไม่เต็มที่
3. แพทย์ที่ฉีดต้องมีเทคนิคการฉีดที่แม่นยำ
- แพทย์ที่มีประสบการณ์จะทราบระดับความลึกของกล้ามเนื้อที่เหมาะสมกับการฉีด
- ฉีดแม่นยำ = โบท็อกออกฤทธิ์เร็ว อยู่ได้นานขึ้น ลดโอกาสที่ตัวยาจะกระจายผิดตำแหน่ง
4. ไม่ควรใช้โบท็อกเกิน 300 ยูนิตต่อครั้ง
- การฉีดปริมาณมากเกินไปอาจกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิต้านทาน ทำให้เกิดภาวะดื้อโบท็อกได้
- ก่อนฉีดหมอจะประเมินว่าคนไข้ควรใช้โบท็อกกี่ยูนิต เพื่อให้เหมาะสมกับปัญหาและความต้องการของแต่ละคน
5. การประคบเย็นระหว่างฉีดโบท็อก
- ระหว่างฉีดจะมีการประคบเย็นบริเวณที่ฉีด เพื่อลดการไหลเวียนของเส้นเลือด โบท็อกกระจายตัวแคบ ลดการปลิวของโบท็อกไปบริเวณอื่น
- การประคบเย็นช่วยลดความเจ็บระหว่างฉีดได้ หรือใครที่กลัวก็สามารถขอแปะยาชาได้เช่นกัน
6. ไม่ควรฉีดโบท็อกซ์บ่อยเกินไป
- การฉีดโบท็อกบ่อยเกินไป อาจกระตุ้นให้ร่างกายเกิดการต้านโบท็อก ทำให้ยาออกฤทธิ์สั้นลง และอาจไม่ได้ผลในระยะยาว
- แนะนำให้ฉีดตามระยะเวลาที่เหมาะสม คือ เว้นระยะ 3-4 เดือน/ครั้ง และไม่เว้นห่างเกิน 5-6 เดือน เพื่อให้ผลลัพธ์คงที่ และลดความเสี่ยงการดื้อโบท็อก
รู้หรือไม่ ? หลังฉีดโบท็อก 4 ชั่วโมงแรก สำคัญกว่าที่คิด!

หลังฉีดโบท็อกแล้ว การดูแลตัวเองใน 4 ชั่วโมงแรก เป็นช่วงเวลาสำคัญที่ส่งผลต่อผลลัพธ์โดยตรง เพราะโบท็อกต้องใช้เวลาในการเซ็ตตัวและเริ่มออกฤทธิ์ หากปฏิบัติไม่เคร่งครัด อาจทำให้โบท็อกกระจายผิดตำแหน่ง ส่งผลให้เกิดปัญหา เช่น คิ้วตก หนังตาตก หรือเห็นผลช้าลงได้ครับ
คำแนะนำสำคัญ หลังฉีดโบท็อกใน 4 ชั่วโมงแรก
30 นาทีแรก
- ขยับกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดเบาๆ (10-15 ครั้ง)
- ยิ้ม ขมวดคิ้ว หรือทำท่าทางตามตำแหน่งที่ฉีด
- เคี้ยวหมากฝรั่งเบาๆ (กรณีฉีดบริเวณกราม) เพื่อให้โบท็อกถูกดูดซึมเข้าสู่เซลล์ประสาทได้ดีขึ้น
1 – 4 ชั่วโมงแรก
- นั่งตัวตรง ไม่เอนหรือนอนราบ
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือนวดบริเวณที่ฉีด
- ไม่ก้มหน้านานๆ หรือก้มต่ำกว่าระดับหัวใจ
- ห้ามประคบเย็น แม้ว่าหลังฉีดจะมีอาการบวมเล็กน้อย แต่ไม่ควรใช้ความเย็น เพราะอาจขัดขวางการดูดซึมของโบท็อก
การดูแลตัวเองใน 4 ชั่วโมงแรกหลังฉีดโบท็อก มีผลต่อการออกฤทธิ์ของโบท็อกโดยตรง คนไข้สามารถทำตามคำแนะนำง่าย ๆ นี้ เพื่อให้โบท็อกออกฤทธิ์ไว คงผลลัพธ์ได้นานขึ้น และลดโอกาสเกิดผลข้างเคียงครับ
ข้อควรปฏิบัติหลังฉีดโบท็อก เพื่อให้โบท็อกสลายช้าที่สุด

หากต้องการให้โบท็อกออกฤทธิ์เต็มที่ อยู่ได้นาน และสลายช้าที่สุด หลังฉีดโบท็อกควรปฏิบัติตัวตามคำแนะนำต่อไปนี้ ซึ่งช่วยให้ตัวยาทำงานได้มีประสิทธิภาพ ลดการปลิวของโบท็อก และชะลอการสลายตัวของยา
1. ควรขยับกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดทันที
- ทำไม ? : การขยับกล้ามเนื้อช่วยให้โบท็อกถูกดูดซึมเข้าสู่เซลล์ประสาทได้ดีขึ้น ลดโอกาสที่โบท็อกจะปลิวไปยังตำแหน่งอื่น
- แนะนำ :
- หากฉีดลดริ้วรอยที่หน้าผาก → ควรขมวดคิ้ว ยักคิ้ว
- หากฉีดลดริ้วรอยรอบดวงตา → ควรยิ้มกว้าง ๆ
- หากฉีดลดกราม → ควรเคี้ยวหมากฝรั่ง หรือกัดฟันเบา ๆ
2. ควรดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อช่วยให้โบท็อกออกฤทธิ์ดีขึ้น
- ทำไม ? : น้ำช่วยให้ร่างกายขับของเสียได้ดีขึ้น ทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตทำงานได้ดี และช่วยให้โบท็อกออกฤทธิ์ได้นานขึ้น
- แนะนำ :
- ดื่มน้ำอย่างน้อย 1.5-3 ลิตร/วัน
- ดื่มน้ำมะพร้าว (ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น)
- ดื่มชาสมุนไพร (ช่วยลดการอักเสบ)
3. ควรทาน Zinc เพื่อช่วยให้โบท็อกอยู่ได้นานขึ้น
- ทำไม ? : งานวิจัยพบว่า การรับประทาน Zinc 50 มิลลิกรัม/วัน ก่อนและหลังฉีดโบท็อก ช่วยให้โบท็อกออกฤทธิ์ดีขึ้น และอยู่ได้นานขึ้นถึง 30%
- แนะนำ :
- Zinc พบได้ในอาหารทะเล เช่น หอยนางรม กุ้ง ปลา
- หากไม่สะดวกทานอาหารที่มี Zinc อาจเลือกเป็น อาหารเสริม Zinc ได้ (ควรปรึกษาแพทย์ก่อน)
ข้อห้ามหลังฉีดโบท็อก มีอะไรบ้าง ?
หลังฉีดโบท็อก มีข้อห้ามสำคัญที่ควรปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพื่อให้โบท็อกออกฤทธิ์ได้เต็มที่ ลดโอกาสเกิดผลข้างเคียง และช่วยให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานที่สุด มาดูกันว่าหลังฉีดโบท็อก ห้ามทำอะไรบ้างครับ
1. ห้ามนอนราบหรือนอนตะแคงใน 3 ชั่วโมงแรก
- ทำไม ? : การนอนราบ อาจทำให้โบท็อกไหลไปยังบริเวณที่ไม่ต้องการ เช่น ทำให้ คิ้วตก หนังตาตก หรือใบหน้าผิดรูปได้
- แนะนำ : ควรนั่งตัวตรงหรือยืนให้ครบ 3-4 ชั่วโมง หลังฉีด
2. ห้ามจับ นวด หรือกดใบหน้าบริเวณที่ฉีด
- ทำไม ? : การกดแรง ๆ อาจทำให้โบท็อกกระจายไปยังตำแหน่งที่ไม่ต้องการได้
- แนะนำ : ควรหลีกเลี่ยงการแต่งหน้าหรือทาครีมที่ต้องใช้แรงกดในช่วง 24 ชั่วโมงแรก
3. ห้ามประคบเย็นหรือโดนความร้อนทุกชนิด
- ทำไม ? : โบท็อกเป็นโปรตีนที่ไวต่ออุณหภูมิ ทั้งความเย็นและความร้อน ซึ่งอาจทำให้โบท็อกเสื่อมเร็วได้
- แนะนำ : หลีกเลี่ยงการซาวน่า อบไอน้ำ ออกกำลังกายหนัก ตากแดด หรืออาบน้ำร้อนจัดในช่วง 2 สัปดาห์แรก
4. ห้ามออกกำลังกายหนักใน 48 ชั่วโมงแรก
- ทำไม ? : การออกกำลังกายหนักทำให้ ระบบไหลเวียนโลหิตทำงานเร็วขึ้น ส่งผลให้โบท็อกสลายเร็ว
- แนะนำ : หากจำเป็นต้องออกกำลังกาย ให้เลือกกิจกรรมเบา ๆ เช่น เดิน หรือยืดเส้นเบา ๆ แทน
5. เลี่ยงเคี้ยวหมากฝรั่งหรืออาหารเหนียว ๆ หากฉีดลดกราม
- ทำไม ? : การเคี้ยวมาก ๆ ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณกรามกลับมาแข็งแรงเร็วขึ้น ส่งผลให้โบท็อกหมดฤทธิ์ไว
- แนะนำ :ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่ต้องเคี้ยวแรง ๆ เช่น เนื้อเหนียว หมูกระทะ หมากฝรั่ง อย่างน้อย 1 เดือน
6. ห้ามทำเลเซอร์ร้อนบนใบหน้า 2 สัปดาห์
- ทำไม ? : คลื่นพลังงานจาก Thermage, Ulthera, HIFU และเลเซอร์ร้อนอื่น ๆ อาจทำให้โบท็อกสลายเร็วขึ้น
- แนะนำ : หากต้องการทำหัตถการ ควรปรึกษาแพทย์ก่อน
7. ห้ามสูบบุหรี่
- ทำไม ? : นิโคตินในบุหรี่ ทำให้เส้นเลือดหดตัว ลดการไหลเวียนของเลือดและออกซิเจนไปเลี้ยงกล้ามเนื้อ ทำให้โบท็อกออกฤทธิ์ได้ไม่เต็มที่
- แนะนำ : ควรงดบุหรี่ อย่างน้อย 48 ชั่วโมง หลังฉีด

ข้อควรรู้ : โบท็อก เป็นโปรตีนที่ไวต่อความร้อนและการไหลเวียนของเลือด (Metabolism) หากร่างกายมีอุณหภูมิสูงหรือระบบเผาผลาญทำงานหนัก โบท็อกจะสลายเร็วกว่าปกติ ดังนั้นช่วงแรกจึงควรหลีกเลี่ยงความร้อน แต่เมื่อครบกำหนด คนไข้สามารถทำกิจกรรมอื่น ๆ ได้ตามปกติ
หลังฉีดโบท็อก ห้ามกินอะไรบ้าง ?

อาหารที่เรารับประทานหลังฉีดโบท็อก ส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพและอายุของโบท็อก หากเลือกอาหารไม่ถูกต้อง อาจทำให้โบท็อกสลายเร็วขึ้น หรือส่งผลกระทบต่อผลลัพธ์ที่ต้องการ
มาดูกันว่าหลังฉีดโบท็อก มีอาหารอะไรบ้างที่ควรเลี่ยง และควรเลือกรับประทานอย่างไร เพื่อให้โบท็อกออกฤทธิ์ดีและอยู่ได้นานที่สุดครับ
1. เลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด
- ทำไม ? : แอลกอฮอล์ทำให้หลอดเลือดขยายตัว ส่งผลให้โบท็อกกระจายไปผิดตำแหน่ง และสลายเร็วขึ้น
- แนะนำ : งดดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 48 ชั่วโมง หลังฉีดโบท็อก
2. เลี่ยงการทานอาหารรสจัด เผ็ดมาก ๆ
- ทำไม ? : อาหารเผ็ดจัด กระตุ้นการไหลเวียนเลือดและอุณหภูมิในร่างกาย ทำให้โบท็อกหมดฤทธิ์เร็ว
- แนะนำ : ควรลดระดับความเผ็ดให้น้อยลง โดยเฉพาะในช่วง 7-14 วันแรก
3. เลี่ยงการทานอาหารที่ต้องนั่งหน้าเตาร้อน ๆ
- ทำไม ? : อาหารปิ้งย่าง ชาบู หมูกระทะ ทำให้ร่างกายรับความร้อนสูง อาจเร่งการเผาผลาญโบท็อกเร็วขึ้น
- แนะนำ : หากต้องทาน ควรหลีกเลี่ยงไอร้อนโดยตรง และลดอุณหภูมิอาหารก่อนรับประทาน
4. เลี่ยงการทานอาหารหมักดองหรือโซเดียมสูง
- ทำไม ? : อาหารเค็มจัดทำให้ร่างกายบวมน้ำ ส่งผลให้หน้าไม่เข้ารูป และโบท็อกอาจไม่ออกฤทธิ์เต็มที่
- แนะนำ : ควรหลีกเลี่ยง ปลาร้า มะม่วงดอง หน่อไม้ดอง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป อย่างน้อย 7-14 วัน
5. เลี่ยงการทานอาหารเหนียว ๆ หรือเคี้ยวเยอะ ๆ หากฉีดลดกราม
- ทำไม ? : อาหารที่ต้องเคี้ยวนาน เช่น หมากฝรั่ง เนื้อเหนียว ขนมปังแข็ง ๆ ทำให้กล้ามเนื้อกรามทำงานหนัก ส่งผลให้โบท็อกสลายเร็ว
- แนะนำ : ควรงด 1 เดือน หากต้องการให้โบท็อกลดกรามเห็นผลนานขึ้น
6. เลี่ยงการทานอาหารดิบ หรือกึ่งสุกกึ่งดิบ
- ทำไม ? : อาหารดิบหรือกึ่งสุกกึ่งดิบ เสี่ยงต่อการติดเชื้อและทำให้ร่างกายอักเสบ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพของโบท็อก และทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ง่ายขึ้น
- แนะนำ : ควรงดอาหารดิบหรือกึ่งสุกกึ่งดิบอย่างน้อย 7-14 วัน เช่น ซาชิมิ, ซูชิ, ไข่ดิบ, เนื้อดิบ, ก้อย, ลาบเลือดและหอยนางรมดิบ ฯลฯ
7. เลี่ยงการทานอาหารหวานจัด น้ำตาลสูง
- ทำไม ? : น้ำตาลสูงทำให้เกิดกระบวนการไกลเคชัน (Glycation) ซึ่งไปทำลายคอลลาเจนและอีลาสตินในผิว ส่งผลให้ผิวหย่อนคล้อยเร็วขึ้น และโบท็อกอาจหมดฤทธิ์ไวขึ้น
- แนะนำ : ควรลดปริมาณน้ำตาล โดยเฉพาะอาหารและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง เช่นน้ำอัดลม, ชานมไข่มุก, ขนมหวาน, เค้ก, เบเกอรี่ และน้ำผลไม้ที่มีน้ำตาลสูง ฯลฯ
ข้อห้ามการฉีดโบท็อก ที่อันตรายถึงชีวิต
การฉีดโบท็อกไม่อันตรายครับ หากคนไข้มีสุขภาพที่แข็งแรง ไม่โรคประจำตัวที่ส่งผลต่อการฉีดโบท็อก
แต่คนที่มีโรคประจำตัว ไม่สามารถฉีดได้ (Absolute contraindication) หมอแนะนำให้เลี่ยง ซึ่งมีดังนี้ครับ
- คนที่มีโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ เช่น โรคหอบหืด โรคถุงลมโป่งพอง
- คนที่มีปัญหากล้ามเนื้อในการกลืน
- คนที่เป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงต่าง ๆ เช่น
- amyotrophic lateral sclerosis (ALS)
- Lou Gehrig’s disease
- myasthenia gravis
- Lambert-Eaton syndrome
- มีอาการติดเชื้อที่ผิวหนังในจุดที่จะฉีดโบท็อก
- มีอาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ หรือ มีภาวะติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ
เพื่อความปลอดภัย ก่อนฉีดโบท็อก คนไข้ไม่ควรปกปิดโรคประจำตัวกับแพทย์ผู้ให้การรักษาครับ เพราะเป็นเรื่องที่อันตรายถึงชีวิตได้
หลังฉีดโบท็อก ห้ามกินยาอะไรบ้าง ?

เพื่อความปลอดภัย คนไข้ควรแจ้งให้แพทย์ทราบถึงยาที่คนไข้ใช้อยู่ในปัจจุบัน เนื่องจากกลุ่มยาที่สามารถเสริมฤทธิ์โบท็อกแล้วเกิดอันตรายมาก (Major Side Effects) ได้แก่
- ยาฆ่าเชื้อแบบฉีด เช่น Amikacin, Colistin, Polymyxin E
- ยาคลายกล้ามเนื้อ เช่น Atracurium, Cisatracurium, Doxacurium
นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มยาที่ใช้ร่วมกับโบท็อกแล้วอาจเกิดผลข้างเคียงแบบปานกลาง ไม่อันตราย อาการที่พบ เช่นตาพร่า ปากแห้ง รอยช้ำ (หากมีอาการรุนแรง สามารถปรึกษาแพทย์เพื่อปรับชนิดยาที่ใช้ได้) ได้แก่
- กลุ่มยาแก้แพ้ แก้หวัด
- กลุ่มยานอนหลับ
- กลุ่มยาต้านเกล็ดเลือด
หลังฉีดโบท็อกไปแล้ว ในช่วง 4 เดือน ถ้าจะรับยาอื่น ๆ เพิ่ม ต้องแจ้งแพทย์ที่จะจ่ายยาด้วยว่าเพิ่งฉีดโบท็อกมาครับ
หลังฉีดโบท็อก ทำไมบางคนเห็นผลช้า-เร็ว ไม่เท่ากัน ?

หลังฉีดโบท็อกไปแล้ว หลายคนพบว่าบางคนเห็นผลไวภายใน 3-5 วัน ขณะที่บางคนใช้เวลา 7-14 วัน หรือมากกว่านั้นกว่าจะเห็นผล ไปดูกันครับว่าปัจจัยอะไรบ้าง
- ยี่ห้อของโบท็อก บางยี่ห้อออกฤทธิ์เร็ว บางยี่ห้อออกฤทธิ์ช้า
- ปริมาณโบท็อกที่ฉีด ถ้าฉีดน้อยเกินไป อาจเห็นผลช้าหรือไม่เต็มที่
- เทคนิคการฉีดของแพทย์ ฉีดถูกตำแหน่งเห็นผลไวกว่า หากฉีดผิดอาจทำให้เห็นผลช้าหรือไม่เห็นผลเลย
- ระบบเผาผลาญของร่างกาย คนที่มีระบบเผาผลาญต่ำ คนที่เผาผลาญเร็ว อาจเห็นผลช้าหรือโบท็อกหมดฤทธิ์เร็ว
- อายุและสภาพผิว คนอายุมาก หรือมีกล้ามเนื้อแข็งแรง อาจต้องใช้เวลานานกว่าโบท็อกจะออกฤทธิ์เต็มที่
- การดูแลตัวเองหลังฉีด ขยับกล้ามเนื้อหลังฉีดทันที ทำให้โบท็อกออกฤทธิ์เร็วขึ้น
หลังฉีดโบท็อก สัญญาณผิดปกติที่ควรพบแพทย์
แม้การฉีดโบท็อกจะเป็นหัตถการที่ปลอดภัย แต่ในบางกรณีอาจเกิดผลข้างเคียงที่ต้องพบแพทย์ หากคนไข้มีอาการต่อไปนี้ ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันทีครับ
- หายใจลำบาก
- กลืนอาหารยาก
- พูดไม่ชัด
- ตาพร่ามัว
โดยอาการแทรกซ้อนจากการฉีดโบท็อกส่วนใหญ่เกิดจาก 2 สาเหตุหลัก คือ
- ฉีดกับแพทย์ที่ขาดประสบการณ์
- ฉีดผิดตำแหน่งหรือผิดระดับความลึก
- ใช้ปริมาณยาไม่เหมาะสม
- ไม่มีความรู้เรื่องกายวิภาคใบหน้า
- ขาดความเข้าใจเรื่องสัดส่วนที่เหมาะสม
- ฉีดกับผู้ที่ไม่ใช่แพทย์ (หมอกระเป๋า)
- ใช้โบท็อกปลอมหรือไม่ได้มาตรฐาน
- ไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ
- ฉีดในสถานที่ไม่ใช่สถานพยาบาล
- ไม่มีอุปกรณ์ฉุกเฉินรองรับ
วิธีเลือกแพทย์ที่ปลอดภัย
- ตรวจสอบใบประกอบวิชาชีพ
- เช็คประวัติการรักษาและประสบการณ์
- ดูรีวิวจากผู้ใช้บริการจริง
- เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน
- ขอดูยาและฉลากก่อนฉีด
การฉีดโบท็อกควรทำโดยแพทย์จริงที่มีประสบการณ์เท่านั้น การประหยัดค่าใช้จ่ายโดยเลือกฉีดกับผู้ที่ไม่ใช่แพทย์ อาจนำมาซึ่งค่ารักษาที่แพงกว่าหลายเท่าและอันตรายถึงชีวิตได้ครับ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับหลังฉีดโบท็อก
หลังฉีดโบท็อก กี่วันเห็นผล ?
โบท็อกจะเริ่มออกฤทธิ์ ภายใน 3-7 วัน และเห็นผลใน 14 วัน หลังฉีด
หลังฉีดโบท็อก อยู่ได้นานแค่ไหน ?
โดยทั่วไป โบท็อกจะอยู่ได้นาน 4-6 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อของโบท็อกที่ใช้, ปริมาณยูนิตที่ฉีด, ตำแหน่งที่ฉีด และการดูแลตัวเองหลังฉีด
หลังฉีดโบท็อก รู้สึกตึง หรือขยับหน้าไม่สะดวก ปกติไหม?
อาการตึง ๆ หรือรู้สึกหนักหน้าในช่วง 1-3 วันแรก เป็นอาการปกติหลังฉีดโบท็อก อาการนี้จะค่อย ๆ ดีขึ้นเมื่อกล้ามเนื้อเริ่มปรับตัว
หลังฉีดโบท็อก ต้องฉีดซ้ำเมื่อไหร่ ?
ควรฉีดซ้ำเมื่อโบท็อกเริ่มหมดฤทธิ์ โดยทั่วไปอยู่ที่ 4-6 เดือน แต่ไม่ควรฉีดถี่เกินไปเพื่อลดความเสี่ยงดื้อโบท็อก
หลังฉีดโบท็อก ควรทำอะไรทันที ?
หลังฉีดโบท็อกควรขยับกล้ามเนื้อในบริเวณที่ฉีดทันที 1-2 ครั้ง และควรบริหารกล้ามเนื้อทั้งหมดที่ฉีดเป็นเวลา 30 นาที เพื่อให้โบท็อกถูกเซลล์ประสาทดูดเข้าไปให้มากที่สุด
หลังฉีดโบท็อกแล้ว อยากให้หมดฤทธิ์เร็วขึ้น ทำได้ไหม ?
หากต้องการให้โบท็อกสลายเร็วขึ้น สามารถทำได้โดย
- ทำกิจกรรมที่ทำให้เลือดไหลเวียนดี เช่น ออกกำลังกายหนัก ซาวน่า อบไอน้ำ
- ใช้ความร้อน เช่น นวดหน้าด้วยน้ำอุ่น ทำ HIFU หรือ RF Therapy
- ทำเลเซอร์ร้อน เช่น Ulthera, Thermage ช่วยเร่งการเผาผลาญโบท็อก
หลังฉีดโบท็อกแล้ว ทำไมผลลัพธ์ไม่ทนเหมือนเดิม ?
สาเหตุที่โบท็อกหมดฤทธิ์เร็วขึ้น อาจเกิดจาก
- ฉีดโบท็อกบ่อยเกินไป ร่างกายจึงสร้างภูมิต้านทาน ทำให้ดื้อโบท็อก
- เลือกใช้โบท็อกปลอม ทำให้ออกฤทธิ์ได้ไม่นาน หรืออาจไม่ได้ผลเลย
- การใช้ชีวิตที่มีผลต่อโบท็อก เช่น ออกกำลังกายหนัก สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์
หลังฉีดโบท็อก รู้สึกว่าผลลัพธ์ไม่เท่ากันทั้งสองข้าง ทำอย่างไร ?
โบท็อกต้องใช้เวลาประมาณ 7-14 วัน เพื่อออกฤทธิ์เต็มที่ หากผ่านไป 2 สัปดาห์แล้วใบหน้ายังดูไม่สมดุล ควรกลับไปพบแพทย์ เพื่อหาสาเหตุและแก้ไข หรือรอให้โบท็อกสลายไปเองตามอายุการใช้งานครับ
หลังฉีดโบท็อก ทำไมถึงห้ามกินเหล้า ?
เนื่องจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด ส่งผลต่อความร้อนในร่างกาย ทำให้โบท็อกออกฤทธิ์ได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ผลลัพธ์อยู่ได้สั้นลง ดังนั้นหลังฉีดโบท็อก 48 ชั่วโมง จึงควรงดก่อนครับ
หลังฉีดโบท็อก กินคอลลาเจนได้ไหม ?
สามารถกินคอลลาเจนได้ตามปกติครับ ไม่มีผลกระทบต่อการออกฤทธิ์ของโบท็อก ในทางกลับกันอาจช่วยเสริมให้ผิวดูสุขภาพดีขึ้น และลดริ้วรอยจากภายในไปด้วย
หลังฉีดโบท็อก กินอาหารทะเลได้ไหม ?
สามารถทานอาหารทะเลได้ปกติครับ ในอาหารทะเลจะมีแร่ธาตุสังกะสี (Zinc) แต่ควรทานในปริมาณที่พอดี
หลังฉีดโบท็อก กินกาแฟได้ไหม ?
สามารถดื่มกาแฟได้ตามปกติครับ เนื่องจากในกาแฟมีปริมาณคาเฟอีนที่น้อย ไม่ส่งผลทำให้หลอดเลือดขยายตัว คนไข้ที่ชอบดื่มกาแฟสบายใจได้ครับ
หลังฉีดโบท็อกมาแล้ว ทาครีมได้ไหม ?
หลังฉีดโบท็อกเสร็จ จะมีรอยเข็มเล็ก ๆ จึงควรเลี่ยงการทาครีมบริเวณที่ฉีด 1 คืน เพื่อลดการระคายเคืองผิว จากนั้น 1 อาทิตย์คนไข้สามารถทำ Treatment ได้ตามปกติครับ
สรุป หลังฉีดโบท็อก ทำไมถึงควรให้ความสำคัญ
เพื่อให้หลังฉีดโบท็อกได้ผลลัพธ์ที่ดีและอยู่ได้นาน ควรปฏิบัติตามคำแนะนำก่อนฉีดโบท็อก ข้อห้ามหลังฉีดโบท็อก อย่างเคร่งครัด
นอกจากนี้การฉีดโบท็อกแท้ ที่ผสมตัวยาได้มาตรฐาน ฉีดในระดับความลึกที่เซลล์เส้นประสาทเกาะกล้ามเนื้อ จะช่วยให้โบท็อกออกฤทธิ์ได้ดี และอยู่ได้นานขึ้นครับ เพื่อความมั่นใจก่อนฉีด แนะนำให้เข้ารับการปรึกษากับแพทย์โดยตรงที่ V Square Clinic ทุกสาขาได้เลยครับ