ฉีดฟิลเลอร์ปาก
การฉีดฟิลเลอร์ปาก ช่วยแก้ปัญหาปากไม่เท่ากัน ปากบาง ปากแห้ง แตก เป็นร่อง และยังสามารถฉีดฟิลเลอร์ปากเพื่อยกมุมปาก ปรับทรงปากสวย เช่น ทรงกระจับ ทรงปากเกาหลี หรือทรงปากสายฝอ เติมเต็มริมฝีปากให้ดูอวบอิ่ม เซ็กซี่ หลังฉีดเห็นผลทันที
สำหรับใครที่ฉีดฟิลเลอร์ปากครั้งแรก ต้องรู้ก่อนว่าฟิลเลอร์ปาก คืออะไร? ฉีด Filler อันตรายไหม? ฟิลเลอร์ปากยี่ห้อไหนดี? ใช้กี่ CC? ข้อปฏิบัติก่อนฉีด การดูแลหลังฉีด และข้อควรรู้ก่อนฉีดฟิลเลอร์ปาก หมออธิบายทั้งหมดไว้ในบทความนี้ครับ
สารบัญ ฟิลเลอร์ปาก
- ฟิลเลอร์ปาก คึออะไร ?
- รูปทรงฟิลเลอร์ปากที่เหมาะกับคนไทย
- ใครบ้างที่ควรทำฟิลเลอร์ปากกระจับ
- ฟิลเลอร์ปาก VS ผ่าตัดปาก
- ผ่าตัดทำปากบางมาแล้วบางเกินไป เติมฟิลเลอร์ปากแก้ได้ไหม ?
- ฉีดฟิลเลอร์ปาก อันตรายไหม ?
- วิธีดูฟิลเลอร์แท้ที่ปลอดภัย
- อันตรายจากฉีดฟิลเลอร์ปลอม
- ฉีดฟิลเลอร์ปากยี่ห้อไหนดี แต่ละยี่ห้ออยู่ได้นานแค่ไหน ?
- ฟิลเลอร์ปากใช้กี่ CC ?
- ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์ปาก
- ข้อควรปฏิบัติก่อนฉีดฟิลเลอร์ปาก
- ฟิลเลอร์ปาก อยู่ได้นานแค่ไหน ?
- ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ปาก
- อาการข้างเคียงที่เกิดขึ้นหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก
- ฉีดฟิลเลอร์ปาก บวมกี่วัน ? กี่วันเห็นผล ?
- ข้อควรปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก
- ฉีดสลายฟิลเลอร์ปาก
- ฉีดฟิลเลอร์ปากที่ V Square ดีอย่างไร ?
- รีวิว ฉีดฟิลเลอร์ ปาก
- หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก มีวิธีการดูแลตัวเองอย่างไร ?
- ฉีดฟิลเลอร์ปาก เป็นก้อน เกิดจากอะไร ?
- ฉีดฟิลเลอร์ปาก เจ็บไหม ?
- ฉีดฟิลเลอร์ปาก กี่วันเข้าที่ ?
- ฟิลเลอร์ปาก คึออะไร ?
- รูปทรงฟิลเลอร์ปากที่เหมาะกับคนไทย
- ใครบ้างที่ควรทำฟิลเลอร์ปากกระจับ
- ฟิลเลอร์ปาก VS ผ่าตัดปาก
- ผ่าตัดทำปากบางมาแล้วบางเกินไป เติมฟิลเลอร์ปากแก้ได้ไหม ?
- ฉีดฟิลเลอร์ปาก อันตรายไหม ?
- วิธีดูฟิลเลอร์แท้ที่ปลอดภัย
- อันตรายจากฉีดฟิลเลอร์ปลอม
- ฉีดฟิลเลอร์ปากยี่ห้อไหนดี แต่ละยี่ห้ออยู่ได้นานแค่ไหน ?
- ฟิลเลอร์ปากใช้กี่ CC ?
- ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์ปาก
- ข้อควรปฏิบัติก่อนฉีดฟิลเลอร์ปาก
- ฟิลเลอร์ปาก อยู่ได้นานแค่ไหน ?
- ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ปาก
- อาการข้างเคียงที่เกิดขึ้นหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก
- ฉีดฟิลเลอร์ปาก บวมกี่วัน ? กี่วันเห็นผล ?
- ข้อควรปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก
- ฉีดสลายฟิลเลอร์ปาก
- ฉีดฟิลเลอร์ปากที่ V Square ดีอย่างไร ?
- รีวิว ฉีดฟิลเลอร์ ปาก
- หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก มีวิธีการดูแลตัวเองอย่างไร ?
- ฉีดฟิลเลอร์ปาก เป็นก้อน เกิดจากอะไร ?
- ฉีดฟิลเลอร์ปาก เจ็บไหม ?
- ฉีดฟิลเลอร์ปาก กี่วันเข้าที่ ?
ฟิลเลอร์ปาก คืออะไร ?
ฟิลเลอร์ปาก คือ สารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid : HA) ที่มีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำ หมอจะฉีดเข้าไปบริเวณริมฝีปากเพื่อเพิ่มเนื้อและปรับขนาดโครงสร้างปาก ให้ริมฝีปากบางดูอวบอิ่มขึ้นและเป็นรูปทรงที่สวยงาม แก้ปัญหาปากบน-ล่างไม่เท่ากัน ปากแห้ง แตก เป็นร่อง หรือลอกเป็นขุย
นอกจากการเพิ่มความอวบอิ่ม ฟิลเลอร์ปากสามารถแก้ปัญหารูปปากคว่ำที่ทำให้ดูหน้าบึ้ง ให้กลับมาดูยิ้มแย้มสดใสขึ้น ด้วยเทคนิคฉีดฟิลเลอร์ยกมุมปาก โดยจะฉีดฟิลเลอร์เข้าไปบริเวณใบหน้าช่วงบนหรือช่วงแก้มให้ยกกระชับขึ้นไป มุมปากที่ตกก็จะยกขึ้นตามไปด้วย
หรือในรายที่มีริ้วรอยรอบ ๆ มุมปากร่วมด้วย ก็สามารถฉีดเติมเต็มให้ผิวบริเวณรอบมุมปากเต่งตึงขึ้นได้ครับ โดยหลังฉีดฟิลเลอร์ปากจะเห็นความเปลี่ยนแปลงทันที
รูปทรงฟิลเลอร์ปากที่เหมาะกับคนไทย
เทรนด์การฉีดฟิลเลอร์ปากที่ได้รับความนิยม มีตั้งแต่ทรงปากเกาหลี ทรงปากสายฝอ และทรงปากกระจับ ซึ่งแต่ละแบบจะมีลักษณะรูปทรงที่ต่างกัน
1. ทรงปากเกาหลี
ทรงปากสายเกาหลี หรือที่เรียกว่าทรง Cherry Lips ลักษณะของปากทรงนี้จะเหมือนลูกเชอร์รี 2 ลูก มาประกบกันอยู่ตรงกลางริมฝีปาก โดยช่วงกลางของริมฝีปากบนและล่างจะดูอิ่มฟูกว่าด้านข้างครับ ช่วยปรับทรงปากให้ดูอวบอิ่ม เต็ม ฟู และยังทำให้หน้าดูเด็กลงอีกด้วยครับ
2. ทรงปากสายฝอ
ทรงปากสายฝอจะมี 2 แบบ คือ แบบปากอวบอิ่ม เซ็กซี่ (หนาแต่ปากล่าง) โดยริมฝีปากจะเต็มอิ่มโดยเฉพาะริมฝีปากล่าง ส่วนริมฝีปากบนจะมีความเจ่อเล็กน้อย และแบบปากอวบหนา เต็มสวย (เต็มทั้งล่างบน) โดยริมฝีปากจะเต็มอิ่มทั้งริมฝีปากล่างและริมฝีปากบน ขึ้นอยู่กับความชอบครับ ปัจจุบันการฉีดฟิลเลอร์ปากสายฝอเป็นเทรนด์ที่มาแรงตามกระแสดารา ที่หันมาเติมฟิลเลอร์ปากปรับทรงปากสายฝอ เพิ่มลุคเซ็กซี่
ในเคสที่นำรูปทรงปากของดาราที่ชื่นชอบมาเป็นตัวอย่าง หมอจะต้องประเมินและวิเคราะห์สัดส่วนใบหน้าก่อนครับว่าเหมาะสมหรือไม่
จากภาพ เมื่อนำใบหน้าของคนไทยปรับทรงปากสายฝอ (ภาพซ้าย) จะเห็นว่าไม่ค่อยสมดุลกับโครงหน้าครับ เพราะโครงหน้าของคนไทยส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะปากนิด จมูกหน่อย ไม่เหมือนกับโครงหน้าฝรั่งที่ทุกส่วนบนใบหน้า ไม่ว่าจะเป็น คิ้ว ตา จมูก รวมถึงคาง จะได้รูปเด่นชัดกว่าโครงหน้าของคนไทย เมื่อเปรียบเทียบกับทรงปากกระจับ (ภาพขวา) จึงดูเหมาะและสมดุลกับจุดอื่น ๆ บนใบหน้า ดูเป็นธรรมชาติมากกว่า
3. ทรงปากกระจับ
ทรงปากกระจับ ลักษณะริมฝีปากทั้งส่วนบนและส่วนล่างได้รูปสวยงามรับกับใบหน้า รูปทรงปากโค้งเรียวสวยคล้ายผลกระจับ จึงเป็นที่มาที่เรียกรูปปากทรงนี้ว่าปากกระจับ หรือบางคนอาจจะเรียกว่าปากปีกนกเพราะลักษณะมุมปากกระจับจะเรียวและยกขึ้นคล้ายปีกนก เป็นรูปทรงปากช่วยเพิ่มมิติให้ใบหน้า เป็นปากกระจับ ธรรมชาติ ไม่บางหรือเรียบแบนจนเกินไป และได้รูปสวยงามทั้งปากบนและปากล่าง
ลักษณะปากกระจับ
- ขนาดของริมฝีปากบน : ล่าง มีความเหมาะสมตามสัดส่วนทองคำ (Golden Ratio) คือ 1:1.6-1.8
- เมื่อมองด้านข้างแล้วลากเส้นจากปลายจมูกลงมาที่คาง ริมฝีปากล่างควรจะแตะเส้นนี้พอดี ส่วนริมฝีปากบนควรจะห่างจากเส้นนี้ 2 mm
- ร่องริมฝีปากบน (Philtrum) ที่เป็นรูปตัว M ควรมีขอบหยัก ชัดเจน คมชัด ดูมีมิติ
- เนื้อริมฝีปากล่างไม่ควรใหญ่เกินขอบเขตของยอดตัว M ของริมฝีปากบน
- มุมปาก (Oral Commissures) ควรยกขึ้น ไม่ทิ่มลง
- ขอบปาก (Vermillion Border) มีสัดส่วนเท่ากันทั้ง 2 ข้าง
- เนื้อปาก (Vermillion) ควรอวบอิ่ม เรียบเนียน ไม่มีริ้วรอย
การฉีดปากกระจับให้ได้รูปทรงที่สวยงาม ดูเป็นธรรมชาติ หมอต้องรู้เทคนิคและมีประสบการณ์ ที่ V Square Clinic เทคนิคของหมอจะเน้นเรื่องความเป็นธรรมชาติ โดยใส่ใจรายละเอียดบริเวณ Vermilion border (ขอบปาก) และ Philtrum (ร่องบนริมฝีปาก) เป็นพิเศษ
การฉีดฟิลเลอร์ปาก ฉีดปากกระจับ เป็นทรงปากที่นิยมและเหมาะกับคนไทย ด้วย 5 เหตุผล คือ
- ทรงปากบนและล่างได้รูปสวยงาม
- เพิ่มความเซ็กซี่ ทำให้ใบหน้าดูละมุนขึ้น
- สร้างความมั่นใจ เสริมบุคลิกภาพที่ดี
- ส่งผลให้รูปหน้าโดยรวมมีมิติมากยิ่งขึ้น
- เสริมโหงวเฮ้ง วาสนาดี สติปัญญาดี
ก่อนฉีดฟิลเลอร์ปาก หมอจะประเมิน และคำนวณสัดส่วนฟิลเลอร์ปาก ให้รับกับจุดอื่น ๆ บนใบหน้า เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะฉีดปากทรงนี้ได้ ควรปรึกษาหมอเพื่อวิเคราะห์ว่ารูปทรงปากเดิมเหมาะที่จะทำปากกระจับไหม เคยมีประวัติผ่าตัดปากมาก่อนหรือไม่ มีเนื้อปากบางเกินไปหรือปากหนาอยู่แล้ว หมอจะช่วยประเมินว่าควรใช้การผ่าตัด หรือฉีดฟิลเลอร์ปากก็เพียงพอครับ
ใครบ้างที่ควรทำฟิลเลอร์ปากกระจับ
- คนที่มีปัญหา ปากบนหนา ปากบนใหญ่ หรือไม่เป็นทรง สามารถปรับทรงให้เป็นปากกระจับได้
- คนปากคว่ำ ดูแล้วหน้าดุ สามารถทำปากกระจับยกมุมปากขึ้น เพื่อให้ยิ้มสวยขึ้น และหน้าหวานขึ้นได้
- คนที่มีเนื้อปากไม่หนาเกินไป แต่อยากให้เป็นทรงมากขึ้น
- คนที่ปากไม่เท่ากัน เช่น เคยประสบอุบัติเหตุมา หรือเคยมีประวัติผ่าตัดมาก่อน
การทำปากกระจับ เหมาะกับคนที่ต้องการเสริมบุคลิกภาพ สร้างความมั่นใจในตัวเอง เพราะปากกระจับ ไม่เพียงแต่ช่วยให้ใบหน้าดูโดดเด่น มีมิติขึ้นเท่านั้น แต่ยังดูเซ็กซี่ขึ้นได้ ทำได้ทั้งปากกระจับผู้หญิง และปากกระจับผู้ชาย
ฟิลเลอร์ปาก vs ผ่าตัดปาก
เปรียบเทียบ | ฟิลเลอร์ปาก | ผ่าตัดปาก |
---|---|---|
ระยะเวลาเห็นผล | เห็นผลทันทีหลังทำ | ต้องรอให้แผลสมานตัว ใช้เวลานานกว่า 7-9 วัน และอาจต้องใช้เวลามากกว่า 2 สัปดาห์กว่าที่แผลจะหายดี |
ระยะเวลาพักฟื้น | ไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้น | พักฟื้นนาน |
ขนาดแผล | ไม่มีแผลหลังทำ อาจมีรอยเข็มเพียงเล็กน้อย สามารถหายได้ | อาจมีรอยแผลนูน หรือรอยแผลเป็นบริเวณแผลผ่าตัด |
ระยะเวลาบวมช้ำ | ประมาณ 7-14 วัน สามารถหายได้เอง เห็นผลลัพธ์ชัดเจนเข้าที่ ประมาณ 1-2 สัปดาห์ | ประมาณ 3 เดือน โดยจะบวมมากที่สุดในช่วง 3-4 วันแรก จากนั้นจะค่อย ๆ บวมน้อยลง |
การคงผลลัพธ์ | อยู่ได้นาน 6-18 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อฟิลเลอร์และรุ่นฟิลเลอร์ที่เลือกใช้ | สามารถรักษารูปทรงปากไว้ได้อย่างถาวร |
ราคา | 13,000-14,000.-/CC ขึ้นอยู่กับคลินิกที่เลือกใช้บริการ | 15,000-25,000.-/CC ขึ้นอยู่กับคลินิกที่เลือกใช้บริการ |
การฉีดฟิลเลอร์ปากและการผ่าตัดปาก มีข้อดี-ข้อเสียแตกต่างกัน โดยการฉีดฟิลเลอร์ปากจะเน้นปรับทรงปากให้ดูอวบอิ่มขึ้น สามารถทำทรงปากกระจับได้ แต่อยู่ไม่ได้ถาวร ส่วนการผ่าตัดปาก แม้จะรักษารูปปากไว้ได้ถาวร แต่ก็ต้องรับความเสี่ยงจากการผ่าตัด และหากมีข้อผิดพลาดก็แก้ไขได้ยากครับ
ผ่าตัดทำปากบางมาแล้วบางเกินไป เติมฟิลเลอร์ปากแก้ได้ไหม ?
ในเคสที่ผ่าตัดปากมาแล้ว ปากบางเกินไป สามารถเติมฟิลเลอร์ปากแก้ไขให้ดีขึ้นได้ แต่ก็ขึ้นกับพังผืดที่เกิดจากการผ่าตัด ถ้าพังผืดดึงรั้งมากก็จะเติมฟิลเลอร์ได้น้อย ดังนั้นก่อนที่จะผ่าตัดริมฝีปากควรศึกษาข้อมูลให้ดี เพราะจากประสบการณ์ของหมอ มีคนไข้หลายเคสที่ผ่าตัดริมฝีปากมาแล้วปากบางเกินไป เนื้อน้อยมากจนไม่สามารถเติมฟิลเลอร์แก้ได้ และไม่สามารถแก้ไขด้วยวิธีใด ๆ ได้เลย
ฉีดฟิลเลอร์ปาก อันตรายไหม ?
การฉีดฟิลเลอร์ปาก ไม่อันตรายครับ หากฉีดโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์และใช้ฟิลเลอร์แท้ เนื่องจากสารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอนิก Hyaluronic Acid (HA) มีความปลอดภัย สามารถสลายไปได้เองตามธรรมชาติ 100%
แพทย์ที่มีประสบการณ์จะรู้เทคนิคในการฉีดที่ถูกต้อง เพราะริมฝีปากประกอบด้วยเส้นเลือดฝอยขนาดเล็กจำนวนมาก ต้องใช้ความระมัดระวังในการฉีด เพื่อไม่ให้เกิดฟิลเลอร์อุดตันเส้นเลือดหรือฉีดโดนเส้นเลือดหลักที่อยู่ลึกลงไป ซึ่งถ้าเป็นหมอที่มีประสบการณ์ การฉีดฟิลเลอร์ปากก็มีความปลอดภัย 100% ครับ
มีกรณีที่ควรระวัง คือ คนไข้ที่ผ่านการผ่าตัดริมฝีปากมากก่อนแล้วต้องการฉีดฟิลเลอร์ปาก ต้องแจ้งแพทย์ว่าเคยผ่าตัดมาก่อน เพราะในกรณีนี้เส้นเลือดบางส่วนของคนไข้จะโดนรอยแผลที่เป็นพังผืดปิดกั้น ทำให้แพทย์ต้องเพิ่มความระมัดระวังในการฉีดมากขึ้น และมีความเสี่ยงในการฉีดฟิลเลอร์อุดตันเส้นเลือดได้มากกว่าเคสปกติ
แต่ถึงแม้จะเกิดการอุดตันเส้นเลือด ด้วยเทคนิคการแก้ไขที่มีในปัจจุบันก็สามารถฉีดสลายฟิลเลอร์และแก้ไขให้กลับคืนมาได้ภายใน 7-14 วัน เป็นเหตุผลว่าทำไมจึงควรฉีดฟิลเลอร์ปากกับแพทย์ที่มีประสบการณ์เท่านั้น เพราะหากเกิดเหตุสุดวิสัยก็สามารถจะแก้ไขได้อย่างทันท่วงที
วิธีการดูฟิลเลอร์แท้ที่ปลอดภัย
ก่อนฉีดฟิลเลอร์ ควรศึกษาวิธีดูฟิลเลอร์แท้แต่ละยี่ห้อ โดยสามารถตรวจสอบได้เองในเบื้องต้น ด้วยการให้หมอแกะกล่องให้ดูต่อหน้า เพื่อให้มั่นใจว่าฟิลเลอร์ที่นำมาฉีดนั้นเป็นฟิลเลอร์แท้ โดยสังเกตจากเลขทะเบียนอย. เอกสารกำกับภาษาไทย เลข lot. ที่กล่อง และอื่น ๆ ดังนี้
ตัวอย่างวิธีสังเกตฟิลเลอร์แท้ ยี่ห้อ Juvederm และ Restylane
อันตรายจากฉีดฟิลเลอร์ปลอม
อันตรายจากการฉีดฟิลเลอร์ ส่วนใหญ่เกิดจากการเลือกฉีดฟิลเลอร์ปลอม ฟิลเลอร์หิ้ว ฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน นำเข้าผิดกฎหมาย ไม่ผ่านอย. ไม่ได้เก็บรักษาในอุณหภูมิที่เหมาะสม หรือฟิลเลอร์ที่มีการโฆษณาอวดอ้างว่าฟิลเลอร์ที่ฉีดให้เป็นแบบกึ่งถาวร อยู่ได้นานเกินกว่า 5 ปี ซึ่งไม่ใช่สารเติมเต็มประเภท Hyaluronic Acid และอาจเป็นอันตรายได้ครับ
โดยมากจะพบได้ตามคลินิกเถื่อน หมอกระเป๋า เว็บออนไลน์ที่ลักลอบขายผิดกฎหมาย หากฟิลเลอร์ปลอมอยู่ใต้ผิวหนังเป็นระยะเวลานานเกินไป อาจจะมีการเคลื่อนตำแหน่งไปยังจุดอื่นบนใบหน้าได้ หรือหากฉีดโดนเส้นเลือดหรือบริเวณอื่น ๆ ที่ไม่ต้องการ เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย ดังนี้
- อาจเกิดอาการเน่า
- อักเสบติดเชื้อ
- เนื้อตาย เสี่ยงตาบอด
- บวมเป็นก้อน ใบหน้าผิดรูป
- ไหลย้อย ผิดทิศทาง
- เนื้อตาย พังผืด
- เส้นประสาทถูกทำลาย
- ไม่สลายตามธรรมชาติ
การฉีดฟิลเลอร์ต้องฉีดโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์สูงด้านการฉีดฟิลเลอร์และปรับรูปหน้า ซึ่งจะรู้เทคนิคการฉีดที่ถูกต้องเหมาะสม และวิเคราะห์ปริมาณยาและตำแหน่งที่ฉีดได้อย่างแม่นยำ
ที่สำคัญจะต้องฉีดในคลินิกเสริมความงามที่ได้มาตรฐาน เปิดให้บริการอย่างถูกต้อง ใช้ฟิลเลอร์แท้ แพทย์แกะกล่องฟิลเลอร์ให้ดูต่อหน้า เพื่อให้มั่นใจได้ว่ามีความปลอดภัย สามารถตรวจสอบยี่ห้อฟิลเลอร์ที่ผ่านการรับรองจาก อย.ได้ คลิกที่นี่
ฉีดฟิลเลอร์ปากยี่ห้อไหนดี แต่ละยี่ห้ออยู่ได้นานแค่ไหน ?
V Square Clinic เลือกใช้ฟิลเลอร์แท้ แบรนด์ระดับโลก โดยมีฟิลเลอร์ปากหลายรุ่นให้แพทย์เลือกใช้ให้เหมาะกับปัญหาของแต่ละเคส และความถนัดของแพทย์ท่านนั้น ๆ ครับ
- Juvederm Ultra Plus ฟิลเลอร์เนื้อนิ่มและฟูมาก เหมาะกับคนที่ต้องการปากอวบอิ่มแบบฝรั่ง อยู่ได้นาน 12 เดือน
- Juvederm Voluma ฟิลเลอร์เนื้อแข็ง แน่น ฟูปานกลาง อยู่ได้นานที่สุด เหมาะกับผู้ที่ต้องการปากอวบอิ่มและอยู่ได้นาน อยู่ได้นาน 18 เดือน
- Juvederm Volift ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม มีความละเอียด และยืดหยุ่นสูง ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ ไม่เป็นก้อน อยู่ได้นาน 12 เดือน
- Juvederm Volite ฟิลเลอร์เนื้อละเอียด ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น มีความเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับบำรุงผิวชุ่มชื้น อยู่ได้นาน 8-12 เดือน
- Restylane Vital Light ฟิลเลอร์เนื้อละเอียด ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น เหมาะกับผู้ที่ต้องการให้ผิวปากชุ่มชื้น ไม่ต้องการเพิ่มความอวบอิ่มอยู่ได้นาน 6-12 เดือน
- Restylane Volyme ฟิลเลอร์เนื้อนิ่มปานกลาง และมีความยืดหยุ่นสูง อุ้มน้ำ ดูเป็นธรรมชาติไม่เป็นก้อน เหมาะฉีดมุมปาก อยู่ได้นาน 18 เดือน
- Restylane Refyne ฟิลเลอร์เนื้อเจล มีความยืดหยุ่น สามารถเติมเต็มให้ปากอวบอิ่ม เป็นธรรมชาติ อยู่ได้นาน 12 เดือน
ฟิลเลอร์ปากใช้กี่ CC ?
โดยทั่วไปเติมฟิลเลอร์ปากเพียง 1 CC ก็สามารถเห็นความเปลี่ยนแปลงได้ชัดเจนครับ ในเคสที่ปากบางมาก ๆ อยากได้ทรงปากอวบอิ่มแบบฝรั่ง ต้องการเพิ่มวอลลุ่มมาก ๆ อาจจะต้องใช้ 2 CC การจะปรับทรงปากให้สวยงามเหมาะกับรูปหน้า หมอจะประเมินความเหมาะสมเป็นรายเคสครับ
ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์ปาก
- เพิ่มความอวบอิ่ม ปรับทรงปากกระจับ แก้ปัญหาปากแห้ง ปากบาง ปากไม่เท่ากัน
- อยู่ไม่ถาวร แต่สามารถฉีดเพิ่มได้เรื่อย ๆ ใช้เพียง 1-2 CC ก็เห็นผลชัดเจน
- ไม่มีแผล ไม่ต้องพักฟื้น เห็นผลทันที
- มีความปลอดภัยสูง ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติ
- ถ้าไม่พอใจกับรูปทรงปาก สามารถฉีดสลายได้
ข้อควรปฏิบัติก่อนฉีดฟิลเลอร์ปาก
- ก่อนฉีดฟิลเลอร์ปาก ควรหาข้อมูลและเลือกฉีดกับคลินิกที่ได้มาตรฐาน
- ศึกษาวิธีดูฟิลเลอร์แท้
- ดูรีวิวจากผู้ใช้บริการจริงในคลินิกนั้น ๆ
- งดยาทาชนิดผลัดเซลล์ผิว ยาแอสไพริน ยา NSAIDs เช่น Ibruprofen, Diclofenac, Ponstan และงดแว็กรอบปาก 1 สัปดาห์ก่อนทำ
- งดวิตามิน St.John’s Wort, Ginko Biloba, Primrose Oil, Garlic, Ginseng และ Vitamin E 1 สัปดาห์ก่อนทำ
- งดดื่มแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมงก่อนทำ
- งดกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด
- หากมีโรคประจำตัว หรือมียาที่รับประทานเป็นประจำ ให้แจ้งกับแพทย์ก่อนที่จะทำหัตถการ
- ไม่มีประวัติแพ้สารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอนิก แอซิด
- ไม่ได้อยู่ในช่วงตั้งครรภ์ ให้นมบุตร หรือมีปัญหาเลือดออกแล้วหยุดยาก
- หลังจากแพทย์ซักประวัติแล้ว หากคนไข้ไม่มีปัญหาอะไร สามารถเข้ารับการฉีดฟิลเลอร์ปากได้ทันที
ฟิลเลอร์ปาก อยู่ได้นานแค่ไหน ?
ฟิลเลอร์ปาก อยู่ได้ประมาณ 6-18 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อฟิลเลอร์ และวิธีการดูแลตัวเองหลังฉีด ในช่วงแรกควรหลีกเลี่ยงอาหารร้อนจัด เพราะอาจจะทำให้ฟิลเลอร์สลายเร็วกว่าอายุจริงของฟิลเลอร์ได้ หากดูแลตัวเองหลังฉีดปากอย่างถูกวิธี หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำให้ฟิลเลอร์สลายเร็วขึ้น ก็จะช่วยรักษาอายุของฟิลเลอร์ไว้ได้นานครับ
ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ปาก
- ปรึกษาแพทย์ ก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ปาก ควรนัดเข้ามาปรึกษาปัญหาและให้หมอช่วยประเมินใบหน้า เพื่อเลือกรูปทรงปากที่เหมาะสมที่สุด
- เลือกชนิดของฟิลเลอร์และรุ่นที่เหมาะสม แพทย์จะช่วยประเมินใบหน้า และแนะนำฟิลเลอร์ว่าควรใช้รุ่นไหน ยี่ห้อไหน ให้เหมาะสมกับจุดที่ฉีด
- ทำความสะอาดใบหน้าในจุดที่ฉีด ถ้าแต่งหน้ามาจะมีการเช็ดเครื่องสำอางในบริเวณที่จะฉีด เพื่อความสะอาดและปลอดภัย
- แปะยาชาและประคบน้ำแข็งก่อนฉีดฟิลเลอร์ เพื่อช่วยลดความเจ็บจากเข็ม แต่ในเนื้อฟิลเลอร์บางรุ่นจะมียาชาผสมอยู่แล้ว ช่วยลดความเจ็บจากเข็มได้
- ก่อนฉีดฟิลเลอร์ ควรตรวจสอบว่าเป็นฟิลเลอร์แท้ โดยให้หมอแกะกล่องฟิลเลอร์ให้ดูต่อหน้า เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นฟิลเลอร์แท้จริง ๆ
- ฉีดฟิลเลอร์โดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ 5-10 ปี
- หลังฉีดฟิลเลอร์เรียบร้อยแล้ว หมอจะแนะนำวิธีการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ ควรปฏิบัติตามคำแนะนำเพื่อรักษาให้ฟิลเลอร์เข้าที่และอยู่ได้นานขึ้น
- มีการนัดติดตามผลหลังทำทุกเคส
อาการข้างเคียงที่เกิดขึ้นหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก
อาการข้างเคียงหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก อาจมีรอยบวมแดงในบริเวณที่ฉีด หรือรู้สึกเจ็บจากอาการบวมได้เป็นปกติครับ อาการเหล่านี้จะค่อย ๆ ดีขึ้น และเมื่ออาการบวมหายเป็นปกติแล้ว ก็จะเห็นรูปทรงปากที่ชัดเจนขึ้น
ฉีดฟิลเลอร์ปาก บวมกี่วัน ? กี่วันเห็นผล ?
- 1 วัน ริมฝีปากอวบอิ่มขึ้น
- 2-3 วัน อาจมีรอยบวมแดงบริเวณที่ฉีดหรือรู้สึกเจ็บจากอาการบวมเป็นเรื่องปกติ หายได้เอง
- 4-5 วัน อาการบวมค่อย ๆ ลดลง เริ่มเห็นทรงปากชัด
- 1-2 สัปดาห์ ริมฝีปากเข้าที่ อวบอิ่ม เป็นทรงสวย ดูเป็นธรรมชาติ
หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก ห้ามนวด คลึง ดึงหรือลอกหนังริมฝีปาก และดื่มเครื่องดื่มร้อน ๆ เพื่อรักษาความชุ่มชื้นและป้องกันไม่ให้ปากเสียรูปทรง
ข้อควรปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก
- ควรดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อเพิ่มการอุ้มน้ำของฟิลเลอร์ และช่วยให้ฟิลเลอร์ฟู อยู่ได้นานขึ้น
- ควรรับประทานและเครื่องดื่มอุณหภูมิปกติ เลี่ยงของร้อน เพราะอาจทำให้ปากเกิดอาการบวม
- ใน 12 ชั่วโมงแรก ควรงดใช้หลอดดูดน้ำ งดทาลิปสติกและงดสูบบุหรี่
ฉีดสลายฟิลเลอร์ปาก
หากใครฉีดไปแล้วไม่ชอบทรงปาก อยากแก้ทรงปาก สามารถทำได้โดยการฉีดยาสลายฟิลเลอร์ ด้วยไฮยาโลรูนิเดส (Hyaluronidase) ซึ่งจะค่อย ๆ สลายฟิลเลอร์จนหมดครับ
การฉีดฟิลเลอร์ปากให้อวบอิ่ม พอดีสวยงาม ต้องอาศัยความชำนาญของแพทย์ในการประเมินปริมาณการใช้ฟิลเลอร์ที่พอดี และเลือกยี่ห้อฟิลเลอร์ได้อย่างเหมาะสม เพราะหากใช้ในปริมาณมากเกินไป อาจจะทำให้ปากใหญ่ หน้าบานออก คล้ายทำปากเป็ดอยู่ตลอดเวลา หรือเจ่อมากเกินไม่สวยงาม
ในกรณีนี้สามารถฉีดสลายฟิลเลอร์ได้เช่นเดียวกันครับ แต่ใช้ได้ในกรณีที่ฉีดฟิลเลอร์แท้เท่านั้น ถ้าฉีดฟิลเลอร์ปลอม มีอาการบวมเป็นก้อน ฟิลเลอร์ไหล ทำให้ปากไม่เป็นทรง ต้องผ่าตัดแก้ไขครับ
ฉีดฟิลเลอร์ปากที่ V Square ดีอย่างไร ?
ฉีดฟิลเลอร์ปากที่ V Square ใช้ฟิลเลอร์แท้ แบรนด์ระดับโลก ผ่านการรับรองจาก อย. และฉีดโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ด้านการปรับรูปหน้าอย่างน้อย 5-10 ปี เนื่องจากริมฝีปากประกอบด้วยเส้นเลือดฝอยขนาดเล็กจำนวนมาก จึงต้องระมัดระวังในการฉีด เพื่อไม่ให้ฟิลเลอร์อุดตันเส้นเลือด หรือฉีดโดนเส้นเลือดหลักที่อยู่ลึกลงไป
นอกจากจะมั่นใจได้ในเรื่องของความปลอดภัยแล้ว หมอที่มีประสบการณ์สูง จะสามารถช่วยออกแบบรูปทรงปากให้เหมาะสมกับใบหน้าของแต่ละบุคคลได้ ส่งผลให้ใบหน้าโดยรวมมีความโดดเด่น ดูมีเสน่ห์ขึ้น โดยปัจจุบันมีสาขาให้บริการทั่วกรุงเทพฯ และมีช่องทางติดต่อ ปรึกษาออนไลน์ฟรี ก่อนนัดคิวเข้ามาใช้บริการที่สาขาใกล้บ้าน
รีวิว ฉีดฟิลเลอร์ ปาก
หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก มีวิธีการดูแลตัวเองอย่างไร ?
หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก หากอยากจะรักษาผลลัพธ์ให้อยู่ได้นาน ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ นอกจากข้อปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์ ควรดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อเพิ่มการอุ้มน้ำของฟิลเลอร์ ช่วยให้ฟิลเลอร์ฟูขึ้น และอยู่ได้นานขึ้นแล้ว ยังมีวิธีดูแลหลังฉีดฟิลเลอร์ปากที่ต้องให้ความสำคัญ ดังนี้
- ควรหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด รวมถึงเครื่องดื่มร้อนบ่อย ๆ เพราะความร้อนอาจทำให้ฟิลเลอร์สลายเร็วขึ้น
- งดการทำกิจกรรมหรือการออกกำลังหนัก ๆ ที่จะทำให้ปากเสียรูปทรง
- ไม่ควรดึงหรือลอกหนังริมฝีปาก เพราะจะเป็นการทำลายผิวริมฝีปาก ทำให้ผิวเก็บกักน้ำและความชุ่มชื้นไว้ได้น้อยลง
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณที่ฉีด ไม่จับ บีบ นวดบริเวณริมฝีปาก เพราะอาจทำให้รูปปากที่ทำมาเสียรูปได้
ฉีดฟิลเลอร์ปาก เป็นก้อน เกิดจากอะไร ?
1. เทคนิคฝีมือและประสบการณ์การฉีดของแพทย์
การฉีดฟิลเลอร์ไม่ใช่ใครก็ฉีดได้ ต้องเป็นแพทย์ที่มีความรู้เกี่ยวกับฟิลเลอร์ รู้โครงสร้างสรีรวิทยาของร่างกายมนุษย์ รู้ศิลปะด้านการปรับรูปหน้า จึงจะได้ผลลัพธ์ที่ออกมาเป็นที่พึงพอใจ ถ้าแพทย์ขาดความรู้และประสบการณ์ มีความเสี่ยงที่จะฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน เพราะอาจฉีดผิดตำแหน่ง ผิดชั้นผิวได้ครับ
2. ชนิดของฟิลเลอร์ไม่เหมาะสมกับบริเวณที่ฉีด
ฟิลเลอร์ที่มีขนาดของโมเลกุลมีความหนาแน่นสูง ควรฉีดในผิวชั้นลึก ถ้านำมาฉีดในผิวชั้นตื้นก็จะทำให้ฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อนได้ เช่น ใช้ฟิลเลอร์ที่มีความแข็งและเหนียวค่อนข้างมาก นำมาใช้ฉีดบริเวณปากอาจจับตัวเป็นก้อนได้
3. ปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้ฉีดมากเกินไป
การเลือกยี่ห้อฟิลเลอร์ ปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้ และตำแหน่งที่ฉีด ต้องพิจารณาให้มีความเหมาะสมครับ เพราะถ้าใช้เกินความจำเป็น ก็อาจทำให้ฉีดฟิลเลอร์ปากแล้วเป็นก้อนได้ครับ
4. ฟิลเลอร์ที่ฉีดไม่ได้มาตรฐาน ไม่ผ่าน อย.
ฟิลเลอร์ที่ไม่ผ่านการรับรองจาก อย. เป็นฟิลเลอร์ปลอมที่ไม่สามารถสลายได้ ราคาถูก ไม่มีประสิทธิภาพ เมื่อเวลาผ่านไปจะจับตัวกันเป็นก้อน ไหลย้อยไม่เป็นทรง จึงไม่ควรฉีดโดยเด็ดขาด ไม่สามารถสลายได้ต้องผ่าตัดออกเท่านั้น
5. อาการบวมหลังฉีดฟิลเลอร์
หลังฉีดฟิลเลอ์อาจมีอาการบวมประมาณ 2-3 วัน แต่ในบางเคสที่ผิวบวมง่าย อาจพบอาการบวมได้ 5-7 วัน โดยปกติแล้วฟิลเลอร์จะเริ่มเข้าที่อยู่ที่ประมาณ 7-14 วัน ในระหว่างนี้อาจจะต้องรอให้ฟิลเลอร์ที่ฉีดมายุบบวมก่อนหลัง 7-14 วัน เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นอาการบวม หรือฉีดฟิลเลอร์เป็นก้อนครับ
จะเห็นได้ว่าการฉีดฟิลเลอร์ปากแล้วเป็นก้อน เกิดได้จากหลายสาเหตุ ถ้าเป็นก้อนในช่วงแรกแล้วค่อย ๆ ดีขึ้น คือ อาการบวมปกติหลังฉีด แต่ถ้าเป็นก้อนแข็ง เจ็บ มีอาการอักเสบ ต้องตรวจสอบว่าเป็นเพราะฉีดกับคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน ฟิลเลอร์ปลอม หรือหมอไม่มีประสบการณ์ เลือกเนื้อฟิลเลอร์ที่ไม่เหมาะสม
ฉีดฟิลเลอร์ปาก เจ็บไหม ?
ขณะฉีดฟิลเลอร์ปากจะรู้สึกเจ็บ แต่เป็นความเจ็บอยู่ในระดับที่สามารถทนได้ เนื่องจากเนื้อบริเวณริมฝีปากอ่อนและบาง ทำให้ไวต่อความรู้สึก แต่จะมีการแปะยาชาเพื่อช่วยลดความเจ็บก่อนฉีด
ฉีดฟิลเลอร์ปาก กี่วันเข้าที่ ?
โดยปกติหลังฉีดฟิลเลอร์ปากจะมีอาการบวมหลังฉีด และจะค่อย ๆ หายบวมประมาณ 4-5 วันครับ และการฉีดฟิลเลอร์ปากจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนเข้าที่ ประมาณ 1-2 สัปดาห์
สรุป
หมอสรุปเหตุผลหลัก ๆ ที่ทำให้ปัจจุบันการฉีดฟิลเลอร์ปากเพื่อแก้ปัญหาและปรับทรงปาก ได้รับความนิยมมากขึ้น มีดังนี้
- เพิ่มความมั่นใจ การฉีดฟิลเลอร์ปากช่วยเติมเต็มริมฝีปากทั้งส่วนบนและล่างให้ได้รูปสวยงามรับกับใบหน้า เช่น ปากกระจับ ธรรมชาติ ทำให้ใบหน้าดูมีมิติ หวานละมุนขึ้น
- เพิ่มเสน่ห์เวลายิ้ม เช่น บางคนปากคว่ำ ดูหน้าบึ้ง การฉีดฟิลเลอร์ปากจะช่วยยกมุมปากขึ้น ทำให้มีรอยยิ้มมุมปาก ใบหน้าดูเป็นมิตร ดูสดใส และดูอ่อนเยาว์ขึ้น
- เพิ่มเสน่ห์ ดึงดูดเพศตรงข้าม การมีปากบาง มองแล้วใบหน้าไม่มีจุดดึงดูดที่โดดเด่น การฟิลเลอร์ปากจะช่วยเพิ่มวอลลุ่มให้ปากอวบอิ่ม เต็มขึ้น และดูเซ็กซี่ขึ้นได้
- เพิ่มความชุ่มชื้น ปากฉ่ำวาว ดูสุขภาพดี คนที่ริมฝีปากแห้งแตกเป็นขุย หรือเป็นร่องลึก การฉีดฟิลเลอร์ปากจะทำให้ปากดูสุขภาพดีขึ้น ชุ่มชื้นขึ้น อวบอิ่มขึ้น ทาลิปแล้วไม่ตกร่อง
- เสริมโหงวเฮ้งปาก ปากเป็นจุดศูนย์รวมในการพิจารณาสภาพจิตใจและสุขภาพโดยรวม สะท้อนเจตนาและกำลังกาย การมีปากอวบอิ่ม มีขอบหยัก ชุ่มชื้น ดูสุขภาพดี ตามโหงวเฮ้งปากบ่งบอกว่าเป็นคนช่างเจรจา มักทำงานใหญ่สำเร็จ
สำหรับใครที่คิดฉีดฟิลเลอร์ปากครั้งแรก เพื่อความปลอดภัย และผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ ควรเลือกคลินิกที่เปิดให้บริการถูกต้องตามกฎหมาย ใช้ฟิลเลอร์แท้ และฉีดโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ด้านการฉีดฟิลเลอร์เท่านั้น