ยกกระชับใบหน้า
เมื่ออายุมากขึ้น ผิวในชั้นหนังแท้ ชั้นไขมัน กระดูก และกล้ามเนื้อเริ่มเสื่อมสภาพ ทำให้เกิดความหย่อนคล้อยของผิวหน้า กรอบหน้าไม่ชัด ผิวเหี่ยวย่น มีริ้วรอย ดูแก่กว่าวัย สามารถแก้ไขได้ด้วยวิธียกกระชับใบหน้าโดยใช้เครื่องมือยกกระชับ และการทำหัตถการต่าง ๆ เช่น การร้อยไหม ฉีดโบท็อก ผ่าตัดดึงหน้า
นอกจากวิธีทางการแพทย์ที่หมอได้กล่าวไป ยังมีวิธีธรรมชาติที่สามารถทำได้เองที่บ้าน ควบคู่กับการทำหัตถการ เช่น การทาครีม การนวดยกกระชับหน้า การทำโยคะหน้า และการทำ Mewing แต่ละวิธีต่างกันอย่างไร ? เหมาะกับใคร ? เห็นผลแค่ไหน ? บทความนี้มีคำตอบครับ
สารบัญ ยกกระชับหน้า
เครื่องมือยกกระชับใบหน้า Hifu Macrofocus / Ulthera / Thermage
สำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับหน้า ไม่อยากเจ็บตัว กลัวเข็ม กลัวการผ่าตัด หมอแนะนำให้ใช้เครื่องมือยกกระชับ ในกลุ่มที่ใช้พลังงานคลื่นเสียงหรือคลื่นวิทยุ ได้แก่ Hifu, Ulthera และ Thermage จะสามารถลงลึกได้ถึงปัญหาผิว ช่วยลดความหย่อนคล้อยได้อย่างตรงจุดครับ
1. Hifu Macrofocus ไฮฟูยกกระชับใบหน้า
Hifu Macrofocus เป็นเทคโนโลยีความงามที่มีจุดเด่นด้านการยกกระชับและกระตุ้นคอลลาเจน มีหลักการทำงานคือใช้คลื่นเสียงอัลตราซาวด์ความถี่สูง ส่งลงไปยังผิวชั้น SMAS ช่วยยกกระชับผิว เหมาะสำหรับคนที่ต้องการแก้ไขปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อย ลดริ้วรอยตื้น ๆ หลังทำเห็นผลทันที 20% ครับ
ทำไฮฟูยกกระชับหน้า ที่ V Square Clinic ใช้เครื่อง Hifu Ultraformer III เป็นเครื่องที่ดีที่สุดรองจาก Ulthera มีหลายหัวยิงตามระดับความลึกของผิว ให้แพทย์เลือกใช้ตามความเหมาะสมของปัญหา
“ ข้อควรรู้ : การทำ Hifu จะส่งพลังงานลงลึกถึงผิวชั้น SMAS (Superficial Musculo Aponeurotic system) เป็นชั้นเนื้อเยื่อสำคัญของกล้ามเนื้อใบหน้า มีโครงสร้างเป็นเนื้อเยื่อพังผืดห่อหุ้มกล้ามเนื้อ โดยจะมีตำแหน่งอยู่ที่ใต้ชั้นผิวหนังและไขมัน และเป็นผิวหนังชั้นเดียวกับการผ่าตัดศัลยกรรมเพื่อดึงหน้าครับ ”
2. New Ulthera SPT ยกกระชับใบหน้า
Ulthera จะใช้พลังงานและกลไกการยกกระชับด้วยคลื่นเสียงอัลตราซาวด์เหมือนกับ Hifu ครับ แตกต่างกันที่ขนาดจุดโฟกัสและระยะเวลาการคงผลลัพธ์ โดย Ulthera จะอยู่ได้นานกว่า อยู่ที่ประมาณ 1 ปี มีหัวยิง 3 ระดับความลึก ครอบคลุมทุกชั้นผิว ได้แก่ ริ้วรอยผิวชั้นบน กระชับชั้นไขมัน และ ชั้น SMAS
จุดเด่นของ Ulthera SPT คือการออกแบบเฉพาะบุคคล ด้วยเทคโนโลยี MFU-V ที่มีหน้าจอแสดงผลแบบเรียลไทม์ ทำให้แพทย์มองเห็นได้ถึงผิวชั้นลึก ยิงพลังงานได้อย่างแม่นยำ ตรงจุด เหมาะกับคนที่ผิวหน้าหย่อนคล้อย ต้องการยกกระชับหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด เห็นผลหลังทำประมาณ 30% ครับ
3. Thermage ยกกระชับใบหน้า
Thermage เป็นนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ช่วยยกกระชับผิวหน้า ด้วยการปล่อยคลื่นวิทยุความถี่สูง (Monopolar RF) สามารถยิงพลังงานลงลึกครอบคลุมทุกชั้นผิวและชั้นไขมัน ช่วยแก้ไขปัญหาความหย่อนคล้อยอย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อดีของเครื่อง Thermage FLX จะเด่นในเรื่องของการลดไขมัน กระตุ้นคอลลาเจน และเพิ่ม Skin Quality ทำให้ผิวแน่นกระชับ เหมาะกับคนที่มีไขมันสะสมบนใบหน้า มีแก้มห้อย มีเหนียง คางสองชั้น หลังทำจะช่วยยกกระชับผิว และเก็บกรอบหน้าให้เรียวชัดขึ้น เห็นการเปลี่ยนแปลงหลังทำประมาณ 20%
การทำ Thermage/Ulthera/Hifu จะให้ผลลัพธ์การยกกระชับคล้ายกัน แตกต่างกันที่ค่าพลังงานที่ใช้ สำหรับคนไข้ที่ยังเลือกไม่ได้ว่าจะทำอันไหนดี สามารถเข้ามาปรึกษาแพทย์ เพื่อประเมินและเลือกหัตถการที่เหมาะสมให้ครับ
4. ร้อยไหมยกกระชับใบหน้า (Thread lifting)
การร้อยไหม เป็นหัตถการยกกระชับหน้าที่เห็นผลดีในเคสที่มีผิวหย่อนคล้อยมาก มีปัญหาแก้มหย่อนมากองรวมกันบริเวณเหนือร่องแก้ม การร้อยไหมจะช่วยดึงแก้มที่หย่อนและยกพยุงผิวไว้ หลังทำจะเห็นว่าผิวตึงกระชับขึ้นทันที เหมาะกับคนที่ไม่กลัวเข็ม และต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็ว
นอกจากนี้การร้อยไหม ยังสามารถทำร่วมกับหัตถการอื่น ๆ ให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและดียิ่งขึ้น เช่น ฟิลเลอร์ โบท็อก Hifu โดยควรปรึกษาแพทย์ที่มีประสบการณ์ เพื่อวางแผนลำดับการทำที่เหมาะสมครับ
5. โบท็อกยกกระชับใบหน้า
การฉีดโบท็อก หรือโบทูลินัมท็อกซิน (Botulinum Toxin A) จะออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท มีผลทำให้มัดกล้ามเนื้อทำงานลดลงชั่วคราว ลดการขยับของกล้ามเนื้อ นอกจากจะช่วยลดริ้วรอย คืนความอ่อนเยาว์ให้ใบหน้าได้แล้ว ยังสามารถช่วยยกกระชับ หรือที่เรียกว่า ลิฟหน้า ได้โดยไม่ต้องผ่าตัดครับ
การฉีดโบท็อกลิฟท์หน้า (Botox Lift) เป็นการยกกระชับหน้าด้วยการฉีดโบท็อก เพื่อคลายกล้ามเนื้อส่วนคอ โดยจะฉีดบริเวณกรอบหน้าและใต้คาง เพื่อให้กล้ามเนื้อที่ดึงหน้ามีแรงน้อยลง ช่วยยกกระชับใบหน้าให้ตึงขึ้น เหมาะกับผู้ที่ต้องการแก้ปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อยจากกล้ามเนื้อ เริ่มเห็นผลใน 3-4 วันหลังฉีด
6. ผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้า
การผ่าตัดดึงหน้า เป็นการผ่าตัดศัลยกรรมเพื่อแก้ไขใบหน้าที่หย่อนคล้อยให้ตึงกระชับ เหมาะกับคนที่ไม่กลัวเจ็บ มีเวลาพักฟื้นหลังทำ 2 สัปดาห์ขึ้นไป ก่อนตัดสินใจผ่าตัดดึงหน้า หมอแนะนำให้ศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด เลือกทำกับแพทย์ที่มีเทคนิคและประสบการณ์เท่านั้น เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการเกิดผลข้างเคียงครับ
7. ใช้ครีมยกกระชับใบหน้า
การทาครีมยกกระชับหน้า จะซึมเข้าสู่ผิวได้แค่ผิวชั้นบนเท่านั้นครับ ไม่ได้ช่วยเรื่องการยกกระชับโดยตรง เพราะสาเหตุหลักที่ทำให้ใบหน้าหย่อนคล้อยเกิดจากการทรุดตัวของกระดูก และการเสื่อมสภาพของกล้ามเนื้อ ซึ่งการทาครีมไม่สามารถช่วยในส่วนนี้ได้ แนะนำให้ทำร่วมกับการทำหัตถการทางการแพทย์ เพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจนและตรงจุด
8. นวดยกกระชับใบหน้า
การนวดยกกระชับหน้า เป็นการนวดกดจุดโดยใช้นิ้วมือนวดไปทีละจุดตามแนวของกล้ามเนื้อ หากนวดอย่างถูกจุดถูกวิธีจะช่วยให้ใบหน้าเรียวกระชับ ลดการเกิดริ้วรอยเหี่ยวย่น กระตุ้นการไหลเวียนโลหิต และช่วยให้ไขมันบนใบหน้าเผาผลาญได้ดีขึ้น แนะนำให้ทำกับผู้เชี่ยวชาญเพื่อความปลอดภัย ลดโอกาสบาดเจ็บจากการนวดผิดจุดครับ
9. โยคะหน้ากระชับ
การทำโยคะหน้า เป็นวิธีการบริหารใบหน้าให้ยกกระชับ โดยท่าที่นิยม คือ ท่า The Satchmo เป็นการทำให้แก้มพองตัวด้วยอากาศ ทำสลับไปมาระหว่างแก้มซ้ายและแก้มขวา ทำซ้ำ 3 ครั้ง หรือทำเป็นท่าเป่าลูกโป่ง เป่าลมเข้าออกเพื่อกระชับกล้ามเนื้อแก้ม ช่วยให้หน้าที่หย่อนคล้อยกระชับขึ้นได้เล็กน้อย
10. ทำ Mewing ยกกระชับหน้า
หลายคนคงเคยได้ยินเกี่ยวกับการทำ Mewing หรือการวางลิ้นให้อยู่ชนกับเพดานปากด้านบน โดยเชื่อกันว่าการทำ Mewing จะสามารถช่วยยกกระชับ ปรับรูปหน้า ลดความหย่อนคล้อยใต้คางได้ แต่ต้องทำเป็นประจำทุกวันและอาศัยระยะนานกว่าจะเห็นผล ซึ่งปัจจุบันยังขาดงานวิจัยมารองรับถึงประสิทธิภาพของผลลัพธ์การทำ Mewing ครับ
สรุป
วิธีการยกกระชับหน้า สามารถทำได้หลายวิธีตามความเหมาะสม ขึ้นอยู่กับลักษณะปัญหาและความต้องการของคนไข้ โดยแต่ละวิธีล้วนมีข้อดีแตกต่างกัน บางหัตถการสามารถทำร่วมกันได้ แนะนำให้เข้ามาปรึกษาหมอเพื่อประเมินใบหน้าและวางแผนการแก้ไขอย่างตรงจุดครับ