
ดริปวิตามิน เทรนด์ดูแลสุขภาพ ผิวพรรณที่มาแรง
ดริปวิตามิน คืออะไร ? ช่วยอะไรได้บ้าง ?
ดริปวิตามิน ปลอดภัยแค่ไหน ? ต้องดริปกี่ครั้งถึงเห็นผล ?
ดริปวิตามิน หรือ IV Vitamin Drip กลายเป็นเทรนด์ดูแลสุขภาพและผิวพรรณที่มาแรง โดยเฉพาะในคนที่พักผ่อนน้อย ผิวหมองคล้ำ หรือรู้สึกอ่อนเพลียจากการทำงานหนัก ทำให้หลายคนเริ่มมองหาทางเลือกที่เห็นผลเร็วกว่าอาหารเสริมหรือวิตามินแบบรับประทาน
สำหรับใครที่เบื่อการกินวิตามินแบบเดิม ๆ ต้องการบูสต์ร่างกาย ฟื้นฟูผิวพรรณแบบเร่งด่วน ในบทความนี้หมอมีตัวช่วยดี ๆ อย่างการดริปวิตามิน (IV Drip) ที่เป็นการให้วิตามินผ่านทางหลอดเลือดดำโดยตรงมาแนะนำครับ
สารบัญ ดริปวิตามิน
ดริปวิตามิน คืออะไร ?

ดริปวิตามิน (Vitamin Drip หรือ IV Therapy) คือ การให้สารอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุเข้าสู่ร่างกายโดยตรงผ่านทางหลอดเลือดดำ ช่วยให้ร่างกายดูดซึมได้อย่างรวดเร็วและเต็มประสิทธิภาพ ต่างจากวิตามินรับประทานที่อาจสูญเสียระหว่างการย่อยถึง 30-70%
ปัจจุบัน IV Drip ได้รับความนิยมมากครับ เพราะใช้เวลาในการทำไม่นาน ปลอดภัย ร่างกายนำไปใช้ประโยชน์ได้มากถึง 90% และมีหลายสูตรให้เลือกใช้ สามารถปรับให้เหมาะกับสภาพผิวหรือปัญหาสุขภาพของแต่ละคนได้ครับ
ดริปวิตามิน ช่วยอะไรได้บ้าง ?

- ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจน เพิ่มความยืดหยุ่น และเติมความชุ่มชื้นให้ผิว
- ลดการเกิดเม็ดสีเมลานิน ทำให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้น
- เสริมสร้างการทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant)
- ชะลอการเกิด (Oxidation) ที่เป็นตัวทำให้เราแก่เร็ว
- กระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน บรรเทาอาการหวัด โรคภูมิแพ้
- ช่วยให้ผิวพรรณดูเปล่งปลั่ง ร่างกายสดชื่น ลดอาการอ่อนเพลีย
- เพิ่มความแข็งแรงให้ผิวไม่ให้เสื่อมโทรม ปกป้องผิว ทำให้เซลล์แข็งแรงขึ้น
- ฟื้นฟูอาการอ่อนเพลียเรื้อรังหรือแฮงค์
ทั้งนี้ผลของการดริปวิตามิน ยังขึ้นกับสภาวะทางร่างกายของแต่ละบุคคล สภาพผิวเดิม การบำรุงผิว และพฤติกรรมการใช้ชีวิตด้วยครับ
ดริปวิตามิน มีกี่สูตร ? แต่ละสูตรช่วยอะไรบ้าง ?

ปัจจุบันมีสูตรให้เลือกหลากหลาย โดยแต่ละสูตรจะเน้นผลลัพธ์แตกต่างกัน เช่น เพิ่มความกระจ่างใส เสริมภูมิคุ้มกัน เพิ่มพลัง ฟื้นฟูร่างกาย หรือดีท็อกซ์ร่างกาย
ที่ V Square Clinic มีสูตรดริปวิตามินยอดนิยม คือ สูตร Skin Glow และ White Radiance ครับ
สูตร Skin Glow
- เน้นผิวกระจ่างใสแบบธรรมชาติ ผิวดูโกลว์ สุขภาพดี
- ช่วยลดความหมองคล้ำ ฟื้นฟูผิวจากแดด
- เสริมการสร้างภูมิคุ้มกันในระดับเซลล์
- เหมาะกับคนที่ต้องการผิวกระจ่างใสแบบไม่ดูหลอก ไม่ซีด
ส่วนประกอบเด่น Vitamin C, Glutathione, NAC, Vitamin B Complex
สูตร White Radiance
- เน้นปรับผิวให้ขาวใสขึ้นอย่างมีระดับ (10–20%)
- ลดการทำงานของเม็ดสีเมลานิน
- ป้องกันฝ้า กระ จุดด่างดำจากแสงแดด
- เหมาะกับผู้ที่ต้องการผิวสว่างขึ้นระดับหนึ่ง พร้อมป้องกันผิวคล้ำสะสม
ส่วนประกอบเด่น Vitamin C, Alpha Lipoic Acid, Glutathione (ระดับสูง), Zinc

การเลือกสูตรดริปวิตามินให้ตรงจุด ไม่เพียงช่วยให้เห็นผลเร็วขึ้น แต่ยังช่วยลดความเสี่ยงจากการใช้สูตรที่ไม่จำเป็นกับร่างกาย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการดริปอย่างเหมาะสมกับเป้าหมายของคนไข้ครับ
ดริปวิตามิน เหมาะกับใคร ?

- คนที่ต้องการบูสต์ร่างกาย บำรุงผิวหมองคล้ำให้กลับมาดูสดใสขึ้นอย่างเร่งด่วน
- คนที่ไม่มีเวลาดูแลตัวเอง ทำงานหนัก พักผ่อนน้อย หรือมีอาการเมาค้าง เสียเหงื่อจากการออกกำลังกาย
- คนที่ขี้เกียจทาครีม และต้องการผลที่ไวกว่า
- คนที่มีผิวคล้ำเสีย ไม่สดใส ผิวแห้งกร้าน
- คนที่ระบบภูมิต้านทำงานบกพร่อง เป็นหวัด โรคภูมิแพ้เรื้อรัง เช่น คัดจมูกง่าย ไอจาม เจ็บป่วยบ่อย
- คนที่ทำงานกลางแดด ต้องการบำรุงผิวให้แข็งแรง ทนรังสี UVA และ UVB
- คนที่ต้องการกระตุ้นให้เกิดการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ฟื้นฟูผิวจากภายใน
- คนที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป
ใครบ้างที่ไม่ควรดริปวิตามิน ?

แม้การดริปวิตามินจะปลอดภัยสำหรับคนทั่วไป แต่ก็มีบางกลุ่มที่ควรหลีกเลี่ยงหรือปรึกษาแพทย์โดยละเอียดก่อนทำครับ ได้แก่
- ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น ความดันโลหิตต่ำ, โรคหัวใจ, เบาหวาน, ไตเรื้อรัง หรือไตทำงานบกพร่อง
- ผู้ที่มีประวัติแพ้วิตามินบางชนิด เช่น วิตามินบี หรือกลูต้าไธโอน
- ผู้ที่มีภาวะพร่องเอนไซม์ (G6PD Deficiency)
- ผู้ที่มีภาวะน้ำเกินในร่างกาย เช่น บวมน้ำจากโรคหัวใจ
- ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร (ควรได้รับการประเมินจากแพทย์เฉพาะทางก่อน)
- คนไข้ที่มีภาวะเหล็กเกิน (วิตามินซีจะเข้าไปทำให้ร่างกายเกิดการดูดซึมธาตุเหล็กได้มากขึ้นอีก ทำให้เกิดความไม่สมดุลของแร่ธาตุ)
การดริปวิตามินในกลุ่มเหล่านี้อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน และอาจต้องปรับสูตรเฉพาะหรือหลีกเลี่ยงการทำ Altogether เพื่อความปลอดภัยสูงสุด
การดริปวิตามินอันตรายไหม ? ต้องระวังอะไรบ้าง ?

การดริปวิตามิน ไม่อันตรายครับ ตัวยาที่นำมาใช้ส่วนใหญ่จะเป็นวิตามินที่ร่างกายต้องการอยู่แล้ว ซึ่งจะประกอบไปด้วย
- วิตามินซี (Vitamin C) ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทาน ต่อต้านอนุมูลอิสระ และซ่อมแซมส่วนต่าง ๆ ในร่างกาย
- Vit B ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน โดยเฉพาะระบบประสาทและสมอง
- NAC ช่วยบรรเทาอาการภูมิแพ้ เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย ต้านสารอนุมูลอิสระ
- Amino ช่วยสังเคราะห์โปรตีน เสริมสร้างและซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่บาดเจ็บหรือฉีกขาด
- Antioxidant ช่วยทำลายอนุมูลอิสระชะลอการแก่ชรา ลดอาการอัลไซเมอร์ ลดระดับคอเรสเตอรอล
- Collagen ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่น ความชุ่มชื้น ลดความหยาบกร้าน และเพิ่มความแข็งแรงให้ผิว
แล้วดริปวิตามินแบบไหน ที่อันตราย ? การดริปวิตามินที่อันตราย ส่วนใหญ่จะเกิดจาก
- ฉีดในคลินิกไม่ได้มาตรฐาน
- ฉีดกับหมอเถื่อน หรือซื้อยา ผสมยาแล้วมาฉีดเอง
- ติดเชื้อหากอุปกรณ์ไม่สะอาด
- เสี่ยงภาวะน้ำเกิน (Overhydration) ทำให้บวมน้ำหรือหัวใจทำงานหนัก
- แพ้วิตามินบางตัว เช่น วิตามินบีหรือกลูต้าไธโอน
- อาจกระทบต่อการทำงานของไตหรือตับ หากมีโรคประจำตัวอยู่เดิม
- ความเข้มข้นของสารบางชนิดสูงเกินไปอาจทำให้เวียนหัว คลื่นไส้
การดริปวิตามิน หากใช้ตัวยาแท้ ปริมาณยาเหมาะสม ฉีดกับแพทย์และคลินิกที่ได้มาตรฐาน สะอาด ปลอดภัย หลังฉีดไม่มีอะไรให้ต้องเป็นกังวลครับ จะมีรอยเข็มเล็ก ๆ หลังฉีด หากไม่สังเกตแทบมองไม่เห็น หายได้เองใน 1-3 วันครับ
ดริปวิตามิน VS วิตามินแบบทาน ต่างกันยังไง ? แบบไหนดีกว่า ?

แม้ว่าวิตามินทั้งแบบดริป (IV Drip) และแบบรับประทานจะมีเป้าหมายคล้ายกันคือ “เติมสารอาหารให้ร่างกาย” แต่ความเร็วในการเห็นผล และประสิทธิภาพการดูดซึมแตกต่างกันอย่างชัดเจนครับ
- การดริปวิตามิน เป็นการฉีดวิตามินเข้าสู่เส้นเลือดดำโดยตรง ทำให้ร่างกายนำไปใช้ได้ทันที เห็นผลเร็วแบบ Booster โดยวิตามินส่วนเกินจะขับออกทางปัสสาวะและอุจจาระ ไม่มีสารตกค้าง
- การกินวิตามิน ตัวยาจะถูกดูดซึมผ่านตับและกระบวนการย่อย ทำให้ร่างกายได้รับวิตามินเพียง 20-50% ต้องใช้ระยะเวลาอย่างน้อย 3 เดือนถึงจะเห็นผล หากต้องการบำรุงร่างกายหลายด้านจะต้องทานหลายเม็ดในแต่ละครั้ง
สำหรับใครที่อยากเห็นผลลัพธ์เร็ว บูสต์ร่างกายและฟื้นฟูผิวเร่งด่วน การดริปวิตามินจะตอบโจทย์กว่าครับ หรือใครที่ต้องการได้ผลลัพธ์ชัดเจนทั้งระยะสั้นและระยะยาว ก็สามารถดริปวิตามินควบคู่กับการกินวิตามินได้ครับ
ขั้นตอนการดริปวิตามิน
การดริปวิตามินทุกขั้นตอน ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้นเพื่อความปลอดภัยครับ ซึ่งขั้นตอนโดยทั่วไปมีดังนี้
- แพทย์จะสอบถามประวัติเกี่ยวกับสุขภาพ โรคประจำตัว หรืออาการที่ต้องการฟื้นฟู เช่น ผิวหมอง อ่อนเพลีย ภูมิแพ้ ฯลฯ
- แพทย์จะเลือกหรือปรับสูตรวิตามินให้ตรงกับความต้องการ เช่น สูตรผิวใส สูตรภูมิคุ้มกัน หรือสูตรดีท็อกซ์ตับ
- พยาบาลผู้ช่วยจะวัดความดัน วัดชีพจร และเตรียมแขนข้างที่สะดวกต่อการเจาะเส้น พร้อมทำความสะอาดผิวบริเวณนั้น
- หมอจะทำการฉีดวิตามินเข้าเส้นเลือดดำบริเวณข้อมือหรือข้อพับแขน ใช้เวลาประมาณ 30-45 นาที ระหว่างดริปสามารถนั่งหรือนอนพักผ่อนได้ตามสบาย
- หลังดริปควรพักอีก 5-10 นาที หากไม่มีอาการผิดปกติ เช่น หน้ามืด คลื่นไส้ ก็สามารถกลับบ้านได้ทันที
ขั้นตอนการดริปวิตามินไม่ได้ซับซ้อน สามารถทำได้ภายในเวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง หากอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างถูกต้อง ก็สามารถช่วยฟื้นฟูสุขภาพและผิวพรรณได้อย่างปลอดภัยครับ
วิธีดูแลตัวเองหลังดริปวิตามิน

- พยายามเลี่ยงแสงแดด หากจำเป็นต้องทำกิจกรรมกลางแจ้ง ควรทาครีมกันแดดที่มี SPF 50 ขึ้นไป
- เลี่ยงการนวดผิวบริเวณที่ฉีด ไม่ควรเช็ดถูหรือเกา
- หากเกิดรอยแดง ช้ำ จากรอยเข็มบริเวณที่ฉีด สามารถประคบเย็นได้ตามคำแนะนำของแพทย์
- ดื่มน้ำ 1-2.5 ลิตร/วัน เพื่อช่วยบำรุงผิวใสจากภายใน ดีท็อกซ์สารพิษออกจากร่างกาย
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
- หากมีอาการบวมแดงบริเวณที่ฉีดมากกว่า 1-2 วัน ควรติดต่อแพทย์เพื่อให้วินิจฉัยเบื้องต้นและรักษาตามอาการ
- งดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ เพราะจะทำให้วิตามินทำงานได้ไม่มีประสิทธิภาพ
ดริปวิตามินกี่ครั้งถึงเห็นผล ?
ดริปวิตามิน สามารถเห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรกภายใน 1-3 วันหลังทำครับ โดยเฉพาะสูตรที่ช่วยฟื้นฟูพลังงานหรือเพิ่มความกระจ่างใส เช่น สูตร Aura White หรือสูตร Boost Energy
อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาในการเห็นผลอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับ
- สูตรวิตามินที่ใช้ อย่างสูตรเข้มข้นจะเห็นผลชัดเจนกว่าสูตรทั่วไป
- สภาพร่างกายก่อนดริป ยิ่งผิวโทรม / พักผ่อนน้อย ยิ่งฟื้นฟูเร็ว
- การดูแลตัวเองหลังดริป เช่น ดื่มน้ำ พักผ่อนดี จะช่วยให้ผลลัพธ์เด่นชัดขึ้น
- จำนวนครั้งในการดริปต่อเนื่อง ยิ่งมีวินัยในการดริปตามแพทย์แนะนำ ยิ่งเห็นผลยาวนาน
หากใครที่ต้องการเห็นผลลัพธ์ดียิ่งขึ้น หมอแนะนำว่าควรฉีด 5-10 ครั้งติดต่อกัน โดยฉีดต่อเนื่องทุกสัปดาห์ สัปดาห์ละ 1 ครั้ง หรือภายใต้คำแนะนำของแพทย์ครับ
สำหรับคนไข้ที่อยากศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม สามารถอ่านต่อได้ที่ ฉีดวิตามินผิว กี่ครั้งเห็นผล ? ไม่เห็นผลเกิดจากอะไร ? ต้องฉีดต่อเนื่องไหม ?
ต้องดริปวิตามินบ่อยแค่ไหน ?
ความถี่ในการดริปวิตามินจะขึ้นอยู่กับ สภาพร่างกาย ปัญหาที่ต้องการแก้ไข และเป้าหมายในการดูแลสุขภาพของแต่ละคน โดยทั่วไปแล้วแพทย์จะเป็นผู้วางแผนให้เหมาะกับแต่ละเคส เช่น
- ฟื้นฟูผิวเร่งด่วน 1 ครั้ง/สัปดาห์ (ช่วงแรก 2-3 สัปดาห์)
- อ่อนเพลีย/แฮงค์/นอนน้อย 1-2 ครั้ง/สัปดาห์
- เสริมภูมิคุ้มกัน 1 ครั้ง/สัปดาห์ หรือ 2 ครั้ง/เดือน
- บำรุงผิวทั่วไป 1-2 ครั้ง/เดือน (ดูแลระยะยาว)
ทั้งนี้สามารถปรับความถี่ตามผลลัพธ์ที่ได้ เช่น หากเห็นผลชัดเจนแล้ว อาจปรับลดความถี่ลงมาเป็น Maintenance แทน เพราะไม่จำเป็นต้องทำบ่อยในระยะยาว
หากร่างกายฟื้นตัวดีแล้ว การดริปเพียงเดือนละ 1-2 ครั้งก็เพียงพอ แต่ในช่วงเริ่มต้นสามารถดริปถี่ขึ้นเพื่อให้เห็นผลเร็วและชัดเจนครับ
ดริปวิตามินอยู่ได้นานแค่ไหน ?
ผลลัพธ์จากการดริปวิตามินมักจะอยู่ได้ประมาณ 1-2 สัปดาห์ครับ ขึ้นอยู่กับสูตรที่ใช้และสภาพร่างกายของแต่ละคน
ถ้าเป็นสูตรสำหรับฟื้นฟูผิวหรือลดอ่อนเพลียจะเห็นผลเร็วแต่ไม่คงนาน ส่วนสูตรบำรุงร่างกายทั่วไปจะเน้นผลระยะยาว หากต้องการคงผลลัพธ์ให้ต่อเนื่อง แนะนำให้ดริปตามคำแนะนำของแพทย์สม่ำเสมอครับ
รีวิวผลลัพธ์หลังดริปวิตามิน ดีไหม ?
รีวิวผลลัพธ์จริงหลังดริปวิตามินจากประสบการณ์ของผู้ใช้จริง พบว่าผลลัพธ์ที่ได้ชัดเจนมักขึ้นอยู่กับสูตรที่เลือก และสุขภาพพื้นฐานของแต่ละคน แต่สิ่งที่คล้ายกันคือ “ร่างกายตอบสนองค่อนข้างเร็ว” และ “รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงภายในไม่กี่วัน”




ดริปวิตามินราคาเท่าไหร่ ?
ดริปวิตามินผิว ราคาไม่แพง เมื่อเทียบกับผลลัพธ์ที่ได้ครับ ส่วนใหญ่จะเริ่มที่หลักพันต้น ๆ ขึ้นอยู่กับโปรโมชันของแต่ละคลินิก และสูตรวิตามินที่เลือกใช้ โดยจะมีให้เลือกทั้งแบบรายครั้ง และแบบเป็นคอร์สครับ
แต่ในกรณีที่คนไข้พบคลินิกที่มีโปรโมชันดริปวิตามินผิว ราคาถูกมาก ๆ หลักสิบ หลักร้อย แนะนำให้เลี่ยงไว้ก่อนครับ เพราะคลินิกอาจผสมน้ำเกลือให้ในปริมาณที่มาก ทำให้ได้ตัวยาที่เจือจาง ฉีดแล้วไม่เห็นผลหรือได้ผลไม่ชัดเจน
ฉีดวิตามินผิวใส ราคา โปรโมชั่น ที่ V Square Clinic

รวมโปรโมชั่นพิเศษที่ V Square Clinic
เช็กราคา พร้อมโปรคุ้ม คลิกเลย!

ดริปวิตามิน ที่ไหนดี ?

- ควรดริปวิตามินกับคลินิกที่ได้มาตรฐาน สะอาด ปลอดภัย เปิดให้บริการอย่างถูกต้อง
- ควรฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ เพราะเป็นการฉีดเข้าเส้นเลือดดำที่ต้องให้ความสำคัญกับปลอดภัย และสามารถเลือกสูตรวิตามินได้อย่างถูกต้อง พร้อมให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด
- ใช้วิตามินแท้ มีคุณภาพ และสามารถตรวจสอบได้
- มีรีวิวจากผู้ใช้บริการจริง ซึ่งถ้ามีแบบวิดีโอจะดีมาก เพราะทางคลินิกจะตกแต่งและตัดต่อได้ยากครับ หรือดูจาก Feedback ที่คนไข้มารีวิว เพราะถ้าหากคนไข้มารีวิวแล้วทางคลินิกจะไม่สามารถลบออกได้
คำถามที่พบบ่อย
ดริปวิตามินทำให้ผิวขาวจริงไหม ?
ดริปวิตามินไม่ได้ทำให้ผิวขาวถาวร แต่ช่วยให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้น อิ่มน้ำ และดูสุขภาพดีมากขึ้นครับ ทั้งนี้ผลลัพธ์จะขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเอง การพักผ่อน และปัจจัยอื่นร่วมด้วย
มีอาการแพ้หลังดริปวิตามินได้ไหม ?
โอกาสแพ้มีน้อยมาก แต่สามารถเกิดขึ้นได้ เช่น อาการคัน เวียนหัว หรือคลื่นไส้ โดยเฉพาะหากแพ้สารบางชนิด หากเคยมีประวัติแพ้ยา ควรแจ้งแพทย์ก่อนดริปทุกครั้ง เพื่อปรับสูตรหรือเลือกวิตามินที่เหมาะสม
สามารถดริปวิตามิน ตอนมีประจำเดือนได้ไหม ?
ดริปได้ตามปกติครับ หากไม่มีอาการหน้ามืด หรือปวดประจำเดือนรุนแรง แต่ควรหลีกเลี่ยงสูตรที่มีผลต่อฮอร์โมนหรือการไหลเวียนเลือด หากไม่แน่ใจควรแจ้งแพทย์ก่อนทุกครั้ง
ดริปวิตามินช่วยลดฝ้า กระ ได้ไหม ?
ดริปวิตามินไม่ใช่การรักษาฝ้าโดยตรงครับ แต่บางสูตรที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามินซี กลูต้าไธโอน และ NAC อาจช่วยลดการสร้างเม็ดสีและทำให้ผิวดูสว่างขึ้นเมื่อทำร่วมกับการดูแลผิวอย่างอื่น
หยุดดริปวิตามิน แล้วผิวจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมไหม ?
หากหยุดดริปวิตามิน ผิวอาจค่อย ๆ กลับสู่สภาพเดิมตามธรรมชาติครับ เพราะวิตามินในร่างกายไม่ได้สะสมถาวร แต่จะถูกใช้และขับออกในเวลาไม่นาน
ดังนั้นถ้าต้องการให้ผลลัพธ์อยู่ได้นาน ควรดูแลตัวเองควบคู่ เช่น ดื่มน้ำมาก ๆ พักผ่อนเพียงพอ และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ร่วมด้วยครับ
ต้องเตรียมตัวอะไรเป็นพิเศษ ก่อนไปดริปวิตามินไหม ?
ไม่ต้องเตรียมตัวมาก เพียงแค่พักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำมาก ๆ และแจ้งแพทย์เรื่องโรคประจำตัวหรือยาที่ใช้อยู่ล่วงหน้า เพื่อให้แพทย์เลือกสูตรที่ปลอดภัยที่สุด
ดริปวิตามินตอนท้องหรือให้นมลูกได้ไหม ?
ไม่แนะนำให้ดริปวิตามินระหว่างตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรครับ เว้นแต่ได้รับการพิจารณาและปรับสูตรโดยแพทย์เฉพาะทาง เพราะบางสารอาจส่งผลต่อทารกหรือผ่านน้ำนมได้
ดริปวิตามินช่วงไหนดีที่สุด ? เช้า บ่าย หรือเย็น ?
เวลาที่ดีที่สุดในการดริปวิตามิน คือช่วงเช้า-บ่ายต้น ๆ (ประมาณ 9.00-14.00 น.) เพราะเป็นช่วงที่ร่างกายมีระบบไหลเวียนเลือดดี การดูดซึมสารอาหารจะทำได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และลดโอกาสเกิดอาการกระสับกระส่ายหรือนอนไม่หลับ โดยเฉพาะหากสูตรดริปมีวิตามินบีซึ่งกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง
แต่หากจำเป็นต้องดริปช่วงเย็นก็สามารถทำได้ เพียงเลือกสูตรที่ไม่มีส่วนผสมกระตุ้น เช่นวิตามินบี หรือปรึกษาแพทย์ให้ปรับสูตรให้เหมาะกับช่วงเวลานั้นได้ครับ
สรุป ดริปวิตามิน ดีจริงไหม ?
ดริปวิตามิน คืออีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยเติมวิตามินและสารอาหารเข้าสู่ร่างกายโดยตรง เหมาะสำหรับคนที่ต้องการฟื้นฟูร่างกายอย่างเร่งด่วน เสริมภูมิคุ้มกัน หรือดูแลผิวพรรณให้ดูสดใสจากภายใน
อย่างไรก็ตาม แม้การดริปวิตามินผิวจะเป็นหัตถการที่ปลอดภัยและเห็นผลเร็ว แต่ก็ควรทำภายใต้การดูแลของแพทย์ และเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนหรือผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นครับ