อาการหลังร้อยไหม
หลายคนคงที่กำลังตัดสินใจร้อยไหมและต้องการทราบข้อมูลเกี่ยวกับอาการหลังร้อยไหม จะมีลักษณะอย่างไรบ้าง บวมกี่วัน ทำไปแล้ว กี่วันเห็นผล คงผลลัพธ์อยู่ได้นานกี่ปี รวมถึงมีข้อปฎิบัติหลังทำอย่างไรบ้าง เพื่อเตรียมความพร้อมวางแผนดูแลตัวเองหลังร้อยไหมอย่างถูกต้อง เพื่อคลายข้อสงสัยเหล่านี้ หมอได้รวบรวมข้อมูลอาการหลังร้อยไหมที่ควรรู้ เอาไว้ให้แล้ว สามารถศึกษาข้อมูลแล้วนำไปใช้ได้เลยครับ
สารบัญ อาการหลังร้อยไหม
ร้อยไหม กี่วันเห็นผล ?
โดยทั่วไปอาการหลังร้อยไหมที่พบได้คือ บวมแดงช้ำเล็กน้อย ส่วนร้อยไหมกี่วันเห็นผล จริง ๆ แล้วสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ทันทีหลังทำครับ ใบหน้าจะดูยกกระชับขึ้น เนื่องจากเส้นไหมที่นิยมใช้ในปัจจุบันเป็นไหมก้างปลาที่มีเงี่ยง ซึ่งเมื่อแพทย์ทำการร้อยไหม ตัวเงี่ยงไหมที่คล้ายตะขอจะดึงผิวขึ้น จึงสามารถยกกระชับแก้มที่หย่อนคล้อยได้ทันที จากนั้นจะค่อย ๆ เห็นผลชัดเจนขึ้นตามลำดับ
ร้อยไหมก้างปลา บวมกี่วัน ?
เนื่องจากการร้อยไหมเป็นการใช้เข็มนำเส้นไหมละลายก้างปลา หรือไหมเงี่ยง สอดลงในชั้นผิวหนัง ผิวก็จะถูกเงี่ยงเกี่ยวยกขึ้นมาตามเส้นไหมในทิศทางที่หมอร้อยไหมเข้าไปครับ จึงเลี่ยงอาการบวมช้ำได้ยาก เพราะมีเลือดออก รวมถึงมีการฉีดยาชา ซึ่งมีอาการบวมผลจากยาชาร่วมด้วย
แต่หากร้อยไหมด้วยเทคนิคที่ถูกต้องอาการบวมก็จะน้อยลง โดยเฉลี่ยแล้วจะมีอาการบวมแดง หรือเขียวช้ำเล็กน้อย ประมาณ 3-4 วันแรกจะบวมมากขึ้น แต่อาการบวมจะยุบลงได้เองในช่วง 14 วัน และใบหน้าจะเข้าที่ได้รูปชัดเจนในช่วงประมาณ 1 เดือน
ตัวอย่างอาการบวมหลังร้อยไหม
จากรูปจะเห็นได้ว่าหลังทำทันทีอาการบวมหลังร้อยไหมมีเพียงเล็กน้อยเท่านั้นครับ โดยดีขึ้น 80% ในระยะเวลา 7-14 วัน หากคนไข้สามารถดูแลได้อย่างถูกต้องอาการบวมหลังร้อยไหมก็จะดีขึ้นได้เร็วครับ
ในกรณีที่ร้อยไหมไปแล้ว 4 วัน แต่มีอาการบวมแดงมากขึ้น หมอแนะนำให้รีบกลับมาพบแพทย์อีกครั้ง เพื่อตรวจประเมินอาการและรับประทานยาแก้ปวด ลดบวมเพิ่มครับ
หลังร้อยไหมอยู่ได้นานกี่ปี ?
การร้อยไหมสามารถคงผลลัพธ์ได้นาน ตั้งแต่ 4 เดือน ถึง 1 ปี ครับ ขึ้นอยู่ว่าไหมที่นำมาใช้เป็นไหมประเภทใด ซึ่งไหมแต่ละประเภทมีฤทธิ์ในการยกกระชับแตกต่างกัน โดยชนิดของไหม แบ่งได้เป็นสามประเภท ดังนี้
- PDO (Polydioxanone) สามารถประคองผิวคงผลลัพธ์ได้ 4-5 เดือน
- PLLA (Polylactate) ประคองผิวอยู่ได้ประมาณ 18-24 เดือน
- PCL (Polycaprolactone) สามารถประคองผิวได้ประมาณ 1 ปี
ทั้งนี้ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ช่วยยืดอายุของเส้นไหมได้นานขึ้น เช่น
- ลักษณะผิวของตัวคนไข้
- รูปแบบการปฎิบัติตัวและไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของแต่ละคน
ในบางเคสที่โครงสร้างผิวขาดคอลลาเจนและขาดอีลาสตินมาก ๆ พบได้มากในคนที่อายุเยอะ ๆ แรงการยกพยุงจะมีน้อยลงครับ ผิวจึงไม่เกาะกับเส้นไหม อายุการใช้งานจึงสั้นลงตาม
หากต้องการให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานขึ้น สามารถร้อยไหมเพิ่มตามได้ โดยหมอจะประเมินลักษณะผิวและจะแนะนำเป็นเคส ไป ๆ เพราะหลังจากร้อยไหมรอบแรกผิวมีการสร้างอีลาสตินขึ้นมาแล้วบางส่วน การร้อยไหมซ้ำอีกครั้ง ก็จะช่วยให้ผิวเกาะเส้นไหมได้มากขึ้น จึงช่วยยืดอายุการใช้งานได้มากขึ้นตามครับ
ไหมแต่ละชนิดต่างกันอย่างไร แบบไหนอยู่ได้นานที่สุด ?
อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นว่าไหมแต่ละชนิดมีอายุการใช้งานที่แตกต่างกัน จะเลือกใช้เฉพาะไหมที่อยู่ได้นาน ๆ ได้ไหม จริง ๆ แล้วนอกจากอายุการใช้งานที่ต่างกันแล้ว คุณสมบัติของไหมแต่ละชนิดก็ต่างกันด้วย ซึ่งจะมีจุดเด่นแตกต่างกันดังนี้
- PDO (Polydioxanone) จุดเด่น คือ ความยืดหยุ่นสูง เป็นที่นิยมมากที่สุด
- PLLA (Polylactate) จุดเด่น คือความแข็งแต่ ข้อเสียคือเปราะหักง่าย
- PCL (Polycaprolactone) จุดเด่น คือ ความยืดหยุ่น เส้นใหญ่ที่สุด ไหมก้างปลาเส้นใหญ่ เงี่ยงใหญ่ ละลายช้า อยู่ได้นานขึ้น
โดยในปัจจุบันได้มีการพัฒนาคุณภาพไหม PCL ด้วยการนำส่วนผสมของ PLLA ในสัดส่วนที่เหมาะสมด้วย จึงทำให้ PCL+PLLA เป็นวัสดุเส้นไหมที่ดีที่สุดในตอนนี้
ส่วนจะเลือกไหมชนิดใด ในคนไข้แต่ละคน รวมถึงต้องใช้ไหม กี่เส้น หมอจะเป็นผู้ประเมินก่อนทำครับ ว่าคนไข้เคสนั้น ๆ ควรจะใช้ไหมก้างปลาข้างละกี่เส้น โดยปกติจะใช้ข้างละ 3-10 เส้น โดยขึ้นกับ 1.ขนาดเนื้อแก้มของคนไข้ 2.ความแน่นของผิว 3.จุดไหนบ้างที่คนไข้ต้องการดึง
สำหรับที่ V Square Clinic จะใช้ไหมอยู่ 2 ชนิด คือ PCL (Polycaprolactone) อยู่ได้ 1 ปี และ PDO (Polydioxanone) อยู่ได้ 4-5 เดือน เพราะเป็นวัสดุที่มีความยืดหยุ่นสูง ปลอดภัย อยู่ได้นานและคุ้มค่ามากที่สุดครับ
ทำไมแต่ละคนร้อยไหมแล้วอยู่ได้นานไม่เท่ากัน ?
หลังร้อยไหมในแต่บุคคลจะให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันครับ ในบางคนอยู่ได้ 3-4 เดือน บางคนอยู่ได้ 6 เดือน บางคนอยู่ได้เป็นปี เกิดจาก 3 ปัจจัยหลัก คือ
1. ชนิดของไหมที่ใช้ | 2. สภาพผิวเดิมของคนไข้ | 3. การสร้างอีลาสติน |
ไหม PCL ,PLLA หรือ PDO มีอายุต่างกัน ซึ่งคนไข้แต่ละราย อาจใช้ไหมคนละชนิด ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมที่หมอประเมินก่อนการรักษา จึงทำให้การคงผลลัพธ์แตกต่างกันออกไปด้วย |
ก่อนทำการร้อยไหม ถ้าผิวหน้าเดิมคนไข้มีความแน่นของผิว หรือมีอีลาสตินมากพอก็จะช่วยให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานขึ้น ส่วนบางเคสที่อายุเยอะ ๆ ผิวมักขาดอีลาสตินทำให้เงี่ยงไหมเกาะอยู่ได้ไม่นานครับ | ในบางเคสแม้เส้นไหมจะละลายไป แต่หากเนื้อเยื่อมีการสร้าง elastin ขึ้นมาเยอะก็จะช่วงประคองผิว คงความกระชับของผิวอยู่ได้นานขึ้น |
ข้อปฏิบัติตัวหลังร้อยไหมเพื่อรักษาผลลัพธ์ให้อยู่ได้นานขึ้น
หลังร้อยไหม ควรดูแลตนเองทั้งเรื่องของการปฎิบัติตัวและการทานอาหาร ดังนี้
- โดยในช่วงแรก หลังทำการร้อยไหม ไม่ควรอ้าปากกว้างๆ เช่น การอ้าปากทำฟัน หรือ การแปรงฟันแรง ๆ ในระยะ 1 เดือน เพื่อลดความเสี่ยงการดึงรั้งของเส้นไหมในผิว
- ควรงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด งดสูบบุหรี่ เพราะเป็นตัวการทำร้ายผิวให้เสื่อมสภาพเร็วขึ้น โดยควรงด ในระยะ 14 วันหลังทำ หรืออย่างน้อย 48 ชม.
- งดนวดหน้าหรือทรีทเม้นต์เพื่อลดอาการบวม ป้องกันการอักเสบ 14 วันหลังทำ หรืออย่างน้อย 48 ชม.
- ควรดื่มน้ำมาก ๆ วันละ 1.5-2 ลิตร เพื่อรักษาสภาพผิวให้มีความชุ่มชื้น เต่งตึง สุขภาพดีอยู่เสมอครับ
รีวิวหลังร้อยไหม
สรุป
หากใครที่ต้องการร้อยไหม เพื่อปรับรูปหน้า และยังกังวลอาการหลังร้อยไหม หมอแนะนำว่าหากต้องการให้ผลลัพธ์หลังร้อยไหมเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่มีอาการข้างเคียง จำเป็นต้องศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด เนื่องจากการร้อยไหมเป็นหัตถการที่ต้องอาศัยความชำนาญและเทคนิคเฉพาะจากแพทย์ เพื่อช่วยแก้ปัญหาแก้มหย่อน แก้มย้อยได้ตรงจุด และลดอาการบวมช้ำลงได้และให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงามปลอดภัยครับ