ฟิลเลอร์ใต้ตา ใช้กี่ CC
ใครที่มีปัญหาใต้ตาลึก คล้ำ ที่ทำให้หน้าดูโทรม ไม่สดใส การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นหนึ่งหัตถการที่หมอแนะนำ เพราะสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงได้เร็ว สำหรับใครที่สนใจและกำลังหาข้อมูล เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับงบประมาณ ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาใช้กี่ CC ควรใช้ยี่ห้อใด? ฉีดฟิลเลอร์ ราคาเท่าไร แต่ละคนใช้เท่ากันหรือไม่ เพื่อจะประเมินการค่าใช้จ่ายของตนเองถูก หมอมีคำตอบให้ในบทความนี้ครับ
สารบัญ ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาใช้กี่ CC
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาใช้กี่ CC ทำไมแต่ละคนใช้ไม่เท่ากัน ?
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตากี่ CC จะขึ้นอยู่กับลักษณะปัญหาของคนไข้ครับ ในผู้ที่มีร่องใต้ตาไม่ลึกมาก ฉีดข้างละ 1 CC ก็เพียงพอ ดังนั้นโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 2 – 4 CC ก็จะสามารถเห็นผลการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน ในเคสที่มีปัญหาใต้ตาลึก กระดูกใต้ตามีการยุบตัวมาก ๆ หรือ คนไข้ที่อายุเยอะ ๆ หมออาจพิจารณาใช้ฟิลเลอร์มากขึ้นโดยดูเป็นเคส ๆ ไปครับ
โดยผลลัพธ์หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา จะเห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้ทันที จากคนที่ใบหน้าดูอ่อนล้าก็จะสดใสขึ้นได้ แต่ยังไม่ใช่ผลที่ชัดเจน เพราะหลังฉีดเสร็จจะมีอาการบวมเข็มให้เห็น ต้องรอสักระยะให้ยุบบวมเต็มที่ประมาณ 14 วัน ถึงจะเห็นผลที่ชัดเจนได้ครับ
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ยี่ห้อไหน ? รุ่นใดเหมาะที่สุด
ยี่ห้อฟิลเลอร์ที่เหมาะสมสำหรับนำมาใช้ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ปัจจุบันมีให้เลือกหลากหลายยี่ห้อครับ ผลิตจากหลายประเทศ โดยลักษณะเนื้อฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับบริเวณใต้ตาควรเป็นฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม ไม่มีคุณสมบัติทำให้ผิวฟูมากจนเกินไป เพราะฉีดแล้วทำให้ตาดูบวม ไม่เป็นธรรมชาติ หากใช้ฟิลเลอร์รุ่นที่ไม่ฟูเยอะ หลังฉีดจะออกมาสวยดูเป็นธรรมชาติมากกว่าครับ
สำหรับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ที่ V Square Clinic หมอจะเลือกใช้ฟิลเลอร์แท้ที่เป็นแบรนด์ระดับโลก อย่างประเทศอเมริกา สวีเดน และสวิตเซอร์แลนด์ ได้แก่ ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Restylane, Juvederm และ Belotero ครับ โดยจะเลือกใช้ฟิลเลอร์รุ่นที่ฉีดแล้วคงรูปไม่ฟูเยอะ อาจมีความแตกต่างกันที่ราคาและอายุการใช้งาน โดยราคาเริ่มต้นที่ 13,000.- /1 CC มียี่ห้อที่แนะนำ ดังนี้
ฟิลเลอร์ Restylane
- Restylane รุ่น Perlane Lyft : มีความคงตัวสูง ไม่ฟู และสามารถคงรูปได้ดีที่สุด อยู่ได้นาน 12 เดือน
- Restylane รุ่น Defyne : เนื้อเจลแข็งปานกลาง มีความยืดหยุ่นและอุ้มน้ำได้ดี อยู่ได้นาน 18 เดือน
- Restylane รุ่น Vital Light : เป็นฟิลเลอร์ที่มีส่วนผสมของยาชา เนื้อละเอียดมากที่สุด ใช้สำหรับเคสที่ผิวบางๆ หรือสำหรับเก็บรายละเอียด อยู่ได้นาน 6-12 เดือน
- Restylane รุ่น classic : เป็นเนื้อเจลอนุภาคใหญ่ เหมาะสำหรับแก้ปัญหาริ้วรอยระดับปานกลางถึงมาก อยู่ได้นาน 12 เดือน
- Restylane Vital : เป็นฟิลเลอร์เนื้อละเอียด เกลี่ยง่าย ช่วยความชุ่มชื้นผิวได้เป็นอย่างดี ผิวเรียบเนียนเป็นธรรมชาติ สามารถนำมาแก้ไขปัญหา ริ้วรอย ร่องลึก ตื้น ๆ ได้ สามารถอยู่นานประมาณ 12 เดือน
ฟิลเลอร์ Juvederm
- Juvederm รุ่น Volite : มีลักษณะเป็นเนื้อละเอียด ใช้เติมใต้ตาชั้นตื้น เหมาะกับคนผิวบางแต่ไม่มากเกินไป อยู่ได้นาน 8-12 เดือน
- Juvederm รุ่น Voluma :เนื้อแข็ง ฟูปานกลาง ยืดหยุ่นสูง อุ้มน้ำและให้ความเป็นธรรมชาติ อยู่ได้นาน 18 เดือน
- Juvederm รุ่น Volux : เนื้อแข็ง มีความยืดหยุ่นและคงตัว สำหรับฉีดเสริมกระดูกใต้ตาชั้นลึก อยู่ได้นาน 18-24 เดือน
ฟิลเลอร์ Belotero
- Belotero รุ่น volume : เนื้อฟิลเลอร์มีความยืดหยุ่นและคงตัว เหมาะกับเติมใต้ตาชั้นลึก อยู่ได้นาน 18 เดือน
- Belotero รุ่น revive : ฟิลเลอร์เนื้อละเอียด เหมาะฉีด : ผิวหน้า / ใต้ตา / ปาก / ลำคอ / หลังมือ อยู่ได้นาน 6-9 เดือน
ทำไมบางคนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วเป็นก้อน ?
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตานอกจากการเลือกยี่ห้อและปริมาณฟิลเลอร์ ที่เหมาะสมแล้ว ยังต้องอาศัยความพิถีพิถันและความระมัดระวังในการฉีดของแพทย์ร่วมด้วย เพราะผิวหนังใต้ตาค่อนข้างบาง ดังนั้นควรเลือกฉีดกับหมอที่มีประสบการณ์ ใช้ผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์แท้ ที่สามารถตรวจสอบกับผู้ผลิตได้ครับ
ในกรณีที่ใช้ฟิลเลอร์แท้แล้วแต่เกิดปัญหาเรื่องการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วเป็นก้อน ก็สามารถเกิดขึ้นได้ครับ โดยอาจเห็นได้ชัดขึ้นขณะยิ้มหรือเห็นเป็นรอยสีเข้ม ๆ ใต้ตา ดูไม่เป็นธรรมชาติ ซึ่งเกิดจากการฉีดด้วยเทคนิคที่ไม่ถูกต้อง ฉีดผิดตำแหน่ง ผิดชั้นผิว เพราะหากแพทย์ฉีดฟิลเลอร์ลงในชั้นที่ตื้นเกินไปก็จะทำให้เห็นเป็นก้อนขึ้นมาครับ
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเพื่อให้ผลดีต้องฉีดในชั้นที่อยู่นิ่ง ไม่ใช่ฉีดที่กล้ามเนื้อ ซึ่งจุดนี้หมอที่มีความชำนาญด้านการปรับรูปหน้าและทราบถึงโครงสร้างบนใบหน้าจะเข้าใจข้อควรระวังนี้เป็นอย่างดี จึงใช้เวลาในการฉีดค่อนข้างนานกว่าจุดอื่น ๆ เพื่อให้ได้ผลดี ฟิลเลอร์ไม่จับเป็นก้อนในภายหลังครับ
เบื้องต้นหากหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วเป็นก้อน แต่ไม่ได้เป็นก้อนใหญ่มาก หมอแนะนำให้รอดูอาการหลังฉีดประมาณ 3 วันครับ เพราะอาจเป็นอาการบวมข้างเคียงที่เกิดหลังจากฉีดฟิลเลอร์ หลังจากนั้นหากยังไม่ดีขึ้น ฉีดแล้วเป็นก้อนจริง ๆ สามารถแก้ไขได้ด้วยการใช้ตัวยาไฮยาลูโรนิเดส (Hyaluronidase:HYAL) ฉีดเพื่อสลายฟิลเลอร์ได้ ซึ่งจะต้องเป็นฟิลเลอร์แท้ HA (Hyaluronic Acid) เท่านั้น ส่วนในเคสที่เป็นก้อนจากการใช้ฟิลเลอร์ปลอม กลุ่มซิลิโคนหรือพาราฟิน กรณีนั้นต้องทำการขูดหรือผ่าตัดออกตามอาการครับ
รีวิวฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
สรุป
ปริมาณการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาใช้กี่ CC ในแต่ละเคสอาจไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละคนครับ แพทย์จะเป็นผู้ประเมินและแนะนำปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้ ยี่ห้อที่เหมาะสมให้ เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาสามารถแก้ปัญหาใต้ตาชนิดต่างๆ ได้ และดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด ดังนั้นก่อนฉีดตก่อนฉีดควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดว่าแพทย์ที่ฉีดให้มีประสบการณ์มากพอหรือไม่ ใช้ฟิลเลอร์แท้มีคุณภาพได้มาตรฐานหรือไม่ เพื่อความพึงพอใจและความปลอดภัยสูงสุดครับ