โบท็อกคอ บ่า ไหล่ ข้อควรรู้ก่อนฉีดครั้งแรก
มีคนไข้หลายคนเข้ามาปรึกษาหมอเรื่องการฉีดโบท็อกคอ บ่า ไหล่กันมากขึ้นครับ เพราะไม่เพียงแต่ช่วยลดอาการปวดตึงกล้ามเนื้อจากออฟฟิศซินโดรม แต่ยังช่วยปรับช่วงลำคอและไหล่ให้เรียวสวยได้อีกด้วย ซึ่งต้องฉีดบ่อยแค่ไหน ใช้กี่ยูนิต และผลลัพธ์เป็นอย่างไร ? ติดตามอ่านได้ในบทความนี้ครับ
สารบัญ โบท็อกคอ บ่า ไหล่
โบท็อกคอ บ่า ไหล่ คืออะไร ?
โบท็อกคอ บ่า ไหล่ คือ การฉีดสาร Botulinum Toxin A เข้าไปคลายกล้ามเนื้อบริเวณคอ บ่า และหัวไหล่ ช่วยแก้ปัญหากล้ามเนื้อที่หดเกร็งผิดปกติ ลดอาการปวดเมื่อย และบรรเทาอาการปวดจากออฟฟิศซินโดรม รวมถึงยังช่วยลดความกว้างของบ่า รูปร่างก็จะดูเล็กลงไปด้วยครับ
ความปลอดภัยของโบท็อกคอ บ่า ไหล่
โบท็อกคอ บ่า ไหล่ เป็นหัตถการที่ปลอดภัยครับ ในทางการแพทย์มีการรับรองว่า สามารถช่วยบรรเทาอาการออฟฟิศซินโดรม ปวดเมื่อยคอ บ่า ไหล่ได้จริง และนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก ได้รับการรับรองจาก U.S. FDA และผ่าน อย.ไทย ตัวยาย่อยสลายได้เอง ไม่ทิ้งสารตกค้างในร่างกาย
แรกเริ่มเดิมทีการฉีดโบท็อกมีจุดประสงค์เพื่อรักษาโรคกล้ามเนื้อเกร็งผิดปกติ เช่น ตาเข ตากระตุก และปวดไมเกรน ต่อมาเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมมากขึ้นในวงการด้านความงาม เช่น ฉีดโบท็อกลิฟหน้าเรียว โบท็อกลดกราม โบท็อกลดเหงื่อ โบท็อกน่อง และโบท็อกลดกล้ามเนื้อต้นแขน
โบท็อกคอ บ่า ไหล่ช่วยลดอาการออฟฟิศซินโดรมได้อย่างไร ?
อาการออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) เกิดจากการใช้งานกล้ามเนื้อมัดเดิมซ้ำ ๆ ติดต่อกันเป็นเวลานาน ทำให้กล้ามเนื้อเกร็งตัวมากกว่าปกติ และเกิดอาการปวดกระจายเป็นวงกว้าง ปวดเรื้อรัง เกิดได้ในหลายจุดของร่างกาย เช่น คอ บ่า ไหล่ สะบัก สะโพก หลัง หลังล่าง และก้นกบ บางรายอาจมีอาการปวดหัว ปวดกระบอกตา หรือชาร้าวไปตามส่วนต่าง ๆ ร่วมด้วยครับ
หลังฉีดโบท็อกคอ บ่า ไหล่ สาร Botulinum Toxin A จะออกฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของระบบประสาท ทำให้กล้ามเนื้อที่หดเกร็งคลายตัวลงชั่วคราว กล้ามเนื้อนิ่มลง อาการปวดตึงก็จะทุเลาลง โดยการบรรเทาอาการออฟฟิศซินโดรมและปวดไมเกรน ตำแหน่งที่ฉีดจะขึ้นอยู่กับอาการ เช่น ท้ายทอย คอ บ่า ไหล่ หน้าผาก ก่อนฉีดหมอจะช่วยประเมินให้ครับ
ใครบ้างที่เหมาะกับการฉีดโบท็อกคอ บ่า ไหล่ ?
- ผู้ที่มีอาการปวดตึง และปวดเรื้อรัง บริเวณคอ บ่า และหัวไหล่ จากออฟฟิศซินโดรม
- ผู้ที่มีปัญหาไหล่ติด ขยับไหล่ได้ไม่สุด หรือยักไหล่แล้วไม่ขึ้น หลังงอ ไม่สามารถตั้งตรงได้
- ผู้ที่เคยกินยา หรือนวดแล้ว แต่ยังมีอาการปวดตึงกล้ามเนื้ออยู่
- ผู้ที่ไม่อยากกินยามากเกินความจำเป็น หรือมีภาวะเสี่ยงเป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบ แผลในกระเพาะอาหารจากการใช้ยา
- ผู้ที่ออกกำลังกายหนัก ใช้งานมัดกล้ามเนื้อที่เดิมซ้ำ ๆ จนกล้ามเนื้อขึ้นชัด หรือไหล่แข็ง
- ผู้ที่มีกล้ามเนื้อช่วงบ่าใหญ่ หัวไหล่กว้าง ต้องการลดขนาดให้ดูเรียวเล็ก
โบท็อกคอ บ่า ไหล่ช่วยลดขนาดบ่าให้เล็กลงได้หรือไม่ ?
หลังฉีดโบท็อกคอ บ่า ไหล่ กล้ามเนื้อที่เคยตึงจะผ่อนคลายครับ ช่วงบ่าและไหล่จะดูเล็กลง ปรับให้คอที่ดูสั้นเรียวระหงขึ้นได้ ในกรณีที่มีก้อนนูนขนาดเล็กบริเวณสะบัก ก็สามารถฉีดโบท็อกให้ก้อนนูนเล็กลงได้ครับ
การฉีดโบท็อกคอ บ่า ไหล่ต้องใช้กี่ยูนิต ?
โบท็อกคอ บ่า ไหล่เริ่มต้นที่ 100 ยูนิต ปริมาณที่ใช้ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของปัญหาและขนาดกล้ามเนื้อของคนไข้ครับ ทั้งนี้ในการฉีดโบท็อกแต่ละครั้งไม่ควรใช้เกิน 300 ยูนิต เพราะเสี่ยงที่จะเกิดสารตกค้างในร่างกาย และทำให้เกิดอาการดื้อโบท็อกได้ในที่สุด
หลังฉีดโบท็อกคอ บ่า ไหล่ต้องดูแลตัวเองอย่างไร ?
แนวทางการดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อกคอ บ่า ไหล่ จะเหมือนกับการฉีดโบท็อกตำแหน่งอื่น ๆ ครับ ซึ่งจะช่วยให้ออกฤทธิ์ได้ดี และผลลัพธ์อยู่ได้นาน
- งดนอนราบ นอนคว่ำ หรือก้มหัวต่ำกว่าหน้าอก 3 ชม. และไม่ควรประคบเย็น เพราะจะขัดขวางการดูดโบท็อกเข้าเซลล์ประสาท
- ควรกินอาหารที่มีแร่ธาตุสังกะสี เช่น หอยนางรม ผักใบเขียว ช่วยให้โบท็อกออกฤทธิ์ไวขึ้น และทำงานได้ดี
- งดกิจกรรมที่ทำให้เกิดความร้อน อย่างน้อย 48 ชม. เช่น เข้าซาวน่า ออกกำลังกายหนัก ๆ ตากแดด
- หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด และอาหารหมักดอง ในช่วง 2 สัปดาห์แรกหลังฉีด เพราะมีสารที่ทำให้หลอดเลือดขยายตัว
- งดสูบบุหรี่ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด เนื่องจากจะส่งผลต่อการอักเสบ ยุบบวมช้า และผลการรักษาอยู่ได้สั้นลง
โบท็อกคอ บ่า ไหล่ช่วยบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อได้อย่างไร ?
เมื่อกล้ามเนื้อเกร็งหรือหดตัวสะสมเป็นเวลานาน ๆ จะเกิด Trigger Point ขึ้น มีลักษณะเป็นก้อนขนาดเล็กภายในกล้ามเนื้อ เวลากดจะรู้สึกเจ็บมากกว่าปกติครับ บางรายอาจรู้สึกปวดร้าวไปตำแหน่งใกล้เคียงกันได้ เช่น Trigger Point บริเวณหัวไหล่ อาจเจ็บร้าวไปยังท้ายทอยและขมับได้
การฉีดโบท็อกคอ บ่า ไหล่ จะออกฤทธิ์ต่อกล้ามเนื้อโดยตรง กล้ามเนื้อจะคลายตัว และยังช่วยลดการหลั่งสารที่ทำให้เกิดการหดตัวของกล้ามเนื้อ อาการปวดคอ บ่า ไหล่เรื้อรังก็จะดีขึ้นครับ โดยทั่วไปหลังฉีดเสร็จคนไข้จะรู้สึกสบายตัวขึ้นทันที และผลลัพธ์จะชัดเจนขึ้นในช่วง 7-14 วัน
ความแตกต่างระหว่างโบท็อกคอ บ่า ไหล่และวิธีการรักษาอื่น
ในปัจจุบันมีหลายวิธีที่ใช้บรรเทาอาการปวดเกร็งบริเวณคอ บ่า ไหล่ เช่น
- การนวด : การนวดกดจุดหรือนวดแผนไทย เป็นทางเลือกที่ช่วยบรรเทาอาการที่มีสาเหตุมาจากกล้ามเนื้อตึงเท่านั้นครับ หากนวดไม่ถูกวิธี หรืออาการปวดเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ เช่น เส้นเอ็น เส้นประสาท ก็อาจทำให้อาการปวดแย่ลงกว่าเดิมได้
- การกินยา : ในรายที่มีอาการปวดหรืออักเสบมากจนรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน แพทย์จะพิจารณาให้กินยา เช่น ยาแก้ปวดและต้านการอักเสบ (NSAIDs) ยาคลายกล้ามเนื้อ (muscle relaxants) ซึ่งข้อเสียยาบางตัวอาจมีผลข้างเคียง เช่น ท้องผูก ปากแห้ง คอแห้ง ง่วงซึม หรือระคายเคืองกระเพาะอาหาร ไม่ควรซื้อมากินเอง
- ฝังเข็ม : วิธีนี้เป็นการแพทย์แผนจีน ช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัวได้ดี กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด จำเป็นต้องทำกับแพทย์เฉพาะทาง และปรึกษากับแพทย์แผนปัจจุบันควบคู่ไปด้วย
- กายภาพบำบัด : การทำกายภาพบำบัดสามารถบรรเทาอาการปวด จากการอักเสบของกล้ามเนื้อและเส้นเอ็น มีทั้งแบบการใช้มือดัดดึง/นวด กดจุด Trigger Point ร่วมกับการใช้เครื่องมือต่าง ๆ เช่น Shockwave, Laser, Ultrasound ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของนักกายภาพครับ ซึ่งข้อเสีย คือ จำเป็นต้องใช้เวลาและต้องทำสม่ำเสมอ
เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว การฉีดโบท็อกคอ บ่า ไหล่ จะเห็นผลดีและนานกว่าการกินยาและการนวด เพราะเป็นการคลายมัดกล้ามโดยตรง ส่วนในแง่ของความถี่ การฉีดโบท็อกจะไม่ต้องทำบ่อยเท่ากับกายภาพบำบัดและการฝังเข็มครับ ใช้เวลาในการฉีดประมาณ 1 ชม. ต่อครั้ง
โบท็อกคอ บ่า ไหล่มีผลข้างเคียงอะไรบ้าง ?
ผลข้างเคียงจากโบท็อกคอ บ่า ไหล่เกิดได้น้อยครับ ในบางรายอาจมีอาการปวดเมื่อยบริเวณที่ฉีด สามารถหายได้เองใน 2-3 วัน แต่ถ้าหากบวมผิดปกติ หรือบวมขึ้นเรื่อย ๆ แนะนำให้กลับไปที่คลินิก เพื่อให้หมอประเมินอาการและทำการรักษาอย่างเหมาะสม
ผลลัพธ์ของโบท็อกคอ บ่า ไหล่จะอยู่ได้นานแค่ไหน ?
ผลลัพธ์หลังฉีดโบท็อกอยู่ได้นานประมาณ 4-6 เดือน ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของอาการ และการดูแลตัวเองของคนไข้ครับ หากปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น ปรับท่านั่ง ออกกำลังกาย หรือลดการใช้งานกล้ามเนื้อมัดนั้น ๆ ผลลัพธ์ก็จะอยู่ได้นานขึ้น อาการปวด คอ บ่า ไหล่ก็จะทุเลาลง
โบท็อกยี่ห้อไหนเหมาะกับการฉีดคอ บ่า ไหล่ ?
การฉีดโบท็อกคอ บ่า ไหล่ สามารถใช้ได้หลายยี่ห้อครับ ในเบื้องต้นก็ต้องใช้ยี่ห้อที่ผ่านการรับรองจากอย.ไทย เช่น
- Allergan Botox (โบท็อกอเมริกา)
- Dysport Botox (โบท็อกอังกฤษ)
- Xeomin Botox (โบท็อกเยอรมัน)
- Nabota Botox (โบท็อกเกาหลี)
- Aestox Botox (โบท็อกเกาหลี)
ฉีดโบท็อกยี่ห้อไหนดี ? จำเป็นต้องให้แพทย์ประเมินร่วมด้วย เพราะแต่ละยี่ห้อมีคุณสมบัติ จุดเด่น การกระจายตัว และระยะเวลาเห็นผลแตกต่างกันออกไป
ต้องฉีดโบท็อกคอ บ่า ไหล่บ่อยแค่ไหน ?
ระยะเวลาที่เหมาะสมในการฉีดโบท็อกคอ บ่า ไหล่ คือ 1 ครั้ง ในทุก 3-4 เดือนครับ หากฉีดติดต่อกันบ่อย ๆ จะเสี่ยงเกิดอาการดื้อโบท็อกได้ แต่ถ้าเว้นระยะนานเกินไป (5-6 เดือน) กล้ามเนื้อจะกลับมาทำงานเป็นปกติ จำเป็นต้องใช้ปริมาณยูนิตเพิ่มขึ้น
โบท็อกคอ บ่า ไหล่ช่วยแก้ปัญหาไหล่แข็งและกล้ามเนื้อเกร็งได้หรือไม่ ?
โบท็อกคอ บ่า ไหล่ ช่วยคลายกล้ามเนื้อไหล่ที่แข็งเกร็งให้นิ่มลงได้ครับ ในคนไข้ที่ติดนิสัยก้มหลังหรืองอหลังบ่อย ๆ สามารถใช้วิธีนี้คลายกล้ามเนื้อให้ไหล่ตั้ง หลังตรงได้ บุคลิกภาพก็จะดีขึ้นด้วยครับ
วิธีป้องกันอาการออฟฟิศซินโดรมร่วมกับการใช้โบท็อก
การปรับพฤติกรรมและการจัดสภาพแวดล้อมการทำงาน ช่วยป้องกันอาการออฟฟิศซินโดรมได้ครับ หากทำร่วมกับการฉีดโบท็อก ก็จะช่วยให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานขึ้น
- นั่งทำงานให้ถูกท่า : นั่งเก้าอี้ให้เต็มก้น ช่วงลำคอและหลังตั้งตรง ไม่เอนไปข้างหน้า และวางเท้าให้ราบขนานไปกับพื้น แนะนำให้เลือกเก้าอี้ที่มีพนักพิง สามารถปรับความสูงได้ หรือใช้ที่วางเท้าเพิ่มเติม เพื่อให้ขาตั้งฉากกับพื้นเวลานั่ง
- จัดสภาพแวดล้อมการทำงาน : จัดวางสิ่งของบนโต๊ะทำงานให้หยิบได้ง่าย โดยไม่ต้องโน้มตัวบ่อย ๆ และปรับหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้มีความสูงพอดี
- ปรับเปลี่ยนอิริยาบถทุกชั่วโมง : ไม่ควรนั่งในท่าเดิมนาน ๆ ครับ แนะนำให้ลุกเดินและเปลี่ยนท่าทางทุกชั่วโมง เพื่อพักร่างกาย และยังช่วยพักสายตา จากการเพ่งจอคอมพิวเตอร์นานเกินไป สามารถช่วยลดอาการปวดกล้ามเนื้อตาและศีรษะได้ครับ
- ออกกำลังกาย : คนไข้สามารถเน้นการออกกำลังกายที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว เช่น โยคะ พิลาทิส และบอดี้เวทได้ หรือเลือกรูปแบบคาร์ดิโอ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเคลื่อนไหวร่างกาย
- ยืดเหยียดกล้ามเนื้อ : การยืดเหยียดกล้ามเนื้อเป็นประจำ ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับข้อต่อและเส้นเอ็น ให้เคลื่อนไหวได้ดีขึ้น ลดโอกาสเกิดกล้ามเนื้อคดและพังผืด และป้องกันการฉีกขาดของเส้นใยกล้ามเนื้อ
ฉีดโบท็อกคอ บ่า ไหล่เจ็บไหม ?
ฉีดโบท็อกคอ บ่า ไหล่ ไม่เจ็บเลย หรือรู้สึกเจ็บเพียงเล็กน้อย ขึ้นอยู่กับระดับความเจ็บที่คนไข้แต่ละคนทนได้ครับ อันดับแรกตัวยาของโบท็อกไม่แสบผิว ในการฉีดจะใช้เข็มที่มีขนาดเล็กและบาง โดยทั่วไปประคบน้ำแข็งอย่างเดียวก็เพียงพอแล้ว
หากคนไข้ไม่เคยทำหัตถการมาก่อน หรือกังวลเรื่องเจ็บมากจริง ๆ ก็สามารถแจ้งให้ทางคลินิกทายาชาก่อนฉีดได้ครับ
การฟื้นฟูหลังฉีดโบท็อกคอ บ่า ไหล่ต้องทำอย่างไร ?
การฟื้นฟูร่างกายหลังฉีดโบท็อกคอ บ่า ไหล่ เพื่อบรรเทาอาการปวดหรือออฟฟิศซินโดรม จะเน้นไปที่การปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต และดูแลตัวเองพื้นฐาน เช่น การออกกำลังกายให้กล้ามเนื้อแข็งแรง การกินอาหารที่มีประโยชน์ และการแบ่งเวลาทำงานและพักผ่อนให้พอดี ไม่โหมทำงานมากเกินไป
นอกจากนี้คนไข้ควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่อาจทำให้กล้ามเนื้อบาดเจ็บ หรือเสี่ยงกลับมาเป็นออฟฟิศซินโดรมอีก เช่น นั่งท่าเดิมนาน ๆ ยกของหนัก สะพายกระเป๋าข้างเดียว และก้ม ๆ เงย ๆ
ราคาการฉีดโบท็อกคอ บ่า ไหล่เป็นเท่าไหร่ ?
โบท็อกซ์ราคาขึ้นอยู่กับยี่ห้อ ปริมาณ ตำแหน่งที่ฉีด และโปรโมชั่นในช่วงนั้นครับ สำหรับการฉีดโบท็อกคอ บ่า ไหล่ จะเริ่มต้นที่ 9,xxx .-/ 100 U
ผลลัพธ์ระยะยาวของการฉีดโบท็อกคอ บ่า ไหล่
หากฉีดโบท็อกคอ บ่า ไหล่ ต่อเนื่องตามคำแนะนำของแพทย์ นอกจากอาการปวดตึงจะทุเลาลงได้แล้ว ผลลัพธ์ในระยะยาว กล้ามเนื้อบริเวณไหล่และบ่าจะมีขนาดเล็กลง ช่วงคอดูยาวระหงมากขึ้น รูปร่างก็จะดูเล็กลงไปด้วยครับ
สรุปเกี่ยวกับข้อดีของโบท็อกคอ บ่า ไหล่
โบท็อกคอ บ่า ไหล่ เป็นวิธีที่ช่วยแก้ปัญหาอาการปวดเกร็งของกล้ามเนื้อได้เป็นอย่างดี หากทำต่อเนื่องยังให้ผลลัพธ์ในด้านความสวยงามที่ปรับช่วงคอให้ดูยาว ไหล่และบ่าเล็กลง ตัวดูบางลง น่าทะนุถนอมอีกด้วย เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี การฉีดโบท็อกควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ประสบการณ์สูง ภายในคลินิกที่ได้มาตรฐาน และใช้ตัวยาของแท้ ฉีดโบท็อกที่ไหนดี ? รวมปัจจัยที่ควรพิจารณาก่อนทำหัตถการ อ่านเพิ่มเติมได้ครับ
อ้างอิง :
- https://pmc.ncbi.nlm.nih.gov/articles/PMC4030686/
- https://pmc.ncbi.nlm.nih.gov/articles/PMC7202127/
- https://academic.oup.com/painmedicine/article/10/6/1012/1842160