Juvederm Volite ฟิลเลอร์งานผิว
Juvederm Volite เป็นหนึ่งในฟิลเลอร์เนื้อละเอียดที่สามารถใช้ฉีดเป็น skin booster เพื่อปรับสภาพผิวให้เนียนนุ่ม ฉ่ำวาวได้ครับ
สำหรับคุณสมบัติของ Juvederm Volite หมอจะอธิบายในบทความนี้ ว่ามีข้อดีต่างจากยี่ห้ออื่นอย่างไร ? ต้องฉีดกี่ CC กี่ครั้งเห็นผล ? อยู่ได้นานไหม ? รวมถึงการเตรียมตัวก่อนฉีดและการดูแลตัวเองหลังฉีดอย่างครบถ้วนครับ
สารบัญ Juvederm Volite
Juvederm Volite คืออะไร ?
Juvederm Volite คือฟิลเลอร์ที่มีส่วนผสมหลักเป็นกรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid – HA) ผลิตขึ้นด้วยเทคโนโลยี Vycross จากบริษัท Allergan สหรัฐอเมริกา ซึ่งได้รับการรับรองมาตรฐานจาก US-FDA และ อย. ไทย
สำหรับฟิลเลอร์รุ่นนี้ จะโดดเด่นด้วยลักษณะเนื้อเจลที่ละเอียด ยึดเกาะได้ดี ช่วยให้ผลลัพธ์หลังการฉีดมีความเรียบเนียน และดูเป็นธรรมชาติ อีกทั้งคงอยู่ได้นาน 8-12 เดือน
และด้วยคุณลักษณะพิเศษที่ช่วยในการบำรุงผิว เติมน้ำและเพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิว หลังฉีดจะทำให้ผิวดูอิ่มเอิบและกระชับ Juvederm Volite จึงเหมาะสำหรับการฉีดเพื่อบำรุงผิวหน้าให้มีความชุ่มชื้นและลดเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ นอกจากนี้ยังเหมาะฉีดบริเวณใต้ตาชั้นตื้น เพื่อช่วยลดรอยคล้ำและริ้วรอยรอบดวงตา ส่งผลให้หน้าตาดูอ่อนเยาว์และสดใสยิ่งขึ้นได้ด้วยครับ
อ่านบทความเพิ่มเติม : ฟิลเลอร์ Juvederm แต่ละรุ่นเหมาะฉีดจุดไหน แตกต่างกันอย่างไร และวิธีดูฟิลเลอร์แท้แต่ละรุ่น
Juvederm Volite อันตรายไหม ?
เนื่องจาก Hyaluronic Acid เป็นสารที่พบได้ในร่างกายมนุษย์อยู่แล้ว การฉีด Juvederm Volite จึงมีความปลอดภัย แต่ต้องอยู่ในเงื่อนไข 3 ข้อ คือ 1.ฉีดในคลินิกที่ได้มาตรฐาน 2. ฉีดโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ 3. ใช้ฟิลเลอร์แท้เท่านั้น
หลังฉีดฟิลเลอร์ Juvederm Volite อาจมีผลข้างเคียงเล็ก ๆ น้อย ๆ ตามมา เช่น อาการบวม รอยแดง รอยช้ำ เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้เมื่อมีการใช้เข็มฉีดสารเติมเต็มเข้าไปในผิวหนังครับ แต่ไม่อันตราย และอาการต่าง ๆ จะหายไปเองในไม่กี่วัน
ส่วนอันตรายที่เกิดจากการฉีด Juvederm Volite มีหลายสาเหตุ เช่น หมอฉีดฟิลเลอร์เข้าเส้นเลือด ทำให้เนื้อตาย (ถ้าฉีดเข้าเส้นเลือดแล้วสังเกตเห็นเร็ว สามารถฉีดสลายฟิลเลอร์แก้ไขได้), ใช้ฟิลเลอร์ปลอม กรณีนี้อันตรายมากครับ เพราะหากฉีดไปแล้วต้องแก้ด้วยการขูดสารออก หรืออีกกรณีคือมีอาการอักเสบ ติดเชื้อ จากคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน เครื่องมือทำหัตถการไม่สะอาด
ดังนั้นเพื่อให้แน่ใจว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัย คนไข้ควรพิถีพิถัน หาข้อมูลก่อนตัดสินใจว่าจะเลือกฉีด Juvederm Volite ที่ไหนดี ทั้งการเลือกคลินิก เลือกหมอ และตรวจสอบฟิลเลอร์แท้ครับ
“ ข้อควรรู้ : การเลือกหมอที่มีประสบการณ์ จะมีความชำนาญในการวิเคราะห์ปัญหา เลือกจุดฉีด เทคนิคการฉีด ที่จะช่วยให้ผลข้างเคียงเช่นรอยแดง รอยช้ำ เกิดขึ้นน้อยลง ฟิลเลอร์เข้าที่เร็ว และอยู่ได้นานขึ้นได้ครับ ”
Juvederm Volite กับ Skin Booster ต่างกันอย่างไร ?
Skin Booster เป็นการเรียกรวม ๆ ของหัตถการที่ช่วยเรื่องงานผิวครับ มีทั้งประเภทที่ฉีดเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น และประเภทที่ฉีดเพื่อช่วยกระตุ้นการคอลลาเจนจากเซลล์ ตัว Juvederm Volite เองก็เป็นหนึ่งในหัตถการที่สามารถเพิ่มความชุ่มชื้น และปรับปรุงคุณภาพผิวให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้นได้ ดังนั้นจะเรียกว่าเป็น Skin Booster ก็ไม่ผิดครับ
แต่ก็จะมีข้อแตกต่างระหว่างการฉีดสารเติมเต็ม (Filler) และการฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจนอยู่ ได้แก่
- Skin Booster ในกลุ่ม sculptra, radiesse, gouri จะมีขนาดโมเลกุลเล็กกว่าฟิลเลอร์ ทำให้ซึมลงผิวได้ลึกกว่า เข้าไปกระตุ้นกระบวนการผลิตคอลลาเจนระดับเซลล์
- Juvederm Volite จะเน้นไปที่การเติมเต็มผิวโดยตรง ช่วยลดริ้วรอยและเพิ่มความชุ่มชื้นทันที ทำให้ผิวดูอิ่มเอิบ สดใส
- Skin Booster ต้องฉีดซ้ำเพื่อรักษาความชุ่มชื้นและคุณภาพผิว ในขณะที่ Juvederm Volite จะอยู่ได้นานกว่า (8-12 เดือน)
ทั้ง Juvederm Volite และ Skin Booster มีความสามารถในการปรับปรุงคุณภาพผิวได้ทั้งคู่ ให้เลือกใช้ตามความต้องการ ปัญหาผิว โดยให้หมอช่วยประเมินได้ครับ
จุดเด่น Juvederm Volite
- ส่วนผสมหลักเป็น Hyaluronic Acid ที่ช่วยเติมน้ำให้ผิว ทำให้ผิวดูอิ่มน้ำ ฉ่ำ ฟู และลดเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- Juvederm Volite ผลิตด้วยเทคโนโลยี Vycross ที่ช่วยให้มีเนื้อเจลที่เหนียวและคงตัว ฉีดแล้วเบลนไปกับผิว มีความเรียบเนียนและดูธรรมชาติ
- ผลลัพธ์หลังฉีดอยู่ได้นานถึง 8-12 เดือน ทำให้ไม่ต้องฉีดบ่อยครั้ง
- นอกจากช่วยให้ผิวหน้าชุ่มชื้นแล้ว ยังช่วยปรับปรุงคุณภาพผิว ทำให้ผิวเรียบเนียน มีความยืดหยุ่น ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์
- ความปลอดภัยและคุณภาพของผลิตภัณฑ์ได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่เชื่อถือได้ โดยได้รับการรับรองมาตรฐานจาก US-FDA และ อย. ไทย
- หลังฉีดเห็นผลการเปลี่ยนแปลงทันที ไม่ต้องพักฟื้น สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
หลักการทำงานของ Juvederm Volite
- เติมเต็มและซ่อมแซมผิว เมื่อ Juvederm Volite ถูกฉีดเข้าไปในชั้นผิวหนัง เนื้อเจลของฟิลเลอร์จะทำหน้าที่เติมเต็มช่องว่างใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวหน้าดูเรียบเนียนและลดเลือนริ้วรอยทันที
- เพิ่มความชุ่มชื้น กรดไฮยาลูโรนิกมีความสามารถในการกักเก็บน้ำสูง จึงช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นในชั้นผิวหนัง ทำให้ผิวหน้าดูอิ่มน้ำและฟู
- กรดไฮยาลูโรนิกใน Juvederm Volite จะมีส่วนช่วยกระตุ้นให้เซลล์ผิวหนังให้ผลิตคอลลาเจนเพิ่มขึ้น ทำให้ผิวแข็งแรงและยืดหยุ่นมากขึ้น
โดยปกติแล้ว Hyaluronic Acid เป็นสารที่เมื่อฉีดเข้าสู่ร่างกายจะค่อย ๆ ถูกสลายไปเองตามธรรมชาติ จะอยู่ได้นานแค่ไหนขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีการผลิต ขนาดโมเลกุล หรือการดูแลตัวเองของคนไข้ร่วมด้วยครับ หากใครสงสัยว่าแต่ละยี่ห้ออยู่ได้นานไหม จุดไหนอยู่ได้นานเท่าไหร่ อ่านเพิ่มเติมในบทความ หลังฉีดฟิลเลอร์อยู่ได้นานแค่ไหน ? แต่ละตำแหน่งต่างกันหรือไม่ ? ได้ครับ
Juvederm Volite เหมาะกับใครบ้าง ?
- ผู้ที่ต้องการเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวหน้า มีผิวแห้งหรือขาดความชุ่มชื้น การฉีด Juvederm Volite ช่วยเติมน้ำให้ผิว ทำให้ผิวดูอิ่มฟูและเปล่งปลั่ง
- ผู้ที่ต้องการลดเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ หรือร่องลึกเบาๆ บนผิวหน้า
- ผู้ที่ต้องการปรับปรุงโครงสร้างผิว ทำให้ผิวแข็งแรง ยืดหยุ่นมากขึ้น
- ผู้ที่ต้องการทำให้พื้นที่เฉพาะเจาะจง เช่น ลดรอยคล้ำใต้ตา ริ้วรอยรอบดวงตา
Juvederm Volite เหมาะกับผู้ที่ต้องการเห็นผลการเปลี่ยนแปลงทันทีหลังฉีด และต้องการรักษาผลลัพธ์ให้อยู่ได้นาน ไม่ต้องรอ ไม่ต้องพักฟื้นครับ เป็นอีกเหตุผลที่การฉีด Filler Skin Booster ได้รับความนิยม
สำหรับใครที่ไม่รู้ว่าปัญหาที่ตัวเองต้องการแก้ไข เหมาะกับฟิลเลอร์รุ่นไหน ยี่ห้อไหน สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ในบทความ เจาะลึก ฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี ? ฟิลเลอร์แท้-ปลอม สังเกตอย่างไร ?
การเตรียมตัวก่อนฉีด Juvederm Volite
ในการฉีดฟิลเลอร์ จริง ๆ ไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมากครับ ก่อนฉีดแจ้งประวัติแพ้ยาหรือโรคประจำตัวให้แพทย์ทราบ ก็สามารถประเมินใบหน้าและฉีดได้เลย แต่หมอจะมีข้อแนะนำบางอย่างที่จะช่วยลดความเสี่ยงเรื่องอาการบวมหรือรอยช้ำหลังฉีดฟิลเลอร์ได้ครับ
- งดยาหรือวิตามินบางชนิด เช่น ยาต้านการแข็งตัวของเลือด ยาลดไข้ ยาแก้ปวด วิตามินอี และวิตามินซี เนื่องจากอาจเพิ่มความเสี่ยงในการมีรอยช้ำและเลือดออกหลังฉีด
- หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ เพราะจะทำให้เกิดการบวมมากขึ้นหลังการฉีดฟิลเลอร์
- งดใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมรุนแรง เช่น เรตินอยด์ เนื่องจากอาจทำให้ผิวแพ้ง่ายขึ้น
- เลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น กาแฟ น้ำอัดลม ช็อกโกแลต เพราะจะทำให้เกิดการบวมและมีรอยช้ำได้ง่าย
- พักผ่อนให้เพียงพอ ให้ผิวฟื้นฟูเต็มที่ พร้อมทำหัตถการ
ขั้นตอนการฉีด Juvederm Volite
หลังจากหมอประเมินปัญหาของคนไข้ แจ้งแผนการฉีดฟิลเลอร์และจำนวน CC ที่ใช้ จะมีการทำความสะอาดผิวหน้า และแปะยาชาให้ก่อนครับ โดยรอประมาณ 30 นาทีให้ยาชาออกฤทธิ์ จึงจะเริ่มการฉีดฟิลเลอร์ โดยระหว่างฉีดคนไข้อาจจะรู้สึกตึง ๆ ที่ผิว จากการที่ฟิลเลอร์ค่อย ๆ กระจายตัวเข้าไปได้ แต่จะไม่ได้รู้สึกเจ็บมากครับ ระหว่างฉีดจะมีการประคบน้ำแข็งร่วมด้วย
การดูแลหลังฉีด Juvederm Volite
- หลีกเลี่ยงการสัมผัส กด นวด บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ ป้องกันฟิลเลอร์เคลื่อนที่ไปผิดตำแหน่ง
- หากมีรอยเข็ม รอยแดงหรือรอยช้ำจะค่อย ๆ หายไปเองใน 1-3 วัน สามารถทายาลดรอยช้ำได้
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เหล้า เบียร์ และงดสูบบุหรี่อย่างน้อย 48 ชั่วโมง
- ระมัดระวังการใช้ความร้อน เช่น อาบน้ำร้อน ไปซาวน่า นวดสปา หรือการออกแดดจัดเป็นเวลาอย่างน้อย 48 ชั่วโมง
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักหรือกิจกรรมที่ทำให้อุณหภูมิร่างกายสูง จะช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดอาการบวม รอยช้ำ การเคลื่อนย้ายของฟิลเลอร์และการติดเชื้อได้
- งดการทำเลเซอร์ร้อนที่ลงผิวชั้นลึกอย่างน้อย 1 เดือน
- หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรดื่มน้ำมาก ๆ เพิ่มประสิทธิภาพการฟื้นตัวของผิว ทำให้ฟิลเลอร์เข้าที่เร็ว ลดบวม และอยู่ได้นาน
ถ้าให้เข้าใจง่าย ๆ คือ การดูแลหลังฉีด Juvederm Volite ภายในระยะเวลา 2 สัปดาห์แรก ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมใด ๆ ที่สร้างความร้อน หรือแรงกระแทกต่อบริเวณที่เพิ่งฉีดฟิลเลอร์มาก เพื่อให้ฟิลเลอร์จับตัวกับเนื้อเยื่อโดยรอบได้อย่างเต็มที่ ไม่เจ็บ ไม่บวม ได้ผลลัพธ์ที่สวยงามครับ ส่วนใครที่มีหัตถการอื่น ๆ ที่อยากทำร่วมด้วย แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ เพื่อเรียงลำดับการทำให้เหมาะสมครับ
Juvederm Volite ราคาเท่าไหร่ ?
Juvederm Volite ราคาจะอยู่ที่หลักหมื่นต้น ๆ ครับ เพราะเป็นฟิลเลอร์จากอเมริกา ก็จะมีราคาสูงกว่าฟิลเลอร์ฝั่งเกาหลีหรือจีน โดยราคาก็อาจจะแตกต่างกันไปในแต่ละคลินิกตามโปรโมชัน
โปรโมชันฟิลเลอร์ Juvederm Volite ที่ V Square Clinic
ฉีด Juvederm Volite ที่ไหนดี ?
- คลินิกได้มาตรฐาน มีความน่าเชื่อถือ ผ่านการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข มีเลขที่ใบอนุญาต 11 หลัก
- ใช้ฟิลเลอร์แท้ ผ่าน อย. มีการนำเข้าและเก็บรักษาในอุณหภูมิที่ถูกต้อง แกะกล่องใหม่ให้ดูต่อหน้า
- แพทย์มีประสบการณ์ด้านปรับรูปหน้าโดยเฉพาะ มีเทคนิคการฉีดที่ถูกต้อง
- มีรีวิวจากผู้ใช้บริการจริง มีความน่าเชื่อถือ ไม่ตกแต่งรูปรีวิวที่เกินจริง
นอกจากนี้คลินิกที่ดีควรมีการนัดติตตามผลหลังฉีดฟิลเลอร์ และมีช่องทางการติดต่อที่สะดวก หากคนไข้มีปัญหาหรือข้อสงสัย สามารถสอบถามแพทย์ได้ทันทีครับ
อ่านบทความเพิ่มเติม : ฉีดฟิลเลอร์ ที่ไหนดี เลือกคลินิกอย่างไรถึงปลอดภัย ผลลัพธ์คุ้มค่า
คำถามเกี่ยวกับ Juvederm Volite
Q : ฉีด Juvederm Volite แล้วสามารถแต่งหน้าได้เลยหรือไม่ ?
A : ควรรออย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนการใช้เครื่องสำอางบนบริเวณที่ฉีด เพื่อลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ โดยเฉพาะบริเวณรอยเข็มครับ
Q : การฉีด Juvederm Volite เจ็บไหม ?
A : อาจรู้สึกไม่สบายหรือเจ็บเล็กน้อยระหว่างการฉีดได้ครับ แต่ด้วยการแปะยาชาและประคบเย็น ก็จะทำให้ไม่เจ็บมาก
Q : ฉีด Juvederm Volite สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ปกติไหม ?
A : สามารถกลับไปทำงานหรือทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติครับ แต่ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักหรือกิจกรรม ๆ ที่ทำให้ร่างกายร้อนมากประมาณ 1-2 สัปดาห์ และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ตามความเหมาะสม
Q : Juvederm Volite ฉีดบ่อยแค่ไหน ?
A : Juvederm Volite จะมีอายุอยู่ได้ประมาณ 8-12 เดือนครับ ฟิลเลอร์จะค่อย ๆ สลายไป ถ้าต้องการรักษาผลลัพธ์สามารถฉีดซ้ำได้ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินความถี่
Q : Juvederm Volite ต้องฉีดกี่ CC ?
A : ขึ้นอยู่กับจุดที่ต้องการฉีดครับ แต่ละคนไม่เหมือนกัน ถ้าฉีดเพื่อแก้ปัญหาใต้ตาคล้ำ ไม่ได้ลึกมาก อาจจะใช้ 1-2 CC ก็เพียงพอ แต่ถ้าลึกมาก ๆ และต้องการฉีดเพื่อปรับสภาพผิวด้วยก็จะเป็นต้องใช้ปริมาณฟิลเลอร์เพิ่มขึ้นเพื่อให้เห็นผลชัดเจนครับ
สรุป
Juvederm Volite เป็นทางเลือกหนึ่งของหัตถการที่ช่วยปรับปรุงคุณภาพผิว เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเห็นผลรวดเร็ว เห็นการเปลี่ยนแปลงทันที และอยากให้ผลลัพธ์อยู่ได้นาน การฉีด Filler Skin Booster เป็นอีก choice ที่ตอบโจทย์เทรนด์งานผิวกระจก ผิวฉ่ำอิ่มน้ำในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี และยังช่วยเรื่องริ้วรอยเล็ก ๆ ถือว่าได้ประโยชน์สองต่อเลยครับ