
Oligio กับ Thermage เครื่องยกกระชับพลังงาน RF
เทียบสองเครื่องยกกระชับพลังงาน RF ตัวดัง Oligio กับ Thermage ความเหมือนที่ต่างกัน ถึงทั้งสองจะใช้พลังงานเดียวกัน และมีความคล้ายกันในหลาย ๆ ด้าน แต่ก็มีความต่างกันอยู่ ใครที่ลังเลว่าควรทำเครื่องไหนดี ? หมอจะมาเจาะลึกคุณสมบัติของแต่ละเครื่องกันในบทความนี้ครับ

- Oligio กับ Thermage คือ เครื่องยกกระชับผิว สลายไขมัน ใช้เทคโนโลยีคลื่นวิทยุ Monopolar RF ในการยกกระชับผิว กระตุ้นสร้างคอลลาเจน
- Thermage เป็นเครื่องยกกระชับตัวท็อปที่พัฒนามาอย่างยาวนาน ไว้ใจได้ในเรื่องผลลัพธ์
- Oligio เป็นเครื่องยกกระชับใหม่มาแรงที่หลายคนให้ความสนใจ และยังถูกเรียกว่าเป็นเทอร์มาจเวอร์ชันเกาหลี
สารบัญ Oligio กับ Thermage
- Oligio กับ Thermage คืออะไร ? หลักการทำงานเหมือน ต่างกันอย่างไร ?
- เทียบ Oligio กับ Thermage สองเทคโนโลยี RF ต่างกันอย่างไร ?
- ข้อดี-ข้อเสียของ Oligio กับ Thermage
- อยากหน้าเด็ก Oligio กับ Thermage เลือกเครื่องไหนดี ?
- สรุป Oligio กับ Thermage เครื่องไหนตอบโจทย์ที่สุด ?
Oligio กับ Thermage คืออะไร ? มีหลักการทำงานอย่างไร ?
เมื่อพูดถึงเครื่องยกกระชับผิว สลายไขมัน เชื่อว่าเครื่องที่หลายคนนึกถึงเป็นอันดับแรก ๆ คือ Thermage ซึ่งเป็นเครื่องยกกระชับที่มีชื่อเสียงมาอย่างยาวนาน
และในปัจจุบันที่ได้หัตถการยกกระชับผิวได้รับความนิยม ทำให้เกิดนวัตกรรมเครื่องยกกระชับใหม่ ๆ ขึ้นมาอย่างมากมายครับ โดย Oligio เป็นเครื่องยกกระชับรุ่นใหม่ที่เพิ่งออกมาไม่กี่ปี และใช้เทคโนโลยีเดียวกับ Thermage ทั้งสองเครื่องมีหลักการทำงานดังนี้
Oligio นวัตกรรมยกกระชับล่าสุดจากเกาหลี

Oligio (โอลิจิโอ) คือ เครื่องยกกระชับเทคโนโลยีคลื่นวิทยุ Monopolar RF พัฒนาโดย WONTECH บริษัทเทคโนโลยีด้านความงามและการแพทย์ จากประเทศเกาหลีใต้
ใช้หลักการทำงานด้วยการปล่อยพลังงาน Monopolar RF ลงชั้นผิวหนังกำพร้า ผิวหนังแท้ ถึงชั้นไขมัน กระตุ้นสร้างคอลลาเจน กระชับผิวหย่อนคล้อย ลดเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ ทำให้ผิวกลับมาเต่งตึง ดูอ่อนเยาว์

โดยเครื่อง Oligio มีจุดเด่น คือ ระบบ Cooling System ในระหว่างการยิงพลังงานเครื่องจะมีระบบสั่น และปล่อยความเย็นออกมาต่อเนื่อง และมีเซนเซอร์ตรวจจับอุณหภูมิของผิวแบบ real time ช่วยลดความเจ็บ ทำให้รู้สึกสบายผิว และลดความเสี่ยงในการเกิดผิวเบิร์นได้ครับ
Thermage นวัตกรรมยกกระชับตัวท็อปจากอเมริกา

Thermage (เทอร์มาจ) คือ เครื่องยกกระชับเทคโนโลยีคลื่นวิทยุ Monopolar RF พัฒนาโดย Solta Medical Inc. บริษัทคิดค้นและวิจัยเกี่ยวกับเครื่องมือแพทย์ชั้นนำระดับโลกจากประเทศอเมริกา โดยมีการพัฒนาออกมาหลายรุ่น และรุ่นล่าสุดคือ Thermage FLX (2018)
เทอร์มาจทำงานด้วยการยิงพลังงานลงไปในชั้นผิวหนัง ตั้งแต่ชั้นผิวหนังกำพร้า ผิวหนังแท้ และชั้นไขมัน ช่วยกระตุ้นคอลลาเจน สลายไขมันสะสม และยกกระชับใบหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพจากการทำเพียงครั้งเดียว

จุดเด่นของ Thermage FLX คือมีระบบ Pre and Post Cooling ป้องกันไม่ให้อุณหภูมิใต้ผิวหนังมีความร้อนสะสมมากเกินไป ด้วยการปล่อยความเย็นออกมาเป็นระยะ ๆ ช่วยลดความเจ็บ ลดโอกาสการเกิดผลข้างเคียงอย่างผิวเบิร์น และมีระบบสั่น Vibration ช่วยให้คนไข้สบายผิวมากขึ้นระหว่างทำครับ
เทียบ Oligio กับ Thermage สองเทคโนโลยี RF ต่างกันอย่างไร ?

ผู้ผลิต และมาตรฐานรองรับ
- Oligio : Oligio เป็นเครื่องจากเกาหลี ผลิตและพัฒนาโดยบริษัท WONTECH เปิดตัวรุ่นแรกเมื่อปี 2020 ได้รับรองจาก FDA อเมริกา เกาหลี และ CE Europe
- Thermage : Thermage เป็นเทคโนโลยีที่พัฒนามาหลายรุ่นตั้งแต่ปี 2003 โดยมีรุ่นล่าสุดคือ Thermage FLX เปิดตัวเมื่อปี 2018 ได้รับรองจาก FDA อเมริกา เกาหลี และ CE Europe
รูปแบบพลังงาน
- Oligio : ใช้เทคโนโลยีคลื่นวิทยุ Monopolar RF คลื่นความถี่ที่ 6.78 MHz ลงลึกถึงชั้นหนังกำพร้า ชั้นหนังแท้ และชั้นไขมัน สามารถส่งพลังงานลงลึกถึง 4.3 mm
- Thermage : ใช้เทคโนโลยีคลื่นวิทยุ Monopolar RF คลื่นความถี่ที่ 6.78 MHz ลงลึกถึงชั้นหนังกำพร้า ชั้นหนังแท้ และชั้นไขมัน สามารถส่งพลังงานลงลึกถึงอยู่ที่ 3 mm
หัวยิงพลังงาน
- Oligio : หัว Tip มี 2 แบบ Face Tip และ Eye Tip
- Thermage : หัว Tip มี 3 แบบ Eye Tip Face Tip และ Body Tip
ตำแหน่งการทำ
- Oligio : รอบดวงตา ใบหน้า เหนียง
- Thermage : รอบดวงตา ใบหน้า เหนียง ลำตัว
ปัญหาที่เหมาะสม
- Oligio : เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยรูขุมขนกว้าง กรอบหน้าไม่กระชับ
- Thermage : เหมาะกับคนที่มีผิวย้วย ไม่กระชับ มีไขมันใต้ชั้นผิวเยอะ และมีริ้วรอยมาก
ระยะเวลาการทำ และความรู้สึกระหว่างทำ
- Oligio : ใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที ขณะทำจะรู้สึกอุ่น ๆ ใต้ผิว
- Thermage : ใช้เวลาประมาณ 45-60 นาที ขณะทำจะรู้สึก Warm But Tolerate มีความอุ่นที่ผิว แต่ไม่ได้เจ็บจนทนไม่ไหว
ระยะเวลาเห็นผล
- Oligio : หลังทำเห็นผลทันที 20% ชัดเจนใน 3-6 เดือน
- Thermage : หลังทำเห็นผลทันที 20% ชัดเจนใน 2-3 เดือน
ระยะเวลาการคงอยู่ของผลลัพธ์ และความถี่ในการทำ
- Oiigio : อยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน แนะให้ทำ 2 ครั้ง/ปี
- Thermage : อยู่ได้นานประมาณ 1-2 ปี แนะนำให้ทำปีละ 1 ครั้ง
ค่าใช้จ่าย
- Oligio : ราคาเริ่มต้นประมาณ 2x,xxx.- / ขึ้นไป
- Thermage : ราคาเริ่มต้น 3x,xxx.-/ ขึ้นไป
*ราคาขึ้นอยู่กับจำนวนช็อตที่ใช้ ตำแหน่งที่ทำ ปัญหาและสภาพผิวของแต่ละบุคคล
สรุปความเหมือนและความต่างของ Oligio กับ Thermage
จุดที่เหมือนกัน
- รูปแบบพลังงาน > ใช้พลังงานคลื่นวิทยุความถี่สูง Monopolar RF ความถี่ 6.78 MHz
- มาตรฐานรองรับ > Oligio กับ Thermage ได้รับรองจาก FDA อเมริกา เกาหลี และ CE Europe
จุดที่ต่างกัน
- ระดับความลึกของชั้นผิว > ยิงลงผิวหนังกำพร้า หนังแท้ และชั้นไขมัน แต่ Thermage มีความแรงและความลึกของพลังงานมากกว่า โดยสามารถส่งพลังงานลงลึกถึง 4.3 mm ในขณะที่ Oligio อยู่ที่ 3 mm
- ผู้ผลิต > Oligio เป็นเครื่องจากเกาหลี เปิดตัวรุ่นแรกเมื่อปี 2020 ส่วน Thermage เป็นเทคโนโลยีที่พัฒนามาหลายรุ่นตั้งแต่ปี 2003 และรุ่นล่าสุดคือ Thermage FLX เปิดตัวเมื่อปี 2018
- หัวยิง > Thermage มีหัว Tip เยอะกว่า เพราะปัจจุบันในไทยเครื่อง Oligio มีแค่หัว Face Tip และ Eye Tip ครับ ทำให้ตอนนี้ Thermage ทำได้หลายตำแหน่งมากกว่า
- ความรู้สึก > Oligio พลังงานเบากว่า ขณะทำจะไม่รู้สึกเจ็บเท่า Thermage
- ระยะเวลาการทำ > Oligio ทำเร็วกว่า Thermage
- ความเร็วในการเห็นผล > Thermage เห็นผลชัดเจนเร็วกว่า Oligio
- ระยะเวลาเห็นผล > Thermage ให้ผลลัพธ์นานกว่า Oligio
- ค่าใช้จ่าย > Oligio ราคาต่ำกว่า Thermage
ข้อดี-ข้อเสียของ Oligio กับ Thermage
ข้อดีของ Oligio
- ลงลึกครอบคลุมทุกชั้นผิว และชั้นไขมัน
- มีระบบความเย็น Cooling System ช่วยลดความเจ็บ
- ใช้เวลาทำไม่นาน ประมาณ 20-30 นาที
- ไม่มีแผล ไม่ต้องพักฟื้น
ข้อดีของ Thermage
- ลงลึกครอบคลุมทุกชั้นผิว และชั้นไขมัน
- Thermage FLX มีระบบสั่น Pre and Post Cooling ช่วยลดความเจ็บ
- ทำได้หลายตำแหน่งทั่วหน้า ลำคอ และลำตัว
- ไม่มีแผล ไม่ต้องพักฟื้น
- ผลลัพธ์ยาวนาน ประมาณ 1-2 ปี
ส่วนข้อกำจัดของทั้งสองเครื่องนี้คือ หากทำโดยแพทย์ที่ขาดประสบการณ์ หรือทำโดยใช้เครื่องปลอม ปล่อยพลังงานไม่เสถียร อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ เช่น อาการเบิร์น รอยดำ รอยแผลเป็นครับ
อยากยกหน้า Oligio กับ Thermage เลือกเครื่องไหนดี ?

ระหว่าง Oligio กับ Thermage เลือกเครื่องไหนดี ? ถึงจะใช้พลังงานเดียวกัน ยิงลงลึกถึงชั้นผิวเหมือนกัน แต่ Thermage FLX มีค่าพลังงานสูงกว่าและลงได้ลึกมากกว่า จึงเหมาะกับคนที่มีผิวหย่อนคล้อย มีริ้วรอยมาก ขาดความเต่งตึง สามารถทนเจ็บได้ในระดับหนึ่ง อยากทำครั้งเดียวแล้วเห็นผลนาน ไม่ต้องการกลับมาทำบ่อย แต่ก็มีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่า Oligio ครับ
สำหรับคนที่อายุยังไม่มาก ปัญหาผิวยังไม่เยอะ หรือมีงบประมาณจำกัด กลัวเจ็บ การทำ Oligio ก็เป็นตัวเลือกที่สามารถทำได้ครับ แต่ผลลัพธ์อาจจะอยู่ได้สั้นกว่า ต้องกลับมาทำบ่อยครั้งกว่า ขึ้นอยู่กับการดูแลผิวหลังทำของแต่ละคน
คนไข้สามารถปรึกษาแพทย์ก่อนได้ครับว่าปัญหาผิวของคนไข้ เหมาะกับเครื่องไหน ? หรือควรทำร่วมกับหัตถการอะไรเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตรงความต้องการ
อยากทำ Oligio กับ Thermage ร่วมกันได้ไหม ?
ทำได้ครับ แต่ส่วนใหญ่จะแนะนำให้ทำกับหัตถการยกกระชับผิวอื่นมากกว่า เพราะทั้ง Oligio กับ Thermage เป็นเทคโนโลยีเดียวกัน ลงลึกชั้นผิวเดียวกัน และราคาค่อนข้างสูงทั้งคู่ การเลือกทำเครื่องใดเครื่องหนึ่งตามระดับของปัญหาผิวอาจเหมาะสมและคุ้มค่ากว่า
รวมถึงมีข้อควรระวังคือ ไม่แนะนำให้ทำตำแหน่งเดียวพร้อมกันในครั้งเดียวครับ ควรเว้นระยะการทำอย่างน้อย 4 สัปดาห์ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการบวมช้ำมากครับ
นอกจาก Oligio กับ Thermage มีหัตถการอะไรที่ช่วยยกกระชับผิวได้อีกบ้าง ?
นอกจาก Oligio กับ Thermage ยังมีหัตถการความงามอื่น ๆ ที่ช่วยยกกระชับผิว ปรับรูปหน้า แต่ละวิธีก็จะมีข้อดี และจุดเด่นที่ต่างกัน
โดยหัตถการที่หมอจะแนะนำต่อไปนี้ เป็นหัตถการยกกระชับผิวที่ไม่ต้องผ่าตัด และไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้นนานเช่นเดียวกับ Oligio กับ Thermage ครับ
- กลุ่มเครื่องยกกระชับ
- Hifu Ultraformer III : เครื่องยกกระชับเทคโนโลยีคลื่นเสียงอัลตราซาวด์ความถี่สูงยิงพลังงานลงลึกถึงระดับชั้นผิว SMAS (ชั้นเดียวกับการผ่าตัดดึงหน้า) ช่วยกระตุ้นสร้างคอลลาเจน ให้ผิวยกกระชับ ดูเต่งตึง
- Hifu Ultraformer MPT : เครื่องยกกระชับเทคโนโลยีคลื่นเสียงอัลตราซาวด์ความถี่สูง การทำงานคล้ายกับ Ultraformer III แต่เพิ่มหัวยิงใหม่ให้ครอบคลุมทั้งการยกกระชับ สลายไขมัน และปรับสภาพผิวให้ใสขึ้น
- Ulthera : เครื่องยกกระชับเทคโนโลยีคลื่นเสียงอัลตราซาวด์ความถี่สูง ลงลึกถึงชั้นผิว SMAS เช่นเดียวกันกับ Hifu แต่มีจุดพลังงานที่ใหญ่กว่าทำให้อยู่ได้นานกว่า และมีหน้าจอแสดงชั้นผิวแบบ Real Time ทำให้แพทย์ออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคล ยิงพลังงานได้แม่นยำ
คลิกอ่านคุณสมบัติและความต่างของแต่ละเครื่อง
- โบท็อกลิฟหน้า : การฉีดโบท็อกลิฟหน้าเป็นเทคนิคการยกกระชับกรอบหน้า ยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อที่ดึงหน้าลง ทำให้ผิวหน้าเกิดการยกกระชับ เพิ่มมิติให้กับใบหน้า
- ฟิลเลอร์ยกหน้า : การฉีดสาร Hyaluronic Acid (HA) เข้าไปเติมเต็มร่องลึกบนใบหน้า ส่วนใหญ่ตำแหน่งที่ฉีดจะเป็นบริเวณร่องใต้ตา ร่องแก้ม มุมปาก หลังฉีดช่วยให้ใบหน้าดูยกกระชับ และอ่อนเยาว์ขึ้น เห็นการเปลี่ยนแปลงได้ทันทีหลังทำ
- ร้อยไหมยกกระชับ : การสอดไหมละลายมีเงี่ยงลงในชั้นผิว โดยตัวเงี่ยงจะเกี่ยวผิวขึ้นมาทำให้ผิวหย่อนคล้อยยกกระชับขึ้นทันที และช่วยกระตุ้นสร้างคอลลาเจนใหม่บริเวณที่ร้อยไหมทำให้ผิวดูเต่งตึงขึ้น เหมาะกับคนที่ไม่กลัวเข็ม และอยากเห็นผลทันที
- Collagen Biostimulator : การฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจนเป็นหัตถการที่กำลังมาแรงในตอนนี้ครับ สามารถฟื้นฟูโครงสร้างผิวลึกถึงเซลล์ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนจากภายใน ช่วยให้ผิวแข็งแรง ยกกระชับเต่งตึง และยืดหยุ่นมากขึ้น
ในปัจจุบัน Collagen Biostimulator มีให้เห็นหลายยี่ห้อ แต่ละยี่ห้อมีสารประกอบต่างกันทำให้มีคุณสมบัติเด่นไม่เหมือนกันครับ โดยยี่ห้อที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยม ได้แก่ Sculptra Gouri และ Gouri
คลิกอ่านข้อมูลของแต่ละยี่ห้อเพิ่มเติม
ทั้ง Oligio กับ Thermage สามารถทำร่วมกับหัตถการยกกระชับผิวทั้งหมดที่กล่าวมาได้ ก่อนทำแนะนำให้ปรึกษาแพทย์ เพื่อให้แพทย์ช่วยแนะนำและเรียงลำดับการทำที่เหมาะสม เพื่อให้แต่ละหัตถการทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เห็นผลลัพธ์ชัดเจน และปลอดภัยครับ
สรุป Oligio กับ Thermage เครื่องไหนตอบโจทย์ที่สุด ?
Oligio กับ Thermage ต่างก็เป็นเทคโนโลยียกกระชับผิวที่มาแรงทั้งคู่ ทั้งสองใช้เทคโนโลยีเดียวกัน ยิงลึกถึงชั้นเดียวกัน แต่ต่างกันที่ความแรงของพลังงาน เครื่องไหนจะตอบโจทย์คนไข้ที่สุด ขึ้นอยู่กับสภาพผิว ปัญหาที่ต้องการแก้ไข และงบประมาณครับ
แต่นอกจากการเลือกเครื่องยกกระชับที่เหมาะสมแล้ว การจะให้ผลลัพธ์ออกมาดี ตรงกับความต้องการ ยังขึ้นอยู่กับประสบการณ์และเทคนิคของแพทย์ในวางการแผนการรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล ไม่ว่าจะเลือกทำเครื่องไหน ควรทำกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ภายใต้คลินิกที่ได้มาตรฐาน และใช้เครื่องแท้ครับ
อ้างอิง