Radiesse นวัตกรรมฟื้นฟูผิวใหม่ กระตุ้นคอลลาเจนให้ผิวดู Young ยาวนานกว่าที่เคย

Radiesse 

1484-Radiesse

ในยุคความงามและการดูแลผิวเป็นเรื่องที่ใครหลายคนให้ความสำคัญ การค้นหาวิธีการฟื้นฟูผิวให้ดูอ่อนเยาว์และสุขภาพดี จึงเป็นสิ่งที่ไม่มีวันหยุดนิ่ง Radiesse หนึ่งในนวัตกรรมความงามที่มีคุณสมบัติพิเศษในการกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนจึงได้รับความนิยมอย่างมากครับ เพราะมีส่วนช่วยทำให้ผิวหน้าดูเต่งตึง กระชับ และฟื้นฟูจากภายในสู่ภายนอก ที่สำคัญคือให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานถึง 2 ปี

บทความนี้จะพาคนไข้ไปทำความรู้จัก Radiesse นวัตกรรมฟื้นฟูผิวใหม่กันให้มากขึ้น ว่าทำไมถึงกลายเป็นที่นิยม และเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวให้ดู “Young” อย่างยั่งยืน


Radiesse คืออะไร ?

Radiesse คืออะไร

Radiesse เป็นสารกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน (Biostimulator) ที่มีส่วนประกอบหลัก คือ ไมโครสเฟียร์ของแคลเซียมไฮดรอกซีแอพาไทต์ (Calcium Hydroxylapatite : CaHA) ที่คิดค้นและวิจัยโดย Merz Aesthetics ได้รับความไว้วางใจในหลายประเทศทั่วโลกมาตั้งแต่ปี 2006 มียอดการใช้กว่า 15 ล้านไซริงค์ จาก 85 แห่งทั่วโลก

ไมโครสเฟียร์ CaHA ใน Radiesse จะช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนภายในร่างกายแบบองค์รวม (Regenerative Biostimulator) เน้นฟื้นฟูผิวถึงโครงสร้างผิวชั้นลึก สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนเส้นใยตาข่ายผิวใหม่ได้ถึง 5 ประการ คือ 

  • + 150% คอลลาเจน TYPE 1 ช่วยผิวมีโครงสร้างแข็งแรง เฟิร์ม กระชับ
  • + 130% คอลลาเจน TYPE 3 ช่วยให้ผิวเต่งตึงเหมือนผิวเด็ก
  • + 260% Elastin เพิ่มความยืดหยุ่นของผิว
  • + Proteoglycan เพิ่มความชุ่มชื้น ผิวอิ่มน้ำ
  • + Angiogenesis ช่วยกระตุ้นการสร้างหลอดเลือดเล็กให้ผิวสุขภาพดี

และเมื่อเวลาผ่านไป ร่างกายจะค่อย ๆ เพิ่มจำนวนคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ ได้ผลลัพธ์ 3 ประการ คือ 

  • Healthier ผิวเฟิร์ม แน่นกระชับ อิ่มฟูเด้ง ผิวมีคุณภาพดียิ่งขึ้น
  • Younger ริ้วรอยลดลง ยกกระชับขึ้น ผิวดูเด็กลงอีกครั้ง
  • Longer ยืดอายุผิวคุณภาพดีได้ยาวนานขึ้น

Radiesse จึงเป็นทางเลือกที่เหมาะกับการแก้ไขและฟื้นฟูริ้วรอย รวมถึงผิวที่เริ่มมีการเสื่อมสภาพในระดับปานกลางจนถึงระดับสูง เช่น บริเวณร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก รวมไปถึงบริเวณคอและหลังมือ ช่วยสร้างผิวใหม่ที่ดูอิ่มเด้งกว่าเดิม ดูสุขภาพดีจากภายในสู่ภายนอกโดยไม่ต้องกังวลเรื่องผลข้างเคียงครับ

Radiesse อันตรายไหม ?

CaHA (แคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทต์) ที่เป็นส่วนประกอบหลักใน Radiesse เป็นสารที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติในร่างกาย โดยจะพบได้ในเนื้อเยื่อกระดูกและฟัน จึงมั่นใจได้ในความปลอดภัย สามารถเข้ากันได้ดีกับร่างกาย ไม่เกิดการกระตุ้นภูมิคุ้มกันในร่างกายให้ต่อต้านครับ

ในทางการแพทย์ CaHA มีใช้มานานกว่า 25 ปีแล้วครับ มีข้อมูลงานวิจัยเกี่ยวกับประสิทธิภาพและความปลอดภัย ซึ่งถูกเผยแพร่ทางสิ่งตีพิมพ์ทางวิทยาศาสตร์มากกว่า 250 ฉบับ ได้รับรองและอนุมัติจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (US FDA) รวมถึงในยุโรป (CE) จึงเป็นสารที่มั่นใจได้ในความปลอดภัย


กระบวนการทำงานของ Radiesse 

กระบวนการทำงานของ Radiesse

CaHA ใน Radiesse จะไปกระตุ้นเซลล์ไฟโบรบลาสต์ที่เป็นเซลล์ผลิตคอลลาเจนหลักในผิวหนังให้มีการผลิตคอลลาเจนมากขึ้น  โดยอนุภาค CaHA จะสร้างโครงสร้าง และกระตุ้นให้เซลล์ผิวหนังผลิตคอลลาเจนรอบ ๆ เป็นเส้นใยตาข่าย 3 มิติ (3D Matrix) ทำให้ผิวหนังอิ่มฟู เต่งตึงทันทีหลังฉีด 

นอกจากนี้ CaHA ยังช่วยฟื้นฟูผิวหนังที่เสื่อมสภาพจากการเพิ่มของอายุ กระตุ้นการสร้างอีลาสตินในชั้นผิวหนังได้ถึง 250% ช่วยให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่นและคืนตัวได้ดีขึ้น ซึ่งช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยในอนาคตได้ครับ


Radiesse ต่างจากหัตถการงานผิวอื่น ๆ อย่างไร ?

เปรียบเทียบหัตถการงานผิว

ในปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ที่ช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนหลายแบรนด์ครับ โดยที่ได้รับความนิยมสูงสุด คือ Radiesse, Sculptra และ Gouri นอกจากนี้ยังมีวิธีการดูแลผิวอื่น ๆ ที่ได้รับความสนใจไม่น้อย เช่น การใช้ฟิลเลอร์เพื่อปรับปรุงสภาพผิว รวมถึงการใช้ Rejuran และ Exosome เพื่อช่วยฟื้นฟูสภาพผิวได้ถึงชั้นใน

Sculptra

  • Sculptra มีส่วนประกอบหลักเป็น Poly-L-lactic acid (PLLA) เป็นกรดพอลิแลคติกที่ช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนในระยะยาว 
  • ทำหน้าที่โดยการเพิ่มวอลลุ่มในบริเวณที่ฉีด และกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนในระยะยาวผ่านการย่อยสลายของ PLLA ในร่างกาย 
  • ผลลัพธ์อาจเริ่มเห็นผลชัดเจนหลังจากการฉีดหลายครั้ง และสามารถอยู่ได้นานถึง 2 ปีหรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเอง
  • เหมาะกับคนที่มีอายุ 25 ปีขึ้นไป ต้องการฟื้นฟูผิวจากโครงสร้างผิวภายใน ให้มีความแข็งแรงมากขึ้น ชะลอการเกิดริ้วรอยที่เกิดจากการแก่ของผิว และรักษาใบหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ไว้ได้นานขึ้น

Gouri

  • Gouri เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีโพลีแอลแลคติก แอซิด (Polycaprolactone) ที่มาในรูปแบบของเหลว (Fully Liquid) เป็นส่วนประกอบหลัก
  • ทำหน้าที่ในการเพิ่มปริมาณคอลลาเจนในระยะยาว ทำให้ผิวหนังดูอิ่มฟู และฟื้นฟูสภาพผิวให้ดูสุขภาพดีขึ้น
  • ช่วยกระตุ้นให้เซลล์ Fibroblast ผลิตคอลลาเจนและอิลาสตินมากขึ้น ทำให้ผิวที่เสื่อมโทรม แห้งกร้านกลับมาดูสุขภาพดีขึ้น อิ่มน้ำ รูขุมขนเล็กลง ริ้วรอยเล็ก ๆ ดูจางลง มีความแน่นฟู กระชับ และเรียบเนียน
  • หลังฉีด Gouri เห็นผลลัพธ์ได้ภายใน 1-4 สัปดาห์ คงผลลัพธ์อยู่ได้นาน 6-12 เดือน
  • เหมาะกับคนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป มีริ้วรอยแห่งวัย ต้องการเพิ่มคอลลาเจนให้ผิว และป้องกันการเกิดริ้วรอยในอนาคต รวมถึงคนที่ต้องการเติมเต็มใบหน้า แต่ไม่อยากฉีดฟิลเลอร์

ฟิลเลอร์ skin booster

  • ฟิลเลอร์ skin booster มีส่วนประกอบหลัก คือ ไฮยาลูรอนิค แอซิด Hyaluronic Acid หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า HA (ยกเว้นฟิลเลอร์ Belotero Revive ที่มีส่วนประกอบเป็น Hyaluronic Acid + Glycerol )
  • มีหลากหลายแบรนด์ให้เลือกใช้ เช่น ฟิลเลอร์ Juvederm Volite, ฟิลเลอร์ Restylane Vital Light และ Belotero Revive
  • ช่วยในการฟื้นฟูสภาพผิวให้ดูชุ่มชื้น ลดปัญหาผิวแห้งกร้าน ทำให้ผิวดูเรียบเนียน ฉ่ำวาว 
  • เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวแห้ง ขาดน้ำ หรือผิวที่ไม่มีความสดใส ต้องการลดรูขุมขน หลุมสิว หรือปรับผิวให้เรียบเนียน รวมถึงคนที่ต้องการแก้ไขปัญหาความหย่อนคล้อยของผิว และริ้วรอยร่องลึก เช่น ริ้วรอยใต้ตา หรือร่องมุมปาก
  • ผลลัพธ์จากการฉีด Skin booster สามารถเห็นผลได้ทันที และจะเห็นผลชัดเจนมากขึ้นภายใน 2 สัปดาห์ 
  • ผลลัพธ์สามารถคงอยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อฟิลเลอร์ที่ใช้และการดูแลรักษาหลังฉีด

Rejuran

  • Rejuran เป็นผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Skin Booster ที่เน้นฟื้นฟูผิวหน้าให้ดูอิ่มน้ำ ผิวฟู ดูฉ่ำวาว ผิวกระจก (glass skin)
  • มีส่วนประกอบหลัก คือ Polyneucleotide (PN) ซึ่งเป็นสารที่มาจาก DNA ของปลาแซลมอน 
  • ช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน อีลาสติน และเสริมความแข็งแรงให้กับเซลล์ไฟโบรบลาสต์ ทำให้ผิวหนังกลับมาแข็งแรง ชุ่มชื้น และมีความกระจ่างใสอย่างธรรมชาติ
  • เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ที่พบปัญหาผิวแห้งกร้าน เสื่อมโทรม หรือผู้ที่ต้องการปรับปรุงสภาพผิวให้กระจ่างใสขึ้น รวมทั้งลดปัญหาจุดด่างดำ ฝ้า กระ และรอยสิว เพื่อฟื้นฟูสภาพผิวให้กลับมาแข็งแรงและมีสุขภาพดี
  • ผลลัพธ์หลังฉีด Rejuran สามารถเริ่มสังเกตเห็นได้ตั้งแต่ 3-5 วันหลังการฉีด เห็นผลชัดเจนในช่วงประมาณ 4 สัปดาห์
  • ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นาน 3-6 เดือน ซึ่งอาจแตกต่างกันไปตามการดูแลรักษาผิวของแต่ละบุคคล

Exosome

  • Exosome เป็นหนึ่งในกกลุ่ม Skin Booster ที่เน้นการฟื้นฟูเซลล์ผิว ให้กลับมามีสุขภาพดีอย่างเต็มที่
  • ประกอบด้วยสารชีวโมเลกุลมากกว่า 1,000 ชนิด รวมถึงโปรตีน, กรดนิวคลีอิก, ลิพิด ซึ่งช่วยกระตุ้นและฟื้นฟูเซลล์ผิวให้กลับมาทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
  • ช่วยให้ผิวกลับมาแข็งแรงจากภายใน แก้ปัญหาสิว ลดอาการอักเสบของผิว และผิวที่แพ้ง่าย พร้อมทั้งช่วยให้ผิวหนังชุ่มชื้น ยืดหยุ่น กระชับ และเรียบเนียน
  • เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาสิวบนใบหน้า หลุมสิวตื้น ๆ รอยสิว และรอยแผลเป็น รวมทั้งผู้ที่มีรูขุมขนกว้าง ผิวไม่เรียบเนียน ผิวแห้งและขาดน้ำ หรือผิวหน้าดูโทรมและไม่มีชีวิตชีวา
  • ผลลัพธ์หลังการทำ Exosome สามารถสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ภายใน 3-7 วัน 
  • หากทำต่อเนื่อง 5 ครั้ง ผลลัพธ์สามารถคงอยู่ได้นานถึง 1 ปี โดยขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาและสภาพผิวเดิมของคนไข้

แต่ละหัตถการมีความโดดเด่นในการกระตุ้นคอลลาเจน เพื่อให้ผิวหนังกระชับ มีความเต่งตึง และโครง สร้างผิวที่แข็งแรงคล้ายคลึงกัน จึงขึ้นอยู่กับความต้องการของคนไข้แต่ละคนครับว่ามีความกังวลจุดไหนเป็นพิเศษ ซึ่งแพทย์จะช่วยในการประเมินและเลือกวิธีการที่ตรงกับปัญหาและงบประมาณของคนไข้ให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงจุดที่สุด


Radiesse กับ ฟิลเลอร์ เหมือนกันไหม ?

Radiesse กับฟิลเลอร์ HA (ไฮยาลูโรนิก แอซิด) มีความแตกต่างกันทั้งในเรื่องของส่วนประกอบหลัก, หลักการทำงาน และระยะเวลาคงผลลัพธ์ครับ 

  • ส่วนประกอบหลัก : Radiesse  มีส่วนประกอบหลัก คือ Calcium Hydroxylapatite (CaHA) ซึ่งเป็นสารที่มีลักษณะเป็นอนุภาคขนาดเล็ก ช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนภายในร่างกาย 

ในขณะที่ฟิลเลอร์ HA  มีส่วนประกอบหลัก คือ ไฮยาลูโรนิก แอซิด ซึ่งเป็นสารที่มีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำ

  • หลักการทำงาน : Radiesse ทำหน้าที่เป็น biostimulator กระตุ้นให้ร่างกายผลิตคอลลาเจนเพิ่มขึ้น ช่วยให้ผิวหนังแข็งแรงและมีความยืดหยุ่นได้ดีขึ้นจากภายใน

ในขณะที่ฟิลเลอร์ HA ทำหน้าที่โดยตรงในการเติมเต็มและเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหนัง ผลลัพธ์ที่ได้คือการลดริ้วรอยและการเพิ่มวอลลุ่มทันทีหลังการฉีด

  • ระยะเวลาของผลลัพธ์ : Radiesse มีระยะเวลาของผลลัพธ์ที่ยาวนาน เนื่องจากกระบวนการผลิตคอลลาเจนใหม่ต้องใช้เวลา ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้ถึง 1-2 ปี

ในขณะที่ฟิลเลอร์ HA  อาจต้องการการฉีดซ้ำ เนื่องจากไฮยาลูโรนิก แอซิดเป็นสารที่สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ ผลลัพธ์จะอยู่ได้นาน  6-24 เดือน

สรุป Radiesse กับ ฟิลเลอร์ เหมือนกันไหม ? จริง ๆ แล้วทั้ง Radiesse และ ฟิลเลอร์ ทั้งสองจะมีวัตถุประสงค์เพื่อเติมเต็มร่องลึกและเพิ่มวอลุ่มให้กับผิวที่คล้ายคลึงกัน แต่มีความแตกต่างที่สำคัญในส่วนประกอบและวิธีการทำงาน การเลือกใช้ระหว่าง Radiesse หรือฟิลเลอร์ HA ควรพิจารณาจากเป้าหมายผลลัพธ์ของคนไข้และคำแนะนำของแพทย์ครับ


Radiesse เหมาะกับใคร ?

Radiesse เหมาะกับใคร
  • ผู้ที่มีริ้วรอยหรือร่องลึก : ต้องการเติมเต็ม ลดริ้วรอยหรือร่องลึกบนใบหน้า เช่น ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก ร่องมุมปาก
  • ผู้ที่ต้องการปรับรูปทรงบนใบหน้า : เพิ่มความเต่งตึง ต้องการให้หน้าดูเต็ม มีมิติและสมดุลมากขึ้น
  • ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ยาวนาน : Radiesse สามารถให้ผลลัพธ์นานถึง 1-2 ปี จึงเหมาะกับผู้ที่ไม่ต้องการการฉีดซ้ำบ่อยครั้ง
  • ผู้ที่มีผิวหน้าขาดคอลลาเจน : ใบหน้าไม่มีวอลลุ่ม กรอบหน้าไม่ชัด ผิวขาดความชุ่มชื้น ต้องการกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนให้มากขึ้น ฟื้นฟูผิวหนังให้ดูอิ่มน้ำ ยืดหยุ่น มีสุขภาพดีขึ้นจากภายใน
  • ผู้ที่มีผิวหนังเสื่อมสภาพจากอายุหรือปัจจัยอื่น ๆ : คนที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป ผิวเริ่มหย่อนคล้อย ต้องการมีผิวเด็ก หน้าเด้ง กระชับโดยไม่ต้องการผ่าตัดดึงหน้า

Radiesse ไม่เหมาะกับใครบ้าง ?

  • คนที่อยู่ในภาวะตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
  • คนที่มีประวัติแพ้แบบรุนแรงหรือประวัติภาวะช็อกจากการแพ้อย่างรุนแรง
  • คนที่มีประวัติแพ้ยาชา หรือแพ้สารที่เป็นองค์ประกอบใน Radiesse
  • คนที่มีผิวหนังมีแนวโน้มเกิดแผลเป็นนูนหรือคีย์ลอยด์สูง
  • คนที่มีการอักเสบของผิวหนังหรือการติดเชื้อใกล้บริเวณที่ทําฉีด
  • คนที่มีภาวะเลือดออกผิดปกติ หรือกำลังใช้ยาที่อาจทำให้การแข็งตัวของเลือดลดลง

Radiesse ฉีดตำแหน่งไหนได้บ้าง ?

Radiesse filler สามารถใช้ในการฉีดแก้ไขรอยพับ และร่องลึกบนใบหน้าได้หลากหลายบริเวณ เช่น

  • หน้าแก้ม/แก้มส้ม : ช่วยให้แก้มยกกระชับ ดูเต็มอิ่ม เพิ่มความอ่อนเยาว์ให้กับใบหน้า
  • ร่องแก้ม : ช่วยลดร่องลึกข้างแก้มที่เกิดขึ้นตามอายุ ใบหน้าดูเด็กลง
  • ร่องน้ำหมาก : ช่วยเติมเต็มเส้นร่องมุมปากที่ทำให้ใบหน้าดูมีอายุมากขึ้น
  • หลังมือ : ช่วยแก้ปัญหามือแห้งกร้าน ลดเส้นเอ็นและเส้นเลือดที่ชัดเจน ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ

Radiesse ราคาเท่าไหร่ ?

Radiesse ราคา

Radiesse ราคาแต่ละคลินิกจะต่างโปรโมชันในช่วงนั้น ๆ รวมถึงปริมาณ CC ที่ใช้ครับ  สำหรับที่ V Square Clinic จัดโปร Radiesse 2 กล่อง 64,800.-  ก่อนฉีดคนไข้สามารถเข้ามาให้หมอประเมินปัญหาผิวหน้าก่อนได้ ปรึกษาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายครับ 


การเตรียมตัวก่อนฉีด Radiesse

  • ปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการแก้ไขปัญหาผิว และประเมินความเสี่ยงของผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
  • ควรหลีกเลี่ยงยาต้านการอักเสบไม่สเตียรอยด์ (NSAIDs) เช่น ไอบูโพรเฟน และอาหารเสริมที่อาจเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดรอยช้ำ เช่น วิตามิน E, กระเทียม, โอเมก้า 3 อย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนฉีด
  • งดการดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนการฉีด เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดรอยช้ำและบวม
  • แจ้งประวัติการแพ้ยาหรือสารเติมเต็มที่เคยใช้กับแพทย์ เพื่อป้องกันปฏิกิริยาแพ้
  • เตรียมจิตใจให้พร้อม และตั้งความคาดหวังที่เหมาะสมกับผลลัพธ์ที่จะได้รับ
  • แม้ว่า Radiesse จะไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้น แต่ควรวางแผนเวลาหลังการฉีด เพื่อให้มีเวลาสำหรับการพักผ่อนหากมีอาการบวมหรือช้ำเล็กน้อย

ขั้นตอนการฉีด Radiesse

ขั้นตอนการฉีด Radiesse โดยหมอโต้ง
  • ปรึกษากับแพทย์เพื่อหารือเกี่ยวกับเป้าหมายของผลลัพธ์ โดยจะประเมินบริเวณที่ต้องการแก้ไข
  • ทำความสะอาดผิวบริเวณที่จะฉีด และทายาชาเพื่อลดความรู้สึกเจ็บปวด
  • แพทย์จะใช้เข็มเล็ก ๆ ฉีด Radiesse ไปยังบริเวณที่ต้องการเติมเต็ม โดยอาจฉีดในหลายจุดตามความต้องการ
  • หลังจากฉีด แพทย์จะนวดบริเวณที่ฉีด เพื่อช่วยกระจายสารเติมเต็ม 
  • หลังจากการฉีดเสร็จ แพทย์จะตรวจสอบบริเวณที่ฉีดเพื่อดูผลลัพธ์ทันที และอาจมีการปรับเพิ่มเติมตามความต้องการ
  • แพทย์จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลตัวเองหลังการฉีด เช่น การหลีกเลี่ยงการแตะต้องหรือการนวดบริเวณที่ฉีด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
  • มีการนัดติดตามผล เพื่อตรวจสอบผลลัพธ์และความต้องการการฉีดเพิ่มเติม

ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นหลังฉีด Radiesse

ผลลัพธ์หลังฉีด Radiesse
ภาพแสดงการสะสมของคอลลาเจนที่ถูกกระตุ้นขึ้นมาใหม่ในช่วง 4-78 อาทิตย์หลังฉีด

เมื่อหมอฉีดตัวยาเข้าไปในชั้นระนาบใต้ผิว ตัวยาจะเข้าไปกระตุ้นการทำงานของ Fibroblasts (ไฟโบรบลาส) ที่เป็นเซลล์ต้นกำเนิดคอลลาเจนในผิว โดยคอลลาเจนจะถูกกระตุ้นขึ้นมาใหม่ในช่วง 4-78 อาทิตย์หลังฉีดครับ

  • ผลลัพธ์ทันที : หลังฉีดผิวจะยกขึ้น กระชับ ร่องลึกตื้นขึ้น ริ้วรอยจางลง 
  • ผลลัพธ์ใน 1 เดือน  : หลังจากการฉีด 3-4 สัปดาห์ CaHA ใน Radiesse จะเริ่มออกฤทธิ์กระตุ้นคอลลาเจน ทำให้ผิวเกิดการเปลี่ยนแปลง คุณภาพผิวบริเวณที่ฉีดดีขึ้น กระชับขึ้น ยืดหยุ่นขึ้น เพิ่มวอลลุ่มขึ้น
  • ผลลัพธ์ใน 6-24 เดือน : เส้นใยคอลลาเจนที่ถูกสร้างขึ้นจาก RADIESSE จะคงอยู่ได้นานถึง  6-24 เดือน ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ (Younger) ผิวดูสุขภาพดี (Healthier) และยืดอายุผิวที่ดีได้ยาวนาน (Longer)  

การดูแลหลังฉีด Radiesse

การดูแลหลังฉีด Radiesse
  • หลีกเลี่ยงการจับ ลูบ แตะ บริเวณที่ฉีด
  • ลดกิจกรรมที่ต้องใช้กำลังหรือออกแรงมาก ๆ 
  • งดการแต่งหน้า 12 ชั่วโมง หรือจนกว่ารอยเข็มจะหายดี
  • หลีกเลี่ยงแสงแดดและความร้อน 24 ชั่วโมง 
  • หลีกเลี่ยงหัตถการที่ใช้ความร้อนสูง เช่น ซาวน่า เลเซอร์ร้อน อย่างน้อย 2 สัปดาห์
  • หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่ อย่างน้อย 2 สัปดาห์

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังฉีด Radiesse

หลังฉีด Radiesse อาจมีอาการบวมหรือแดง รวมถึงมีรอยช้ำจากเข็มที่ใช้ในการฉีด บางรายอาจมีอาการคันเล็กน้อย อาการเหล่านี้เป็นผลข้างเคียงที่ไม่อันตรายครับ มักจะหายไปเองภายในไม่กี่ชั่วโมง หรือ 2-3 วัน 


ฉีด Radiesse กี่ CC ต้องฉีดบ่อยแค่ไหน ?

ปริมาณ Radiesse ที่ใช้ในการฉีดขึ้นอยู่กับเป้าหมายของคนไข้และตำแหน่งในการฉีดครับ โดยทั่วไปอาจใช้ประมาณ 0.5-1.5 CC หรือใช้ 1 ตำแหน่ง/1.5 CC 

สำหรับความถี่ในการฉีด หมอแนะนำให้ฉีด 1-3 ครั้ง ห่างกันอย่างน้อย 1 เดือนครับ ทั้งนี้หมอจะประเมินเป็นรายเคส ขึ้นอยู่กับสภาพผิว ความหย่อนคล้อยของผิวคนไข้   


ฉีด Radiesse กี่วันเห็นผล ?

หลังฉีด Radiesse คนไข้สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีครับ โดยจะสังเกตได้ว่าผิวยกกระชับ  ร่องลึกตื้นขึ้น ริ้วรอยจางลง จากนั้นผลลัพธ์จะดีขึ้นเรื่อย ๆ เห็นผลชัดเจนใน 3-6 เดือนครับ


Radiesse อยู่ได้นานไหม ?

Radiesse สามารถคงอยู่ได้นานประมาณ 2 ปีครับ ซึ่งอาจแตกต่างกันไปตามปัจจัยหลายอย่าง เช่น ลักษณะของผิวหนังแต่ละคน พฤติกรรมการดูแลรักษาหลังฉีด และบริเวณที่ได้รับการฉีด

ซึ่งผลลัพธ์ที่ยาวนานนี้เป็นผลมาจากการที่ Radiesse ไปกระตุ้นให้ร่างกายผลิตคอลลาเจนเพิ่มขึ้น และคอลลาเจนนี้เอง ที่จะเข้าไปช่วยเสริมโครงสร้างผิวหนังให้แข็งแรง พร้อมชะลอการเกิดริ้วรอยในอนาคตได้ในระยะยาวครับ


สรุป Radiesse

Radiesse เป็นฟิลเลอร์ที่ช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน และกระตุ้นการสร้าง Elastin ในชั้นผิวได้ถึง 250% ทำให้ผิวยืดหยุ่นและคืนตัวได้ดี ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยในอนาคต การฉีด Radiesse จึงไม่เพียงแต่เป็นการแก้ไขปัญหาผิวหนังในระยะสั้น แต่ยังเป็นการลงทุนในการฟื้นฟูคุณภาพผิวในระยะยาว ทำให้คนไข้ที่ได้รับการฉีด Radiesse  มีความพึงพอใจสูงกับผลลัพธ์ที่ได้ และตัดสินใจกลับมาทำซ้ำ

อย่างไรก็ตาม ก่อนการตัดสินใจฉีด Radiesse ควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด และควรเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ เพื่อประเมินผลลัพธ์ที่คาดหวังได้และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น และเพื่อให้มั่นใจว่าเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคนไข้ครับ


สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสามารถปรึกษาหมอทาง inbox facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ

Banner_Web_หมอให้คำปรึกษา_หมอ37คน
Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    คุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ

บันทึกการตั้งค่า