ร้อยไหมก้างปลา
ร้อยไหมแบบไหนดี ไหมก้างปลากับไหมประเภทอื่น ๆ ต่างกันอย่างไร? ปัจจุบันไหมก้างปลา เป็นไหมที่นิยมใช้ในการร้อยไหมเพื่อยกกระชับใบหน้ามากที่สุด เพราะเป็นไหมละลายที่ผ่านการรับรองว่ามีความปลอดภัย ช่วยลดริ้วรอย ยกกระชับหน้า ปรับหน้าเรียวโดยไม่ต้องผ่าตัด และเห็นผลรวดเร็วครับ
บางคลินิกได้มีการตั้งชื่อไหมก้างปลาที่ต่างกันออกไป ทำให้คนไข้เกิดความสับสนว่าจะเลือกร้อยไหมแบบไหนดี แท้จริงแล้วร้อยไหมมีกี่แบบ? ในบทความนี้หมอจะมาให้คำตอบพร้อมบอกข้อมูล ร้อยไหมก้างปลา แต่ละชนิดแตกต่างกันอย่างไร? ลักษณะของไหมก้างปลาที่ดีที่สุด? ร้อยไหมกี่วันเห็นผล ร้อยไหมก้างปลา หน้าบวมกี่วัน? ควรร้อยไหมก้างปลา กี่เส้น? สามารถติดตามอ่านได้ครับ
สารบัญ ร้อยไหมแบบไหนดี
ร้อยไหมมีกี่แบบ ?
ร้อยไหมมี 2 แบบครับ คือร้อยไหมแบบใช้ไหมละลาย และร้อยไหมใช้ไหมที่ไม่ละลาย ปัจจุบันนิยมใช้ไหมละลาย เพราะเป็นไหมที่ได้รับการรับรองว่ามีความปลอดภัย ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง ไม่ส่งผลข้างเคียงที่อันตรายต่อร่างกาย เป็นไหมเกรดเดียวกับที่ใช้ในการเย็บแผล หลังร้อยไหม ไหมจะละลายตามธรรมชาติ ไม่มีสารตกค้างครับ
ไหมละลายที่ใช้ในการร้อยไหมหน้าเรียวจะทำจากวัสดุและมีลักษณะของไหมที่ต่างกัน ซึ่งชนิดของวัสดุสามารถแบ่งได้ 3 ชนิดคือ คือ PDO, PLLA และ PCL
- PDO (Polydioxanone) เป็นไหมละลายเส้นสีน้ำเงิน สามารถละลายหมดภายใน 4-5 เดือน มีอายุการใช้งานน้อยที่สุด ยืดหยุ่นปานกลาง นิ่ม ไม่เปราะ ขณะที่ร้อยจะไม่รู้สึกระคายเคือง
- PLLA (Polylactate) เป็นไหมละลายเส้นสีขาวใส สามารถละลายหมดภายใน 12-18 เดือน ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ดี แต่ขาดความยืดหยุ่น มีความแข็ง หลังร้อยไหมจะพบปัญหา ไหมขาด ไหมทะลุได้บ่อย ปัจจุบันจึงไม่ค่อยนิยมใช้
- PCL (Polycaprolactone) เป็นไหมละลายเส้นสีขาวขุ่น สามารถละลายหมดภายใน 18-24 เดือน เส้นไหมมีส่วนผสมของ PLLA ในสัดส่วนที่เหมาะสม จึงทำให้มีความยืดหยุ่นสูงที่สุด แข็งทน ไม่เปราะหักง่าย เส้นใหญ่ที่สุด
ร้อยไหมก้างปลาดีไหม ?
ไหมก้างปลา เป็นไหมละลายชนิดเดียวกับที่ใช้ในทางการแพทย์ เช่น ใช้ในการผ่าตัดเย็บหัวใจ, ผ่าตัดเย็บแผล เช่น ไหม PDO, ไหม PLLA และ ไหม PCL ถ้าหากหมอร้อยไหมด้วยเทคนิคที่ถูกต้อง และใช้ไหมละลายที่ผ่านการรับรองจาก อย. ก็จะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัย โดยหลังร้อยไหมจะเห็นผลได้ทันที ไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้น สามารถกลับไปทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติครับ
หลังไหมละลายหมด ผิวบริเวณนั้นจะเกิดเป็นเส้นใยอิลาสตินช่วยประคองผิว คล้ายเส้นเอ็นที่มีอยู่ตามธรรมชาติของร่างกาย ผิวจะเกิดการกระตุ้นเซลล์ที่มีหน้าที่สร้างเส้นใยคอลลาเจน ทำให้เลือดไหลเวียนมาเลี้ยงชั้นผิวหนังมากขึ้น ผิวจึงมีความกระชับ ใบหน้าเรียว ริ้วรอยร่องลึกตื้นขึ้น ผิวเต่งตึงขึ้นอย่างชัดเจนครับ
ลักษณะของไหมก้างปลาที่ดีที่สุด
ลักษณะของไหมก้างปลา จะมีเงี่ยงคล้ายก้างปลา ในทางการแพทย์เงี่ยงลักษณะนี้มีชื่อเรียกว่า bidirectional barbed thread ไม่ได้เรียกว่า fishbone (ก้างปลา) บางคลินิกจะตั้งชื่อไหมก้างปลาแตกต่างกันออกไปนด้วยเหตุผลทางการค้า เช่น ไหมกุหลาบ 8d, ไหมเงี่ยงกุหลาบ,ไหมก้างปลา 8D, ไหม Rose, ไหมฟันฉลาม, ไหมจระเข้, ไหมปิรันย่า, ไหมล็อค8d,ไหมค็อก, ไหมมิ้นท์, ไหมคอลลาเจน ฯลฯ ทั้งหมดล้วนเป็นไหมก้างปลาด้วยกันทั้งสิ้น ซึ่งคนไข้สามารถสอบถามทางคลินิกนั้น ๆ เพิ่มเติมได้ครับว่าเป็นไหมละลายแบบไหน
ปัจจุบันไหม PCL+PLLA เป็นเส้นไหมที่ดีที่สุดและนิยมใช้มากที่สุดครับ เพราะมีการพัฒนาโดยการนำจุดเด่นของไหม PCL มาผสมกับจุดเด่นของไหม PLLA ซึ่งที่ V Square Clinic จะเลือกใช้ ไหมก้างปลาที่ดีที่สุดเท่านั้นครับ
ร้อยไหมก้างปลา อยู่ได้นานแค่ไหน ?
ร้อยไหมก้างปลาอยู่ได้นานแค่ไหน ขึ้นอยู่กับชนิดของไหม ถ้าเป็นไหม PDO จะอยู่ได้ 4-5 เดือน ส่วนไหม PCL อยู่ได้นาน 1 ปีครับ แต่ในบางเคสที่โครงสร้างผิวขาดคอลลาเจนและขาดอีลาสตินมาก ๆ การยกพยุงจะอยู่ได้สั้นลง เพราะผิวจะหลุดออกจากเส้นไหมก่อนที่ไหมจะละลาย แต่สามารถแก้ไขด้วยการร้อยไหมเข้าไปตามแนวเดิมได้ เพราะไหมที่ร้อยไปก่อนหน้านี้จะทำการสร้างอีลาสตินขึ้นมา ทำให้การร้อยไหมในครั้งต่อ ๆ ไป ผิวจะยึดเกาะได้ดีขึ้นและอยู่ได้นานขึ้นเรื่อย ๆ ครับ
ร้อยไหมก้างปลา แต่ละชนิดแตกต่างกันอย่างไร
ไหมก้างปลาแต่ละชนิด ไม่ได้มีความแตกต่างกันมากครับ โดยหมอจะอธิบายความแตกต่างแบบเข้าใจง่าย ดังนี้
- ไหมเรียบ (Mono threads)
- ไหมเรียบ ชื่ออื่น เช่น ไหมคอลลาเจน, ไหมมิราคุ, ไหมสเต็มเซล, ไหม ruby, ไหมทับทิม ฯลฯ
- เป็นไหมละลายเส้นเรียบที่ไม่มีเงี่ยงหรือเป็นเกลียว เป็นไหมชนิดแรกๆ ที่นำมาใช้
- ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนมาเติมผิวคล้ายๆ ฟิลเลอร์ ช่วยลดริ้วรอยในบางจุดช่วยให้ชั้นผิวฟูขึ้น ช่วยกระชับผิวได้เล็กน้อย
- มักใช้ร้อยเพิ่มเติมร่องใต้ตา ริ้วรอยหน้าผาก ลดความหย่อนคล้อยที่คอ
- ใช้ประมาณ 10-20 เส้นต่อหนึ่งจุดที่ทำ
- จะเห็นผลในช่วง 4-5 เดือน อยู่ได้ประมาณ 8 เดือน
- ไหมเงี่ยง (Barbed threads/ Cog threads)
- ไหมเงี่ยง ชื่อทางการแพทย์คือ bidirectional barbed thread ชื่ออื่น เช่น ไหมก้างปลา, ไหมเงี่ยงกุหลาบ,ไหมก้างปลา 8D, ไหม Rose, ไหมฟันฉลาม, ไหมจระเข้, ไหมปิรันย่า, ไหมล็อค,ไหมค็อก ฯลฯ
- เป็นไหมละลายที่มีเงี่ยงยื่นออกมา แบ่งออกตามขนาดเส้นไหม คือไหมเงี่ยงใหญ่และไหมเงี่ยงเล็ก
- มีลักษณะเหมือนตะขอ มีทั้งแบบเงี่ยง 1 ทิศทางและ 2 ทิศทาง เมื่อสอดเข้าไปใต้ผิวหนัง จะดึงรั้งเนื้อเยื่อผิวได้ดี ใช้ในการยกกระชับแก้มที่หย่อน ลดแก้มตอบ เพิ่มความคมชัดให้กรอบหน้า และเป็นที่นิยม
- ใช้ประมาณ 6-12 เส้นต่อการยกกระชับแก้มทั้ง 2 ข้าง
- อยู่ได้ 4-12 เดือน ขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้
- ไหมเกลียว (Screw Threads /Tornado Threads)
- ไหมเกลียว ชื่ออื่น เช่น ไหมสปริง, ไหมทอร์นาโด ฯลฯ
- เป็นการใช้ไหม 1-2 เส้นพันเป็นเกลียวก่อนสอดเข้าใต้ผิวหนัง เพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้กับเส้นไหม
- ใช้เพื่อเติมเต็มผิวที่ยุบ เป็นแอ่ง ช่วยยกกระชับผิวที่หย่อนให้เรียบตึงขึ้น ช่วยปรับรูปหน้า ริ้วรอยบางจุด หรือต้องการยกแก้มบริเวณแก้มส้ม
- ใช้ประมาณ 6-8 เส้นต่อหนึ่งจุดที่ทำ
- อยู่ได้ประมาณ 8 เดือน
- ไหมกรวย (Silhouette Soft)
- ไหมกรวย ชื่ออื่น เช่น ไหมเทอร์โบ, ไหมโคน, ไหม Silhouette, ไหมกรวยซิลลูเอท, ไหม PGA
- เป็นไหมที่มีปมติดเป็นระยะ ๆ ลักษณะคล้ายโคนหรือกรวย
- ช่วยในการยกกระชับใบหน้า เห็นผลหลังทำทันที แต่ต้องใช้เข็มใหญ่ โอกาสบวมช้ำสูง จึงใช้เวลาพักฟื้นนานกว่าไหมเงี่ยง
- ใช้ประมาณ 2-8 เส้น ต่อการทำแต่ละบริเวณ
- อยู่ได้ 8-10 เดือน
- ข้อเสียคือมีราคาสูง เมื่อเทียบกับไหมชนิดอื่นๆ
- ไหมมิ้นท์ (Mint Lift)
- ไหมมิ้นท์ เป็นไหมละลายชนิดล่าสุดที่ได้มีการพัฒนาเพื่อช่วยในเรื่องการยกกระชับหน้าให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
- เส้นไหมจะมีลักษณะพิเศษคือสามารถหมุนได้ 360 องศา เพื่อช่วยในการยึดเกาะเนื้อเยื่อได้หลายทิศทาง
- ตัวไหมแข็งแรง ไม่เปราะง่าย เห็นผลดีในการยกกระชับหน้า ผ่าน อย.
- อยู่ได้ประมาณ 6-8 เดือน
- ไหมตาข่าย (Tesslift Soft)
- ไหมตาข่าย เป็นไหมละลายที่มีคุณสมบัติเด่นในเรื่องความแข็งแรงของเส้นไหม ทนแรงต้านได้ดีกว่าไหมทั่วไปถึง 80 เท่า
- การใช้ไหมตาข่าย 1 เส้น เทียบเท่ากับการร้อยไหม 2 เส้น ทำให้สามารถช่วยในเรื่องการยกกระชับและพยุงผิวที่หย่อนคล้อยได้ดี
- ผ่านการรับรองจาก CE Approved (European Conformity)
- ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เห็นผลเร็วและอยู่ได้นาน
- อยู่ได้ประมาณ 8-12 เดือน
ไหมก้างปลา ที่มีความยืดหยุ่นสูง
ไหม PLLA จะมีความยืดหยุ่นมากที่สุด แข็งแรง ทนต่อแรงดึงได้ดี แต่จะเปราะและขาดง่ายเมื่ออยู่ในหน้าคนที่มีการขยับตลอดเวลา
ไหมก้างปลา ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
ไหมก้างปลา ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนที่ดีที่สุด คือ ไหม PLLA ครับ เพราะเป็นไหมที่นำ PLLA มาผสมในไหม PCL เพื่อช่วยให้โครงสร้างผิวแข็งแรงขึ้นหลังจากที่ร้อยไหม
ทำไมบางคนบอกว่าร้อยไหมไม่ได้ผล
ร้อยไหมแล้วไม่ได้ผล เกิดได้จากหลายสาเหตุครับ ทั้งชนิดของไหมและเทคนิคการร้อยไหมของแพทย์ถ้าเป็นสมัยที่การร้อยไหมยังไม่ได้แพร่หลาย คลินิกจะใช้ไหมเรียบ (mono) เส้นเล็ก ๆ สั้น ๆ ร้อยในผิวชั้นตื้นเติมเต็มผิวคล้าย ๆ ฟิลเลอร์ ซึ่งการร้อยไหมดังกล่าวหวังผลเรื่องลดริ้วรอยได้ แต่ไม่สามารถดึงให้ผิวยกกระชับขึ้น ผลลัพธ์ที่ได้จึงไม่เป็นที่ประทับใจตามที่คาดหวังไว้จากคำโฆษณา
แต่ปัจจุบันไหม mono ไม่นิยมใช้ในคลินิกแล้ว ส่วนมากจะเป็นการร้อยไหมก้างปลาแทบทั้งหมด ซึ่งถ้าหากคนไข้ร้อยไหมแล้วไม่ได้ผล ในกรณีนี้จะเกิดจากแพทย์ไม่มีความชำนาญหรือร้อยไหมกับหมอเถื่อน คลินิกเถื่อน ไม่ได้ใช้ไหมละลายที่ปลอดภัยครับ
การร้อยไหมเป็นหัตถการที่จำเป็นต้องอาศัยเทคนิคและความชำนาญในการประเมินทรงหน้าของแพทย์ด้วยครับจึงจะทำให้ผลลัพธ์ออกมาสวยและเข้ารูป ดังนั้นก่อนตัดสินใจร้อยไหม คนไข้ควรให้ความสำคัญกับการเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน และเลือกหมอที่มีประสบการณ์เท่านั้นครับ
ควรร้อยไหมก้างปลา กี่เส้น ?
ร้อยไหมก้างปลากี่เส้น ต้องดูจากหลาย ๆ ปัจจัยครับ หมอจะเป็นผู้ประเมินก่อนทำทุกเคส ว่าคนไข้เคสนั้น ๆ ควรจะใช้ไหมก้างปลาข้างละกี่เส้น โดยดูจากเนื้อแก้มของคนไข้, ความแน่นของผิวและจุดไหนบ้างที่คนไข้ต้องการดึง แต่ส่วนใหญ่แล้วจะร้อยไหมก้างปลาข้างละ 3 – 10 เส้นครับ
รีวิว ร้อยไหมก้างปลา
ก่อนทำ รีวิวร้อยไหมในเคสนี้ คนไข้มีปัญหาแก้มหย่อนคล้อย มีแก้มห้อยทำให้หน้าดูไม่กระชับ
หลังทำทันที ใบหน้าดูเรียวขึ้น แก้มกระชับ ดูอ่อนกว่าวัย
ก่อนทำ รีวิวร้อยไหมในเคสนี้ คนไข้มีปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อย ไม่กระชับ ทำให้ดูแก่กว่าวัย
หลังทำทันที ผิวบริเวณกรอบหน้ายกกระชับขึ้นอย่างเห็นได้ชัด หน้าเด็กลง
ก่อนทำ รีวิวร้อยไหมในเคสนี้ คนไข้มีปัญหาแก้มหย่อนคล้อย ไม่มีมิติ
หลังทำทันที ใบหน้ายกกระชับขึ้น หน้าเรียวขึ้น
ก่อนทำ รีวิวร้อยไหมในเคสนี้ มีปัญหากรอบหน้าไม่ชัด หน้าไม่มีมิติ
หลังทำทันที กรอบหน้าชัด ใบหน้ายกกระชับขึ้น ริ้วรอยจางลง
ก่อนทำ รีวิวร้อยไหมในเคสนี้ คนไข้มีปัญหาหน้าไม่มีมิติ กรามใหญ่ มีแก้มห้อย ทำให้หน้าดูไม่กระชับ
หลังทำทันที ใบหน้าดูเรียวขึ้น แก้มกระชับ ดูอ่อนกว่าวัย
ก่อนทำ รีวิวร้อยไหมในเคสนี้คนไข้มีปัญหาร่องแก้มลึก แก้มห้อยย้อย
หลังทำทันที แก้มยกกระชับ ริ้วรอยร่องแก้มจางลง ใบหน้าเรียวสวยเข้ารูป
ก่อนทำ รีวิวร้อยไหมในเคสนี้คนไข้มีปัญหาหน้าหย่อนคล้อย มีร่องแก้มลึก แก้มห้อยย้อย
หลังทำทันที ริ้วรอยร่องแก้มดูตื้นขึ้น ใบหน้ายกกระชับ ดูอ่อนกว่าวัย
ก่อนทำ รีวิวร้อยไหมในเคสนี้คนไข้มีปัญหาแก้มห้อยย้อย หน้าไม่กระชับ ทำให้ดูแก่กว่าวัย
หลังทำทันที ใบหน้ายกกระชับ กรอบหน้าชัด ร่องแก้มตื้นขึ้น ดูเด็กลง
ก่อนทำ รีวิวร้อยไหมก้างปลา ในเคสนี้คนไข้มีปัญหาหน้ากรามใหญ่ มีแก้มห้อยย้อย ส่งผลให้หน้าไม่เรียว
หลังทำทันที ใบหน้าดูเรียวเป็นวีเชฟขึ้น แก้มกระชับ ริ้วรอยจางลง
ก่อนทำ รีวิวร้อยไหมก้างปลา ในเคสนี้คนไข้มีปัญหาแก้มหย่อน แก้มห้อย มีร่องแก้ม ร่องใต้ตา
หลังทำทันที ใบหน้ายกกระชับขึ้น แก้มถูกยกทำให้ร่องแก้มตื้นขึ้น ใต้ตาเต็ม ใบหน้าดูอ่อนกว่าวัย
ก่อนทำ รีวิวร้อยไหมก้างปลา ในเคสนี้คนไข้มีความกังวลเรื่องร่องแก้ม ร่องมุมปาก จึงแนะนำให้ฉีดฟิลเลอร์และร้อยไหมดึงแก้มควบคู่กัน
หลังทำทันที ร่องแก้มตื้นขึ้น มุมปากยกและแก้มส่วนล่างถูกดึงขึ้นไป ใบหน้าโดยรวมดูเล็กลงอย่างเห็นได้ชัด
ร้อยไหมกี่วันเห็นผล ร้อยไหมก้างปลา หน้าบวมกี่วัน ?
หลังร้อยไหมก้างปลาจะเห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้ทันทีครับ หลังจากนั้นไหมจะค่อย ๆ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว ซึ่งจะต้องใช้เวลาประมาณ 4 -6 สัปดาห์ จากนั้นไหมจะเข้าที่ เห็นผลลัพธ์ชัดเจน ประมาณ 3 เดือน ส่วนเรื่องอาการบวมหลังร้อยไหมจะมีอาการบวมมากในช่วง 3-4 วันแรก และจะหายบวมภายใน 7-14 วัน แต่หากหลังครบ 4 วันแล้วคนไข้ยังมีอาการปวดหรือบวมแดงมากขึ้น ต้องรีบกลับไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจประเมินและรับยากินเพิ่มเติมครับ
ร้อยไหมก้างปลาเจ็บไหม ?
ร้อยไหมก้างปลาเจ็บครับ แต่ทางคลินิกจะมีการฉีดยาชาให้ก่อน ทำให้ตอนร้อยไม่รู้สึกว่าเจ็บมาก เป็นความเจ็บที่ทนได้ ขณะร้อยคนไข้จะรู้สึกตึง ๆ ผิว เพียงเล็กน้อย
สรุป
การเลือกร้อยไหมแบบไหนดีนอกจากดูจากความต้องการของคนไข้แล้ว ต้องให้หมอทำการประเมินก่อนครับว่ามีปัญหาอะไรบ้าง ต้องแก้ด้วยการร้อยไหมอย่างไร ใช้จำนวนไหมกี่เส้นถึงจะเห็นผล รวมถึงเลือกวิธีร้อยไหมเทคนิคใดจึงเหมาะสม ดังนั้นก่อนร้อยไหม คนไข้ควรศึกษาข้อมูลและปรึกษากับแพทย์ที่มีประสบการณ์โดยตรง เพื่อประเมินความเหมาะสมและช่วยแนะนำว่าผิวหน้าของคนไข้ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดครับ