Collagen Biostimulator คืออะไร ? ช่วยอะไรได้บ้าง เลือกแบบไหนดี ?

Collagen Biostimulator

Collagen Biostimulator

Collagen Biostimulator เป็นนวัตกรรมใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมในวงการเสริมความงาม ด้วยจุดเด่นที่สามารถฟื้นฟูผิวลึกถึงระดับเซลล์ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่จากภายใน ทำให้ผิวแข็งแรง เต่งตึง และมีความยืดหยุ่นมากขึ้น

บทความนี้หมอจะสรุปเรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับการฉีด Collagen Biostimulator ว่าคืออะไร ? ช่วยอะไรบ้าง ? ปลอดภัยไหม ? มียี่ห้ออะไรบ้าง ? เพื่อเป็นข้อมูลในการตัดสินใจก่อนฉีดครับ

สารบัญ Collagen Biostimulator


Collagen Biostimulator คืออะไร ?

Collagen Biostimulator คือสารที่มีคุณสมบัติในการกระตุ้นเซลล์ Fibroblast ในชั้นผิวหนังให้ผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่โดยธรรมชาติ แตกต่างจากหัตถการเสริมความงามทั่วไปที่เน้นเติมเต็มชั้นผิว เช่น ฟิลเลอร์ หรือ Skin Booster ครับ

Collagen Biostimulator ฟื้นฟูโครงสร้างผิวถึงเซลล์

การใช้ Collagen Biostimulator จะช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิวลึกถึงเซลล์ ทำให้ผิวดูแน่น กระชับ และมีสุขภาพดีในระยะยาวมากกว่า เนื่องจากเป็นการกระตุ้นให้ร่างกายผลิตสารสำคัญกับผิวขึ้นมาเอง ไม่ใช่การเติมเต็มในชั้นผิว ถึงแม้ว่าสารกระตุ้นจะสลายไป แต่คอลลาเจนที่ผลิตขึ้นมาใหม่จะยังคงอยู่กับผิวของเราต่อเนื่องยาวนาน

ทำไมคอลลาเจนสำคัญต่อผิว ?

คอลลาเจนคือโปรตีนที่สำคัญในชั้นผิว มีสัดส่วนถึง 75% ของโครงสร้างผิวหนัง ทำหน้าที่เสริมความแข็งแรง ความยืดหยุ่น และรักษาความชุ่มชื้นของผิว

ทำไมคอลลาเจนสำคัญต่อผิว

เมื่ออายุมากขึ้น การผลิตคอลลาเจนในร่างกายลดลงปีละ 1% ตั้งแต่อายุ 20 ปี และอาจลดลงถึง 25% เมื่ออายุ 35 ปี การลดลงนี้ส่งผลให้ผิวหย่อนคล้อย เกิดริ้วรอย และขาดความยืดหยุ่น การฟื้นฟูคอลลาเจนจึงเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาความอ่อนเยาว์ของผิว


Collagen Biostimulator ทำงานอย่างไร ?

ฉีด Collagen Biostimulator

ถ้าจะพูดให้เข้าใจง่าย Collagen Biostimulator ทำงานตาม 4 ขั้นตอนหลัก ๆ ดังนี้

  • กระตุ้นเซลล์ผิว : เมื่อฉีดสาร Collagen Biostimulator เข้าสู่ชั้นผิว สารจะกระตุ้นเซลล์ Fibroblast ให้เริ่มสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน
  • สร้างคอลลาเจนใหม่ : ร่างกายผลิตคอลลาเจนชนิดต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น ช่วยให้ผิวยืดหยุ่นและแข็งแรง
  • ฟื้นฟูโครงสร้างผิว : ผิวที่ได้รับการกระตุ้นจะฟื้นฟูตัวเองจากภายใน ลดริ้วรอยและร่องลึกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ
  • ผลลัพธ์ระยะยาว : คอลลาเจนใหม่ที่เกิดขึ้นจะคงอยู่ แม้สาร Biostimulator จะถูกสลายไปตามธรรมชาติ

Collagen Biostimulator ปลอดภัยไหม ?

Collagen Biostimulator ได้รับการรับรองจากหน่วยงานระดับสากล เช่น US FDA และ Thai FDA ว่าปลอดภัยสำหรับการใช้ครับ โดยสารตั้งต้นของแต่ละยี่ห้อจะมีความแตกต่างกันไป ส่วนใหญ่ผลิตจากสารที่สามารถสลายตัวในร่างกายได้ เช่น PLLA, CaHA, หรือ PCL ทั้งนี้ ความปลอดภัยขึ้นอยู่กับว่าตัวยาที่ใช้เป็นยาแท้ถูกกฎหมายหรือไม่ และต้องฉีดโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์เท่านั้น จึงจะปลอดภัยและลดความเสี่ยงเรื่องผลข้างเคียงได้ครับ

Vsquare tips

เนื่องจากในตัวยา Collagen Biostimulator จะมีสารประกอบที่แตกต่างกัน ทำให้แต่ละยี่ห้อมีคุณสมบัติเด่นต่างกัน เช่น กระตุ้นการผลิตคอลลาเจนคนละชนิด หรือกระตุ้นเซลล์ผลิตคอลลาเจนคนละตัวกัน ทำให้ต้องเลือกใช้ยี่ห้อที่เหมาะสมกับปัญหาของแต่ละคนครับ


ปัญหาไหนที่ Collagen Biostimulator ช่วยได้ ?

Collagen Biostimulator ช่วยอะไรบ้าง
Collagen Biostimulator ช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิวให้กลับมาดูอ่อนเยาว์

การฉีด Collagen Biostimulator ไม่เพียงช่วยแก้ปัญหาเฉพาะจุด แต่ช่วยฟื้นฟูผิวในภาพรวมได้ครับ แบ่งประโยชน์ออกมาเป็นข้อ ๆ ได้ดังนี้

  • เติมเต็ม Volume ผิว ให้ผิวแน่นกระชับ เพราะเมื่อผิวมีคอลลาเจนเพิ่มขึ้น ผิวจะดูแน่นกระชับและมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ช่วยแก้ปัญหา หน้าตอบ แก้มตอบ หรือร่องลึกต่าง ๆ
  • ลดเลือนริ้วรอย เช่น หน้าผาก ใต้ตา ร่องแก้ม หางตา หรือรอยย่นรอบปาก
  • ฟื้นฟูผิวหย่อนคล้อยให้กระชับขึ้น ทั้งกรอบหน้า ลำคอ รวมถึงต้นแขนหรือหน้าท้อง
  • แก้ไขปัญหารูขุมขนกว้าง และผิวขรุขระ ช่วยปรับโครงสร้างผิวให้เรียบเนียน กระตุ้นให้เกิดการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ในบริเวณที่มีปัญหา
  • ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ ลดความหมองคล้ำ รอยดำ รอยแดง ฟื้นฟูผิวที่ถูกทำลายจากแสงแดดหรือมลภาวะ ทำให้ผิวเปล่งปลั่ง สุขภาพดี
  • แก้ไขปัญหาหลุมสิวและผิวแตกลาย กระตุ้นให้เนื้อเยื่อใหม่เติมเต็มหลุมสิว และทำให้รอยผิวแตกลายจางลง
  • เพิ่มความชุ่มชื้น ทำให้ผิวดูอิ่มน้ำ ผิวดูสุขภาพดี มีความยืดหยุ่น และดูอ่อนเยาว์ลง

Collagen Biostimulator แก้หลุมสิว ผิวแตกลาย ได้อย่างไร ?

Collagen Biostimulator เช่น Juvelook หรือ Sculptra มีคุณสมบัติในการฟื้นฟูโครงสร้างผิว ทำให้หลุมสิวดูตื้นขึ้น และผิวแตกลายลดเลือนลงได้ครับ เนื่องจากสารกระตุ้นคอลลาเจนจะช่วยเติมเต็มช่องว่างในผิวและฟื้นฟูเนื้อเยื่อที่เสียหาย

หลุมสิว : เกิดจากการที่ผิวเสียหายจากการอักเสบในชั้นลึก สารใน Collagen Biostimulator จะกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ หลุมสิวจะถูกเติมเต็มจากภายใน ทำให้ค่อย ๆ ตื้นขึ้นเมื่อมีการสร้างเนื้อเยื่อใหม่อย่างต่อเนื่อง

ผิวแตกลาย : เกิดจากการยืดขยายของผิวหนังอย่างรวดเร็ว สารใน Biostimulator จะกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวลึก ช่วยฟื้นฟูเนื้อเยื่อที่ถูกยืดออกให้กลับมามีความยืดหยุ่น ผิวที่เคยแตกลายจะดูเต็มและเรียบเนียนขึ้น

*ระยะเวลาในการเห็นผลลัพธ์จะขึ้นอยู่กับความหนักของปัญหา ปริมาณและระยะเวลาที่ฉีด ส่วนใหญ่จะใช้เวลา 4-6 สัปดาห์ จึงเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลง และเห็นผลชัดเจนประมาณ 3-6 เดือน


ใครบ้างที่เหมาะกับการฉีด Collagen Biostimulator ?

ใครบ้างที่เหมาะกับการฉีด Collagen Biostimulator
  • ผู้ที่มีอายุ 25 ปีขึ้นไป และต้องการคงความอ่อนเยาว์ของผิวเอาไว้
  • ผู้ที่มีริ้วรอยและร่องลึกในบริเวณต่าง ๆ
  • ผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อย ขาดความยืดหยุ่น
  • ผู้ที่มีผิวแห้งหรือรูขุมขนกว้าง
  • ผู้ที่มีปัญหาหลุมสิวหรือรอยแตกลาย
  • ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวหลังจากการเสริมความงามอื่น ๆ

ตัวเลือกยอดนิยม Collagen Biostimulator มียี่ห้ออะไรบ้าง ?

ในวงการเสริมความงามปัจจุบัน Collagen Biostimulator ได้รับความนิยมอย่างมากครับ ผลิตภัณฑ์ที่เป็นที่รู้จักในกลุ่มนี้มีหลายยี่ห้อ แต่ละยี่ห้อมีคุณสมบัติและจุดเด่นเฉพาะตัว ดังนี้

Sculptra

ส่วนประกอบหลัก : Poly-L-Lactic Acid (PLLA)

Sculptra เป็น Collagen Biostimulator ตัวแรกที่ได้รับการรับรองจาก FDA สหรัฐอเมริกา มีความสามารถในการกระตุ้นการสร้าง Collagen Type I ได้สูงถึง 66.5% ช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิวที่เสื่อมสภาพ ลดเลือนริ้วรอย และเพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิว

ผลลัพธ์ : เริ่มเห็นผลภายใน 4-6 สัปดาห์ ผิวจะดูอิ่มฟู แน่นกระชับ และริ้วรอยลดลง ผลลัพธ์สามารถคงอยู่ได้นานถึง 2 ปี

Radiesse

ส่วนประกอบหลัก : Calcium Hydroxylapatite (CaHA)

Radiesse มีอนุภาค CaHA ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างเส้นใยตาข่ายผิวใหม่ถึง 5 ประการ Collagen Type I, Collagen Type III, Elastin, หลอดเลือดเล็ก ๆ (Angiogenesis) และสารหล่อเลี้ยงผิว (Proteoglycan) สามารถช่วยเติมเต็ม Volume ให้ผิวแน่นกระชับ ยืดหยุ่น มีความชุ่มชื้นมากขึ้น

ผลลัพธ์ : เห็นผลทันที ผิวจะดูเต่งตึงและยกกระชับ ผลลัพธ์สามารถคงอยู่ได้นานถึง 2 ปี

Gouri

ส่วนประกอบหลัก : Polycaprolactone (PCL)

Gouri มีสาร PCL เข้มข้นที่อยู่ในรูปแบบ fully liquid ที่ช่วยกระตุ้นให้เซลล์ Fibroblast ผลิตคอลลาเจนและอิลาสตินเพิ่มมากขึ้น ฟื้นฟูผิว ลดความแห้งกร้าน ทำให้ผิวดูอิ่มน้ำ รูขุมขนเล็กลง ลดริ้วรอยเล็ก ๆ ได้ดี ผิวกลับมาเรียบเนียนขึ้น

ผลลัพธ์ : เริ่มเห็นผลภายใน 1-2 สัปดาห์ ผิวจะดูเต่งตึงและกระจ่างใส ผลลัพธ์สามารถคงอยู่ได้นานถึง 6-12 เดือน

Juvelook

ส่วนประกอบหลัก : PDLLA + HA

Juvelook ประกอบไปด้วยสารสำคัญ 2 ชนิด คือ PDLLA (Poly-D, L-Lactic Acid) และ Hyaluronic Acid (HA) ช่วยเติมเต็มและให้ความชุ่มชื้นทันที กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ลดเลือนริ้วรอย รอยหลุมสิว และปรับสีผิวให้สว่างกระจ่างใส

ผลลัพธ์ : ผิวจะถูกเติมเต็มและดูชุ่มชื้นขึ้นทันที ผลลัพธ์ชัดเจนมากขึ้นในช่วง 2-3 เดือน และคงอยู่นานสูงสุด 1-2 ปี

Ultracol

ส่วนประกอบหลัก : Polydioxanone (PDO)

เมื่อฉีด Ultracol เข้าสู่ผิว สามารถช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน Type I และ Type III ได้ช่วยแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย ขาด Volume ลดริ้วรอย และเพิ่มความกระจ่างใสมีออร่า

ผลลัพธ์ : การกระตุ้นคอลลาเจนของผิวจะเริ่มหลังจาก 4 สัปดาห์ และเกิดการกระตุ้นอย่างต่อเนื่องถึง 12 สัปดาห์ ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 6-8 เดือน


Collagen Biostimulator กี่วันเห็นผล อยู่ได้นานไหม ?

Collagen Biostimulator เป็นหัตถการที่เน้นการฟื้นฟูผิวลึกถึงระดับเซลล์ จึงไม่ได้เห็นผลทันทีเหมือนฟิลเลอร์หรือโบท็อก แต่จะค่อย ๆ แสดงผลเมื่อกระบวนการสร้างคอลลาเจนในร่างกายเริ่มทำงานครับ

โดยทั่วไปจะเริ่มเห็นผลการเปลี่ยนแปลงภายใน 2-3 สัปดาห์ เนื่องจากร่างกายต้องใช้เวลาในการกระตุ้นเซลล์ Fibroblast ให้สร้างคอลลาเจน ผิวจะดูอิ่มฟู เรียบเนียน และแน่นกระชับมากขึ้นในช่วง 3 เดือนแรก และคงผลลัพธ์ได้นานที่สุดถึง 2 ปี (ขึ้นอยู่กับยี่ห้อที่ใช้)

*อายุ การดูแลผิว และสภาพผิวของแต่ละบุคคลก็ส่งผลต่อความยาวนานของผลลัพธ์เช่นกัน


ความแตกต่างระหว่าง Collagen Biostimulator, Skin Booster และ Mesotherapy

  • Collagen Biostimulator – กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนระยะยาว ฟื้นฟูโครงสร้างผิว
  • Skin Booster – เติมความชุ่มชื้นในผิวชั้น Dermis ช่วยให้ผิวดูโกลว์ ฉ่ำวาว Glass Skin เช่น Juvederm Volite
  • Mesotherapy – ฉีดวิตามินและสารอาหารเข้าสู่ผิวเพื่อเพิ่มความกระจ่างใส ลดการอักเสบ เช่น REVS, มาเด้คอลลาเจน
Collagen Biostimulator vs Skin Booster

เตรียมตัวก่อนฉีด Collagen Biostimulator เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

  • งดใช้ยาแก้อักเสบ เช่น แอสไพริน อย่างน้อย 1 สัปดาห์
  • หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ 24-48 ชั่วโมงก่อนฉีด
  • งดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มี Retinol หรือ AHA ก่อนการฉีด
  • ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับประวัติสุขภาพและโรคประจำตัว

การดูแลหลังฉีด Collagen Biostimulator

การดูแลตัวเองหลังฉีด Collagen Biostimulator มีความสำคัญ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี และลดความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียงครับ

  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้าในช่วง 24 ชั่วโมงแรก เพื่อป้องกันการติดเชื้อ ห้ามกดหรือบีบบริเวณที่ฉีด
  • งดใช้เครื่องสำอางใน 24 ชั่วโมงแรก เพื่อป้องกันการอุดตันของผิวบริเวณที่ฉีด
  • งดการออกกำลังกายหนัก เช่น การวิ่งหรือยกน้ำหนัก ที่อาจเพิ่มความดันในหลอดเลือดใต้ผิวหนัง
  • งดการดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่ในช่วง 48 ชั่วโมงแรก
  • หลีกเลี่ยงแสงแดดและความร้อน เช่น การใช้ซาวน่าหรือการอาบน้ำร้อน เป็นเวลา 1-2 สัปดาห์
  • ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและช่วยให้ผิวชุ่มชื้น
Vsquare tips

ควรเข้าพบแพทย์เพื่อประเมินผลและรับคำแนะนำเพิ่มเติมทุก 6-12 เดือน ตามรอบนัด หรือขึ้นอยู่กับชนิดของ Collagen Biostimulator ที่เลือกใช้

ฉีด Collagen Biostimulator มีผลข้างเคียงไหม ทั้งในระยะสั้นและยาว

ผลข้างเคียงจากการฉีด Collagen Biostimulator มักพบได้น้อยหากทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ ส่วนความเสี่ยงที่ควรรู้ทั้งในระยะสั้นและระยะยาวหมอสรุปให้ครับ

  • ผลข้างเคียงในระยะสั้น
    • อาการบวม แดง บริเวณที่ฉีด ซึ่งมักหายไปภายใน 1-3 วัน
    • อาการช้ำพบได้บ้างในบางกรณี โดยเฉพาะผู้ที่มีหลอดเลือดตื้น
    • อาการคันหรือระคายเคือง เกิดจากปฏิกิริยาของผิวต่อสารที่ฉีดเข้าไป แต่จะค่อย ๆ ลดลงไปเอง
  • ผลข้างเคียงในระยะยาว
    • การเกิดก้อนนูนหรือเนื้อผิวไม่เรียบ อาจเกิดจากการฉีดในชั้นผิวที่ไม่ถูกต้องหรือฉีดมากเกินไป พบได้ในเคสที่แพทย์ไม่มีประสบการณ์และความชำนาญมากพอ
    • บางรายที่แพ้สารใน Biostimulator อาจมีการอักเสบเรื้อรังได้
    • การกระตุ้นคอลลาเจนที่มากเกินไป ทำให้เกิดพังผืดใต้ผิวหนัง (เป็นภาวะที่พบได้น้อยมาก)

โดยทั่วไปแล้ว หากเลือกคลินิกที่มีมาตรฐานและใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรอง แจ้งแพทย์เกี่ยวกับประวัติการแพ้ยา หรือปัญหาสุขภาพ ดูแลตัวเองหลังฉีดอย่างเหมาะสมตามคำแนะนำของแพทย์ ก็จะไม่มีปัญหาหรือผลข้างเคียงที่อันตรายหลังฉีด Collagen Biostimulator ครับ


ใช้ Collagen Biostimulator แทนการใช้สกินแคร์ราคาแพงได้ไหม ?

การใช้ Collagen Biostimulator ช่วยลดความจำเป็นในการใช้ผลิตภัณฑ์เสริมความงามราคาแพงในระยะยาวได้ครับ สำหรับคนที่มีงบประมาณสำหรับดูแลในส่วนนี้ เพราะแม้ Collagen Biostimulator จะให้ผลลัพธ์การฟื้นฟูลึกถึงระดับเซลล์ แต่การดูแลผิวด้วยสกินแคร์ยังคงมีความสำคัญ ควรใช้ควบคู่กันเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด


สรุป Collagen Biostimulator ฟื้นฟูผิวระยะยาว

การฉีด Collagen Biostimulator เป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวอย่างยั่งยืน ด้วยคุณสมบัติที่กระตุ้นคอลลาเจนในผิวลึก ลดเลือนริ้วรอย และฟื้นฟูความกระชับของผิว ซึ่งจะเห็นว่าสามารถครอบคลุมปัญหาได้ค่อนข้างรอบด้าน และให้ผลลัพธ์ที่ผิวสุขภาพดี ดูอ่อนเยาว์ และสวยงามในระยะยาว โดยไม่ได้ฉีดหรือทำหัตถการบ่อย ๆ ครับ


สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสามารถปรึกษาหมอทาง inbox facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ

ปรึกษาหมอ

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    คุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ

บันทึกการตั้งค่า