เคลียร์ชัดทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับฟิลเลอร์ 1 CC
ฉีดฟิลเลอร์ 1 CC เยอะไหม ? เพียงพอต่อการปรับรูปหน้าไหม ?
นับว่าเป็นสิ่งที่มีคนเข้าใจผิดเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์เยอะเลยครับว่ายิ่งเติมปริมาณเยอะ ๆ ยิ่งดี แต่รู้หรือไม่ครับว่าในบางเคสการฉีดฟิลเลอร์เพียง 1 CC ก็สามารถทำให้เห็นการเปลี่ยนแปลงได้แล้วครับ
ในบทความนี้หมอจะมาไขข้อสงสัยว่าฟิลเลอร์ 1 CC มีปริมาณเทียบเท่ากับอะไร ? สามารถฉีดเติมเต็มตำแหน่งไหนได้บ้าง ? แล้วผลลัพธ์ที่ได้เป็นอย่างไร ?
สารบัญ ฟิลเลอร์ 1 CC
ปริมาณฟิลเลอร์ 1 CC เทียบเท่ากับอะไร ?
โดยทั่วไปฟิลเลอร์ 1 กล่อง จะมี 1 ไซริงค์ หรือบางที่เรียกเป็น 1 หลอด ซึ่งจะบรรจุฟิลเลอร์ปริมาณ 1 CC หรือมากกว่านี้แล้วแต่รุ่น แล้วแต่ยี่ห้อครับ
ฟิลเลอร์ 1 CC เป็นปริมาณเริ่มต้นในการฉีดฟิลเลอร์ ถ้าเทียบให้เห็นภาพ เมื่อฉีดฟิลเลอร์ 1 CC ออกจากไซริงค์จะมีลักษณะเป็นเนื้อเจลใส ขนาดเท่า ๆ กับ 1 เหรียญบาท
ข้อควรรู้ : ฟิลเลอร์ 1 CC = 1 ml ครับ ซึ่ง ml เป็นหน่วยที่นิยมใช้ในต่างประเทศ ส่วนในไทยจะนิยมใช้หน่วย CC มากกว่า
ต้องใช้ฟิลเลอร์กี่ CC ในการฉีดแต่ละจุดของใบหน้า ?
ควรใช้ฟิลเลอร์กี่ CC ในการฉีดแต่ละตำแหน่ง ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและปัญหาของคนไข้ครับ ซึ่งในแต่ละคนไม่จำเป็นต้องใช้ปริมาณเท่ากันเสมอไป หมอจะประเมินอย่างละเอียดเป็นรายเคส เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดูเป็นธรรมชาติ
แต่สำหรับใครที่อยากทราบปริมาณคร่าว ๆ โดยทั่วไปในแต่ละตำแหน่งจะใช้ฟิลเลอร์อยู่ที่ประมาณนี้ครับ
- ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก ใช้ประมาณ 3-5 CC
- ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ใช้ประมาณ 2-4 CC ต่อ 2 ข้าง
- ฉีดฟิลเลอร์ขมับ ใช้ประมาณ 2-4 CC ต่อ 2 ข้าง
- ฉีดฟิลเลอร์แก้มส้ม ใช้ประมาณ 1-2 CC ต่อ 2 ข้าง
- ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ใช้ประมาณ 1-3 CC ต่อ 2 ข้าง
- ฉีดฟิลเลอร์คาง ใช้ประมาณ 1-2 CC
- ฉีดฟิลเลอร์ปาก ใช้ประมาณ 1-2 CC
ฟิลเลอร์ 1 CC เหมาะสำหรับฉีดบริเวณไหนบ้าง ?
ฟิลเลอร์ 1 CC เหมาะกับการนำมาใช้ในการปรับรูปหน้า เติมเต็มริ้วรอย เพิ่มความวอลลุ่มในบริเวณต่าง ๆ ในจุดที่มีปัญหาน้อย ไม่ต้องเติมเต็มมาก เช่น ปาก คาง ได้อย่างเห็นผล
ส่วนใต้ตา ร่องแก้ม แก้มส้ม ปกติจะใช้ข้างละ 1 CC แต่ถ้าไม่ได้มีปัญหามาก แพทย์อาจพิจารณาแบ่งฉีดข้างละ 0.5 CC ก่อนเพื่อทยอยดูผลลัพธ์ และสามารถเติมเพิ่มได้ทีหลังครับ
ผลลัพธ์จากการฉีดฟิลเลอร์ 1 CC จะอยู่ได้นานแค่ไหน ?
ฟิลเลอร์ 1 CC สามารถอยู่ได้นานประมาณ 6-24 เดือน แล้วจะสลายไปได้เองตามธรรมชาติ ไม่ทิ้งสารตกค้างในร่างกาย
ปริมาณฟิลเลอร์ไม่มีผลต่อระยะเวลาการคงอยู่ของผลลัพธ์ครับ ไม่ว่าจะฉีดฟิลเลอร์ 1 CC หรือมากกว่านั้น สุดท้ายจะอยู่ได้นานแค่ไหน ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของรุ่น/ยี่ห้อฟิลเลอร์ที่ใช้ และการดูแลตัวเองหลังฉีดของแต่ละคนเป็นหลัก
อ่านบทความเพิ่มเติม : หลังฉีดฟิลเลอร์ แต่ละจุดดูแลตัวเองอย่างไร ? เพื่อผลลัพธ์ที่ดี อยู่ได้นาน
ฟิลเลอร์ 1 CC เติมได้เต็มหรือไม่ ? เห็นผลแค่ไหน ?
ถึงแม้ว่าฟิลเลอร์ 1 CC ดูเหมือนจะเป็นปริมาณที่ไม่เยอะมาก แต่ก็สามารถเติมในตำแหน่งที่มีปัญหาเล็กน้อย ไม่ได้ต้องเพิ่มวอลลุ่มมาก ซึ่งจะให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติครับ เช่น
- ฉีดฟิลเลอร์ปาก 1 CC
การฉีดฟิลเลอร์ปาก 1 CC สามารถช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น และความอวบอิ่มให้ริมฝีปาก ปรับรูปทรงปากให้สวยขึ้นดูเป็นธรรมชาติ ส่วนในคนที่มีเนื้อปากเดิมอยู่แล้ว สามารถใช้ 1 CC ปรับทรงปากกระจับครับ หรือถ้าอยากเพิ่มความอวบอิ่มมากอาจใช้ 2 CC ครับ
ตัวอย่างรีวิวฉีดฟิลเลอร์ปาก 1 CC
- ฉีดฟิลเลอร์คาง 1 CC
ฉีดฟิลเลอร์คาง 1 CC ช่วยแก้ปัญหาคางตัด คางสั้น ให้คางดูเรียวยาวและได้สัดส่วนมากขึ้น แต่สำหรับคนที่คางสั้นมากอาจใช้ 2 CC ครับ โดยการฉีดคางไม่แนะนำให้เสริมเกิน 1 ซม. ครับ เพราะอาจทำให้คางผิดรูปไม่สวยงาม หรือเกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ได้
ตัวอย่างรีวิวฉีดฟิลเลอร์คาง 1 CC
การฉีดฟิลเลอร์ควรใช้ปริมาณที่พอเหมาะกับปัญหาครับ บางคนเชื่อว่ายิ่งเติมเยอะยิ่งดี ไม่จริงเสมอไป เพราะการเติมฟิลเลอร์ให้เต็มมากเกินความเหมาะสม อาจทำให้หลังฉีดฟิลเลอร์เป็นก้อน ดูไม่เป็นธรรมชาติ หรือเกิดภาวะหน้าล้น (Facial Overfilled Syndrome) เช่น ปากเป็นก้อน สัดส่วนไม่เหมาะกับใบหน้า หรือฉีดฟิลเลอร์คางแล้วเป็นก้อน คางยาวดูแหลมคล้ายแม่มด
โดยฟิลเลอร์ HA สามารถทยอยเติมได้ครับ ไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย ดังนั้นไม่จำเป็นต้องฉีดปริมาณมากในครั้งเดียว
แพทย์จะเป็นผู้แนะนำปริมาณฟิลเลอร์และวางแผนการรักษาที่เหมาะสม ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดี การฉีดฟิลเลอร์จึงควรเลือกฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ ภายใต้คลินิกที่ได้มาตรฐาน สามารถอ่านวิธีการเลือกคลินิกได้ที่บทความ ฉีดฟิลเลอร์ ที่ไหนดี เลือกคลินิกอย่างไรถึงปลอดภัย ผลลัพธ์คุ้มค่า
ฟิลเลอร์ 1 CC เพียงพอต่อการแก้ไขร่องลึกหรือไม่ ?
ฟิลเลอร์ 1 CC จะเพียงพอต่อการแก้ไขร่องลึกไหม ต้องประเมินระดับความลึกของปัญหาก่อนครับ หมอจะยกตัวอย่างการฉีดฟิลเลอร์ 1 CC บริเวณที่เกิดริ้วรอยร่องลึกได้ง่ายเมื่อมีอายุมากขึ้น ได้แก่ ร่องลึกใต้ตา ร่องแก้ม และขมับ
- ใต้ตาลึก หากเป็นเคสที่มีปัญหากระดูกใต้ตายุบตัวมาก ๆ มีร่องลึกใต้ตา ใช้ฟิลเลอร์ 1 CC อาจไม่เพียงพอต่อการแก้ปัญหาครับ เพราะต้องใช้ปริมาณฟิลเลอร์ที่มากขึ้นเพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจน แต่ในกรณีที่มีปัญหาไม่มากก็สามารถแบ่งฟิลเลอร์ 1 CC สำหรับฉีดใต้ตาทั้งสองข้างได้ครับ
ตัวอย่างรีวิวฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
- ร่องแก้มลึก หากไม่ได้มีร่องแก้มลึก มีริ้วรอยเพียงเล็กน้อย สามารถใช้ฟิลเลอร์ 1 CC แบ่งฉีดร่องแก้มแต่ละข้างได้ครับ แต่ถ้ามีร่องแก้มลึกมากอาจต้องใช้ฟิลเลอร์ปริมาณที่มากขึ้นตามระดับปัญหา
รวมถึงในบางเคสที่มีอายุ มักจะมีปัญหาร่องแก้มร่วมกับร่องน้ำหมาก เป็นปัญหาที่มาพร้อมกันครับ อาจต้องทำร่วมกับการฉีดฟิลเลอร์ร่องน้ำหมากหรือฟิลเลอร์มุมปาก เพื่อผลลัพธ์ที่เห็นชัดเจน ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้น ทำให้ต้องใช้ปริมาณฟิลเลอร์ที่มากกว่า 1 CC ครับ
ตัวอย่างรีวิวฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม
- ขมับยุบ ขมับตอบ การฉีดฟิลเลอร์ขมับ 1 CC อาจไม่เพียงพอครับหากเติมทั้งสองข้าง อย่างน้อยควรใช้ข้างละ 1 CC เพื่อเติมเต็มขมับยุบให้เต็มขึ้นอย่างเห็นผลชัดเจน จะช่วยลดโหนกแก้มเด่น ทำให้ใบหน้าดูหวานละมุนขึ้น
ตัวอย่างรีวิวฉีดฟิลเลอร์ขมับ
ฟิลเลอร์ 1 CC เพียงพอสำหรับการปรับรูปหน้าทั้งหมดหรือไม่ ?
ฟิลเลอร์ 1 CC เพียงพอสำหรับการปรับรูปหน้าทั้งหมดหรือไม่ ? อย่างที่กล่าวไปข้างต้นครับว่าต้องประเมินจากระดับปัญหาและตำแหน่งที่คนไข้ต้องการฉีดฟิลเลอร์
ซึ่งส่วนใหญ่ฟิลเลอร์ 1 CC เหมาะสำหรับการปรับรูปหน้าเฉพาะจุดที่ไม่ได้มีปัญหามาก แต่ถ้าการปรับรูปหน้าทั้งหมด หมอประเมินแล้วว่าควรฉีดฟิลเลอร์ยกหน้า เพื่อให้ใบหน้าดูยกกระชับ การใช้ฟิลเลอร์ 1 CC จะไม่พอต่อการแก้ปัญหาแน่นอนครับ เพราะแต่ละตำแหน่งต้องใช้ฟิลเลอร์ปริมาณที่มากกว่า 1 CC ถึงจะเห็นผลชัดเจน
โดยฟิลเลอร์ยกหน้าใช้กี่ CC ขึ้นอยู่กับปัญหาของคนไข้ครับ แต่ทั่วไปจะเติมเต็มริ้วรอยร่องลึกต่าง ๆ บริเวณร่องแก้มและร่องใต้ตาเป็นหลักก่อน และหมออาจพิจารณาฉีดฟิลเลอร์มุมปากในคนที่ปัญหาร่องน้ำหมาก และฉีดบริเวณแก้มในคนที่ปัญหาแก้มตอบร่วมด้วย
ตัวอย่างรีวิวฉีดฟิลเลอร์ยกหน้า
ความแตกต่างระหว่างฟิลเลอร์ยี่ห้อดัง เช่น Juvederm, Restylane ในปริมาณ 1 CC มีอะไรบ้าง ?
สิ่งที่ทำให้ฟิลเลอร์ 1 CC ของแต่ละยี่ห้อ แต่ละรุ่น มีความแตกต่างกันคือ องค์ประกอบของฟิลเลอร์ และเทคโนโลยีการผลิตครับ
องค์ประกอบหลักในเนื้อฟิลเลอร์
- กรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid : HA) เป็นองค์ประกอบหลักของฟิลเลอร์ ซึ่งความเข้มข้นของ HA (HA Concentration) ในแต่ละรุ่น/ยี่ห้ออาจแตกต่างกันออกไป ส่งผลต่อความหนาแน่นของเนื้อฟิลเลอร์ ยิ่งมีปริมาณมากก็ยิ่งส่งผลให้เนื้อมีความแน่นมากขึ้น เหมาะกับการแก้ปัญหาในตำแหน่งที่ต่างกัน
- ปริมาณยาชา (Lidocaine) ในปัจจุบันมีฟิลเลอร์หลายรุ่นหลายยี่ห้อที่มียาชาผสมในฟิลเลอร์ เพื่อช่วยบรรเทาความเจ็บขณะฉีดครับ
โดยองค์ประกอบของฟิลเลอร์จะมีระบุไว้ที่ข้างกล่อง หรืออ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เอกสารกำกับภาษาไทยครับ
เทคโนโลยีการผลิตฟิลเลอร์
อีกส่วนที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนจะเป็นในด้านของเทคโนโลยีการผลิต ที่ทำให้ฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อเนื้อฟิลเลอร์ที่มีคุณสมบัติเฉพาะ และมีจุดเด่นแตกต่างกันครับ
- ฟิลเลอร์ Juvederm (อเมริกา) – ใช้เทคโนโลยี Hylacross กับ Vycross มีจุดเด่นที่ความเรียบเนียน บวมน้อย และมีหลายรุ่นให้เลือกใช้
- ฟิลเลอร์ Restylane (สวีเดน) – ใช้เทคโนโลยี OBT กับ NASHA เด่นในเรื่องการยกพยุงผิว มีความยืดหยุ่น และมีหลายรุ่นให้เลือกใช้เช่นกันครับ
- ฟิลเลอร์ Belotero (สวิตเซอร์แลนด์) – ใช้เทคโนโลยี CPM (Cohesive Polydensified Matrix) ในการผลิต เนื้อฟิลเลอร์มีความคงตัวมาก ใช้ฉีดเสริมกระดูกและริ้วรอยเล็ก ๆ ถึงปานกลาง
- ฟิลเลอร์ Teoxane (สวิตเซอร์แลนด์) – ใช้เทคโนโลยี PNT (Preserved Network Technology) เด่นในเรื่องความยืดหยุ่น ปรับตัวเข้ากับการเคลื่อนไหวบนในหน้าได้ดี ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ
- ฟิลเลอร์ Definesse (อิตาลี) – ใช้เทคโนโลยี XTR™ เด่นในการทำ HA สานกันเป็นร่างแห สามารถยกพยุงและปรับรูปหน้าได้อย่างเป็นธรรมชาติ
- ฟิลเลอร์ Neuramis (เกาหลี) – ผลิตด้วย 𝐒𝐇𝐀𝐏𝐄™ 𝐓𝐞𝐜𝐡𝐧𝐨𝐥𝐨𝐠𝐲 เนื้อฟิลเลอร์มีความยืดหยุ่น คงตัวสูง
- ฟิลเลอร์ eptq (เกาหลี) – ใช้เทคโนโลยี 2CM (Two Crosslinking Method Technology) ทำให้ได้โครงสร้างโมเลกุลแบบรวงผึ้ง HIVE เนื้อฟิลเลอร์มีความหนืดและยืดหยุ่นสูง
- ฟิลเลอร์ Yvoir (เกาหลี) – ใช้เทคโนโลยี HICE Cross-link เนื้อฟิลเลอร์มีความยืดหยุ่นสูง ให้ความเรียบเนียน ดูเป็นธรรมชาติ
- ฟิลเลอร์ Flore max (เกาหลี) – ใช้เทคโนโลยี HCCL™ (Highly Completed Cross-Linking) Technology และ PP process ทำให้ได้เนื้อฟิลเลอร์คงรูปได้ดี ปั้นทรงง่าย
ในปัจจุบันฟิลเลอร์มีหลายยี่ห้อครับ ปัญหาของคนไข้ควรฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนถึงตรงกับความต้องการ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อแนะนำยี่ห้อฟิลเลอร์ที่เหมาะสม หรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เจาะลึก ฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี ? ฟิลเลอร์แท้-ปลอม สังเกตอย่างไร ?
คลิกอ่าน! แบรนด์ฟิลเลอร์ยอดนิยมที่หมอแนะนำ
ราคาโดยเฉลี่ยของการฉีดฟิลเลอร์ 1 CC เท่าไหร่ ?
ฉีดฟิลเลอร์ 1 CC ราคาเท่าไร ขึ้นอยู่กับรุ่น/ยี่ห้อของฟิลเลอร์ และเทคนิคพิเศษที่ใช้ในแต่ละตำแหน่งที่ฉีดครับ
สำหรับที่ V Square Clinic ฟิลเลอร์ 1 CC แต่ละยี่ห้อ มีราคาดังนี้
สรุปเรื่องปริมาณฟิลเลอร์ 1 CC ในการใช้ปรับรูปหน้า
ฟิลเลอร์ 1 CC เพียงพอสำหรับบริเวณที่ไม่ได้มีปัญหามาก ส่วนใหญ่จะเป็นคาง ปาก ที่เพิ่มวอลลุ่มเล็กน้อยก็สามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ชัด ส่วนตำแหน่งที่มีริ้วรอยร่องลึกระดับมาก อาจต้องใช้ปริมาณที่มากขึ้นเพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจน
ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์ที่มีประสบการณ์ สามารถวิเคราะห์ปัญหา ประเมินปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้ได้เหมาะสม ไม่มากไปจนผลลัพธ์ดูไม่เป็นธรรมชาติ หรือน้อยไปจนไม่เห็นผลครับ
สำหรับใครที่สนใจแต่ไม่แน่ใจว่าควรใช้ฟิลเลอร์ปริมาณเท่าไร สามารถส่งรูปใบหน้ามาให้หมอประเมินเบื้องต้นผ่านช่องทางออนไลน์ก่อนได้ครับ หรือนัดคิวเข้ามาปรึกษาหมอได้ที่ V Square Clinic ทุกสาขา ปรึกษาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย
อ้างอิง
Lim T. Facial Overfilled Syndrome. Dermatol Clin. 2024 Jan;42(1):121-128. doi: 10.1016/j.det.2023.06.007. Epub 2023 Jul 26. PMID: 37977678.