
การดูแลผิวหน้าให้สดใส อ่อนเยาว์ และสุขภาพดีอยู่ตลอดเวลา เป็นสิ่งหลาย ๆ คนให้ความสำคัญ จึงมองหาวิธีดูแล แก้ไข รวมถึงฟื้นฟูผิวแบบใหม่ ๆ อยู่เสมอ “ SKINVIVE ” เป็นอีกหนึ่งทรีตเมนต์ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการเหล่านี้ครับ โดยสามารถใช้ฟื้นฟูและเสริมสร้างผิวให้แข็งแรงจากภายในสู่ภายนอกได้
สารบัญ SKINVIVE
SKINVIVE คืออะไร ?
SKINVIVE (สกินวิฟฟ์) เป็นผลิตภัณฑ์ในกลุ่มฟิลเลอร์งานผิว หรือ Skin Booster ที่ช่วยฟื้นฟูและล็อคความชุ่มชื้นให้กับผิวได้ยาวนาน

skinvive ผลิตและพัฒนาขึ้นโดยบริษัท Allergan ซึ่งเป็นบริษัทเดียวกับที่ผลิตฟิลเลอร์ Juvederm ครับ ถือเป็นฟิลเลอร์น้องใหม่มาแรง แต่ก็ไม่ได้ใหม่มากครับ เพราะว่ามีนานหลายปีในชื่อของ Juvederm Volite แต่ผู้ผลิตได้ทำการรีแบรนด์ขึ้นมาใหม่เพื่อให้คนไข้เข้าใจตรงกันว่า ฟิลเลอร์ตัวนี้มีจุดเด่นในเรื่องการฟื้นฟู และมีส่วนประกอบที่ออกแบบมาเพื่อใช้สำหรับงานผิวโดยเฉพาะครับ

อ่านบทความเพิ่มเติม : Juvederm Volite มีคุณสมบัติอย่างไร ? แตกต่างจากหัตถการงานผิวอื่น ๆ อย่างไร ?
เจาะลึกส่วนประกอบหลักของ Skinvive
ส่วนประกอบหลักของ Skinvive คือ Modified Hyaluronic Acid กรดไฮยาลูโรนิคดัดแปลง หรือ Hyaluronic Acid (HA) ที่เราคุ้นเคย ถูกผลิตด้วยเทคโนโลยี VYCROSS® ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเฉพาะของ Allergan ที่ช่วยให้ผลิตภัณฑ์มีความยืดหยุ่น มีอนุภาคโมเลกุลขนาดเล็ก ซึ่งสามารถกระจายตัวได้ดีในชั้นผิว และซึมซาบลงสู่ผิว
Hyaluronic Acid สามารถอุ้มน้ำได้ถึง 1,000 เท่า จึงช่วยปรับปรุงคุณภาพผิวและเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังช่วยเพิ่ม Aquaporin 3 (AQP3) ตัวช่วยเพิ่มพลังการกักเก็บความชุ่มชื่นของน้ำ ทำให้น้ำเข้าสู่เซลล์ได้ดีมากขึ้น

Skinvive ทำงานอย่างไร ช่วยเรื่องงานผิวให้ สวยฉ่ำได้จริงไหม ?
การทำงานของ Skinvive ถูกออกแบบมาให้ฉีดเข้าสู่ชั้นผิวหนังชั้นตื้น (superficial dermis) ครับ ซึ่งแตกต่างจากฟิลเลอร์ทั่วไปที่มักฉีดลึกลงไปในชั้นใต้ผิวหนัง วิธีการนี้ช่วยให้ Skinvive สามารถกระจายตัวได้อย่างสม่ำเสมอทั่วบริเวณที่ต้องการรักษา ส่งผลให้ผิวได้รับการฟื้นฟูอย่างทั่วถึง
4 การทำงานของ Skinvive
- เพิ่มความชุ่มชื้น : ไฮยาลูโรนิก แอซิดใน Skinvive มีคุณสมบัติในการดูดซับน้ำและเก็บกักน้ำได้มาก ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวจากภายใน ทำให้ผิวดูเปล่งปลั่ง ฉ่ำวาว มีน้ำมีนวล
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน : การฉีด Skinvive เข้าสู่ชั้นผิวหนังจะกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นโปรตีนสำคัญที่ช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่นและแข็งแรง
- ปรับโครงสร้างผิว : เทคโนโลยี VYCROSS® ช่วยให้ Skinvive กระจายตัวได้อย่างสม่ำเสมอในชั้นผิว ช่วยปรับโครงสร้างผิวให้เรียบเนียนขึ้น
- เพิ่มความแข็งแรงให้ผิว : Skinvive ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับเกราะป้องกันตามธรรมชาติของผิว ทำให้ผิวต้านทานสิ่งระคายเคืองจากภายนอกได้ดีขึ้น
ข้อดีที่เด่นชัดของ Skinvive คือ สามารถช่วยให้ผิวสวยได้จริง โดยผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดเจนหลังฉีดมีดังนี้
- ผิวมีความชุ่มชื้นเพิ่มขึ้น
- ผิวเรียบเนียนขึ้น ลดเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ
- ผิวมีความยืดหยุ่นและความกระชับมากขึ้น
- ผิวดูสว่างกระจ่างใส มีออร่า
- รูขุมขนดูเล็กลง
นอกจากนี้ผลการศึกษาทางคลินิกของ Skinvive แสดงให้เห็นถึงคุณสมบัติพิเศษ ที่ส่งผลดีต่อผิวคือ
- ช่วยลดค่าเมลานิน (Melanin index)
- ช่วยลดค่าอาการแดงของผิว (Erythema index)
- ช่วยลดระดับความมันของผิว (Sebum level)
- ช่วยลดภาวะแทรกซ้อนจากการใช้ Biostimulator
- ช่วยลดอาการแสบร้อนจากการทำเลเซอร์
Skinvive เหมาะกับใครบ้าง ?

Skinvive มีประโยชน์หลากหลายในการดูแลผิว ซึ่งครอบคลุมปัญหาผิว จึงเหมาะกับ
- ผู้ที่ต้องการเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวอย่างมีประสิทธิภาพ แก้ปัญหาผิวแห้งกร้าน ขาดน้ำ
- ผู้ที่ต้องการลดเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ ให้จางลงได้
- ผู้ที่อยากปรับโครงสร้างสภาพผิวให้เรียบเนียน และเนียนนุ่มขึ้น
- ผู้ที่ต้องการเพิ่มความยืดหยุ่นและความกระชับ ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์
- ผู้ต้องการมีผิวที่ดูสว่างกระจ่างใส มีออร่าจากภายใน
- ผู้ที่มีปัญหารูขุมขนกว่าต้องการลดขนาดรูขุมขน เพื่อให้ผิวดูเนียนเรียบขึ้น
- ผู้ที่มีปัญหาผิวไม่แข็งแรงอยากเสริมสร้างเกราะป้องกันผิว ทำให้ผิวต้านทานต่อมลภาวะและสิ่งระคายเคืองจากภายนอกได้ดีขึ้น
- ผู้ที่มีปัญหาผิวแห้ง แต่งหน้าไม่ติด อยากให้เมคอัพติดทนนานขึ้น ผิวที่ชุ่มชื้นและเรียบเนียนช่วยให้การแต่งหน้าง่ายขึ้น
- ผู้ที่วางแผนทำเลเซอร์ขนหน้า ต้องการลดการระคายเคืองของผิว ทำให้ผิวหน้าแข็งแรงและมีความชุ่มชื้นเพียงพอจะมีความไวต่อการระคายเคืองน้อยลง
- ผู้ที่มีปัญหาหน้ามัน ต้องการปรับสมดุลความมันบนใบหน้า Skinvive จะเพิ่มความชุ่มชื้น แต่ก็ไม่ได้ทำให้ผิวมันเยิ้ม แต่กลับช่วยปรับสมดุลความมันบนใบหน้าให้เหมาะสม
- ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวที่ถูกทำลายจากรังสี UV ได้บางส่วน โดยการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและเพิ่มความชุ่มชื้น
- ผู้ที่มีปัญหาสิว อยากลดการเกิดสิว โดยผิวที่แข็งแรงและมีความชุ่มชื้นเพียงพอจะช่วยลดโอกาสการเกิดสิวได้
Skinvive เหมาะกับผิวแบบไหน ?
Skinvive เหมาะกับผิวหลากหลายประเภท แต่จะเหมาะสมเป็นพิเศษสำหรับผิวในลักษณะต่อไปนี้

- ผิวแห้งกร้าน ขาดน้ำ : Skinvive เป็นตัวเลือกที่ดี ที่สามารถแก้มีปัญหาผิวแห้ง ขาดความชุ่มชื้น แต่งหน้าไม่ติด เนื่องจากสามารถเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ผิวที่เริ่มมีริ้วรอยเล็ก ๆ : สำหรับผู้ที่เริ่มสังเกตเห็นริ้วรอยตื้น ๆ หรือรอยเหี่ยวย่นเล็ก ๆ Skinvive สามารถช่วยลดเลือนริ้วรอยเหล่านี้ได้
- ผิวที่ดูหมองคล้ำ ขาดความกระจ่างใส : Skinvive ช่วยปรับสภาพผิวให้ดูสว่างกระจ่างใส (Skin Radiance) เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มออร่าให้กับผิว
- ผิวที่มีรูขุมขนกว้าง : สำหรับผู้ที่มีปัญหารูขุมขนกว้าง Skinvive สามารถช่วยปรับโครงสร้างผิวให้ดูเรียบเนียนขึ้น ทำให้รูขุมขนดูเล็กลง
- ผิวมัน : สำหรับคนที่มีผิวมัน Skinvive สามารถช่วยปรับสมดุลความชุ่มชื้นและความมันบนใบหน้าได้
- ผิวที่ขาดความยืดหยุ่น : สำหรับผู้ที่รู้สึกว่าผิวเริ่มหย่อนคล้อย ขาดความกระชับ Skinvive สามารถช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและความกระชับให้กับผิวได้
ต้องฉีด Skinvive กี่ครั้ง ถึงจะเห็นผล ?
หลังฉีด Skinvive จะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงทันทีครับ จากนั้นผลลัพธ์ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ภายใน 3-7 วัน ผิวจะดูชุ่มชื้นขึ้น ริ้วรอยลดเลือนลง และผิวหน้าจะดูเปล่งปลั่งมากขึ้น เห็นผลชัดเจนที่สุดประมาณ 2 สัปดาห์
Skinvive อยู่ได้นานไหม ?
หลังฉีด Skinvive สามารถคงผลลัพธ์ความชุ่มชื้นได้อย่างยาวนานประมาณ 9 เดือน หรือ 3 เท่าเมื่อ
เทียบกับ Skinbooster ทั่วไป หากดูแลผิวอย่างเหมาะสม ก็จะช่วยให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานขึ้นครับ กรณีต้องการคงผลลัพธ์อย่างต่อเนื่องก็สามารถกลับมาฉีดซ้ำได้
Skinvive ต้องฉีดกี่ cc ?
ปริมาณ Skinvive ที่ใช้ในการฉีดแต่ละครั้งขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น สภาพผิว บริเวณที่ต้องการฉีดฟื้นฟูและคำแนะนำของแพทย์เมื่อประเมินสภาพผิว โดยทั่วไป ปริมาณ Skinvive ที่แนะนำสำหรับการรักษาทั้งใบหน้าคือ 1-2 cc ครับ
สามารถฉีดฟิลเลอร์ Skinvive บริเวณไหนได้บ้าง ?
Skinvive ถูกออกแบบมาใช้ฟื้นฟูผิวได้ในหลาย ๆ ตำแหน่ง
- ทั่วใบหน้า
- หน้าผาก
- หน้าแก้ม
- ใต้ตา
- หลังมือ
- ริมฝีปากและรอบปาก
- ลำคอ
- เนินอก
หลังฉีดจะช่วยให้ตำแหน่งดังกล่าวชุ่มชื้น ผิวดูอิ่มน้ำและเรียบเนียนขึ้นได้ครับ
การฉีด Skinvive มีข้อควรระวังหรือไม่ ?
การฉีด Skinvive โดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ในการฉีดฟิลเลอร์ และทำภายใต้คลินิกที่ได้มาตรฐาน มีเครื่องมืออุปกรณ์การแพทย์ที่สะอาดปลอดเชื้อ จะมีความปลอดภัยสูงครับ
สิ่งที่ควรระวัง จะมี 2 เรื่อง คือ 1. การเลือกแพทย์ผู้ฉีด 2. บุคคลที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง
- การเลือกแพทย์ฉีด Skinvive มีความสำคัญมากครับ หากแพทย์ขาดประสบการณ์ฉีดไม่เหมาะสม ฉีดเข้าหลอดเลือด อาจทำให้เกิดการอุดตัน เมื่อหลอดเลือดอุดตัน ก็จะมีความเสี่ยงเกิดภาวะขาดเลือด หรือกล้ามเนื้อหัวใจตายได้ ซึ่งเป็นข้อควรระมัดระวังเป็นพิเศษเมื่อฉีดฟิลเลอร์เนื้อเยื่ออ่อนครับ แต่หากฉีดโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ เข้าใจกายวิภาค ปัญหานี้ก็จะไม่เกิดครับ อีกทั้งปัญหาลักษณะนี้เกิดได้น้อยมากครับ
- บุคคลที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้ที่มีประวัติการแพ้สาร Hyaluronic Acid ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการฉีดในบริเวณที่มีการติดเชื้อหรือแผลเปิด รวมถึงสิว, ผื่น, ลมพิษ, ซีสต์ และไม่แนะนำสำหรับผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรครับ
Skinvive ราคาเท่าไร ?
Skinvive ราคาแต่ละคลินิกอาจแตกต่างกัน ตามแผนการตลาดหรือการทำโปรโมชันในแต่ละช่วงเวลา แต่โดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ ประมาณ 12,000 – 15,000 ต่อ 1 CC ครับ
รีวิว Skinvive
ผลลัพธ์ของ SKINVIVE หลังฉีดจะเห็นการเปลี่ยนแปลงแบบจะค่อยเป็นค่อยไป แต่สามารถสังเกตได้เกือบจะทันทีหลังการฉีดครับ ว่าผิวดูฉ่ำ โกลว์ขึ้น ผิวชุ่มชื้น มีน้ำมีนวลมากขึ้น
ตัวอย่างรีวิว Skinvive ผลลัพธ์หลังฉีด



Skinvive ฟิลเลอร์ ถูกออกแบบมาเพื่อฟื้นฟูและปรับปรุงผิวให้มีความเรียบเนียน โดยเฉพาะบริเวณหน้าแก้ม จากข้อมูลศึกษาพบว่า
91% ของผู้ใช้รู้สึกมีพอใจกับสภาพผิวของตนมากกว่าก่อนการฉีด
82% ของผู้ใช้รู้สึกว่าผิวมีความโกลว์กระจ่างใสมากขึ้น
84% ของผู้ใช้รู้สึกว่าผิวชุ่มชื้นขึ้น
87% ของผู้ใช้รู้สึกว่าผิวสดใสและเปล่งปลั่ง
79% ของผู้ใช้รู้สึกว่าผิวดูสุขภาพดีมากขึ้น
Skinvive กับ Rejuran ต่างกันยังไง ?
Skinvive และ Rejuran เป็นหัตถการเพื่อการฟื้นฟูผิวที่ได้รับความนิยมทั้งคู่ครับ แต่มีความแตกต่างในส่วนของกระบวนการทำงาน ส่วนประกอบหลัก และอีกหลายด้าน ดังนี้
- ส่วนประกอบหลัก
- Skinvive : ประกอบด้วยไฮยาลูโรนิก แอซิด (HA) ความเข้มข้น
- Rejuran : ประกอบด้วย Polynucleotide (PN) ซึ่งเป็นสารสกัดจาก DNA ของปลาแซลมอน
- กลไกการทำงาน
- Skinvive : เน้นการเพิ่มความชุ่มชื้น และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
- Rejuran : เน้นการซ่อมแซมเซลล์ผิวและกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่
- ผลลัพธ์หลัก
- Skinvive : เน้นการเพิ่มความชุ่มชื้น ลดเลือนริ้วรอย และปรับผิวให้เรียบเนียน รูขุมขนกระชับ เพิ่มความฉ่ำ Glass Skin
- Rejuran: เน้นการฟื้นฟูโครงสร้างผิว เพิ่มความแข็งแรงให้ผิว
- ระยะเวลาที่เห็นผล
- Skinvive : สามารถเห็นการเปลี่ยนได้เร็ว โดยเฉพาะในด้านความชุ่มชื้นและความเรียบเนียนของผิว
- Rejuran : อาจต้องใช้เวลานานกว่าในการเห็นผลชัดเจน
Skinvive กับ ฟิลเลอร์ (filler) ต่างกันยังไง ?
จริง ๆ Skinvive จัดจะอยู่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ แต่มีจุดเด่นที่แตกต่างไปจาก ฟิลเลอร์ยี่ห้อ/รุ่นอื่น ๆ ดังนี้
- วัตถุประสงค์การใช้งาน
- Skinvive : มุ่งเน้นการปรับปรุงคุณภาพผิวโดยรวม เพิ่มความชุ่มชื้น และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
- ฟิลเลอร์ทั่วไป : ใช้เพื่อเพิ่มปริมาตรและแก้ไขรูปทรงของใบหน้า เช่น เติมเต็มร่องลึก หรือเพิ่มความอวบอิ่ม
- โมเลกุล ความเข้มข้นของ HA
- Skinvive : มีความเข้มข้นของ HA ต่ำกว่า ทำให้มีความหนืดน้อยและกระจายตัวได้ดีในชั้นผิว
- ฟิลเลอร์ทั่วไป : มีความเข้มข้นของ HA สูงกว่า ทำให้มีความหนืดมาก
- วิธีการฉีด
- Skinvive : ฉีดแบบกระจายทั่วบริเวณที่ต้องการรักษา โดยใช้เทคนิค microinjection
- ฟิลเลอร์ทั่วไป : มักฉีดเฉพาะจุดหรือบริเวณที่ต้องการเพิ่มปริมาตร
- ความลึกในการฉีด
- Skinvive : ฉีดในชั้นผิวหนังส่วนตื้น (superficial dermis)
- ฟิลเลอร์ทั่วไป: มักฉีดลึกกว่า ในชั้นใต้ผิวหนัง (subcutaneous layer) หรือชั้นผิวหนังส่วนลึก (deep dermis)
- ผลลัพธ์
- Skinvive : ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ เน้นการปรับปรุงคุณภาพผิว ไม่เปลี่ยนแปลงรูปทรงใบหน้า
- ฟิลเลอร์ทั่วไป : สามารถเปลี่ยนแปลงรูปทรงใบหน้าได้อย่างชัดเจน เช่น เพิ่มความอวบอิ่มของริมฝีปาก เสริมคางให้ยาวขึ้น หรือเติมเต็มร่องแก้มให้ตื่นขึ้น
สรุปง่าย ๆ คือ Skinvive และฟิลเลอร์ทั่วไปมีความแตกต่างกันทั้งในแง่ของวัตถุประสงค์การใช้งานครับ Skinvive จะเน้นใช้ฉีดเพื่องานผิว คล้ายกับ Belotero Revive และ Restylane Vital Light หรือกลุ่ม Skin Booster ในขณะที่ ฟิลเลอร์ทั่วไปเหมาะสำหรับการแก้ไขรูปทรงใบหน้าหรือเพิ่มปริมาตรในบริเวณที่ต้องการ
หากพูดถึงหัตถการงานผิว วิธีทำให้หน้าใส ปัจจุบันมีอีกหลายตัวเลือกครับที่ทำให้ผิวใส ฉ่ำวาว โดยการเลือกใช้ขึ้นอยู่กับความต้องการและสภาพผิวของแต่ละบุคคล
นอกจากนี้ ยังมีวิธีอื่น ๆ ที่ช่วยเสริมความแข็งแรงให้ผิว อีกหลายตัวเลือกครับ ซึ่งหมอเคยเขียนอธิบายไว้ สามารถศึกษาข้อมูลเหล่านี้เพิ่มเติมได้ อาทิ การฉีดเมโสหน้าใส เพื่อให้ให้ผิวดูสุขภาพดี หรือดริปวิตามินเพื่อบำรุงร่างกาย และผิวพรรณให้แข็งแรง เป็นต้น
ข้อควรรู้และการเตรียมตัวก่อนฉีด Skinviveอย่างไรบ้าง ?
ก่อนฉีด Skinvive ควรมีการเตรียมตัว โดยการเตรียมตัวไม่ต่างจากการฉีดฟิลเลอร์โดยทั่วไปครับ เช่น
- ควรงดยาหรือวิตามินบางชนิด เช่น แอสไพริน, NSAIDs, วิตามิน St. John’s Wort, Ginko Biloba, Primrose Oil, Garlic, Ginseng และ Vitamin E
- งดยาผลัดเซลล์ผิว การดึงหรือโกนขนบริเวณที่จะฉีด Skinvive
- งดคอร์สเลเซอร์และนวดหน้าอย่างน้อย 3 วัน ก่อนฉีด
- หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ เพราะจะทำให้เกิดการบวมมากขึ้นหลังการฉีด Skinvive
- พักผ่อนให้เพียงพอ ให้ผิวฟื้นฟูเต็มที่ พร้อมทำหัตถการ
- หากมีโรคประจำตัวหรือยาที่ต้องรับประทานประจำควรแจ้งแพทย์ก่อนทำทุกครั้ง
ข้อแนะนำในการดูแลตัวเองหลังฉีด skinvive
การดูแลหลังฉีด skinvive เพื่อผลลัพธ์ผิวสวย ยาวนาน ควรปฏิบัติดังนี้
- หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับความร้อนหรือแสงแดดโดยตรงภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากการฉีด เพื่อป้องกันการระคายเคืองผิว
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายอย่างหนัก การโดนแสงแดดหรือความร้อนมากเกินไป รวมถึงการดื่มแอลกอฮอล์ภายใน 24 ชั่วโมงแรกหลังฉีด เนื่องจากอาจทำให้เกิดรอยแดง, บวม หรืออาการคันชั่วคราวบริเวณที่ฉีด
- หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีสารเคมีรุนแรงในระยะแรก
- ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อรักษาความชุ่มชื้นในผิว
ฉีด skinvive ที่คลินิกไหน ดีที่สุด ?
- ควรเลือกคลินิกที่ได้รับการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข
- แพทย์ตรวจสอบได้ว่าเป็นแพทย์จริง มีประสบการณ์ในการฉีดสารเติมเต็ม
- ใช้ skinvive ของแท้ ตรวจสอบแหล่งที่มาหรือบริษัทนำเข้าได้
- มีรีวิวจากผู้ใช้จริง ในแหล่งที่เป็นกลาง น่าเชื่อถือ หรือมีรูปรีวิวที่เห็นผลชัดเจน ไม่ผ่านการตกแต่ง
- คลินิกมีช่องทางการติดต่อที่สะดวก แจ้งอัตราค่าบริการชัดเจน ไม่ปิดบัง

Q&A ตอบข้อสงสัยเกี่ยวกับ Skinvive
1.Skinvive ลดหลุมสิวได้ไหม ?
Skinvive สามารถช่วยปรับปรุงลักษณะของหลุมสิวได้ในระดับหนึ่งครับ แม้ว่าจะไม่ได้ออกแบบมาเฉพาะสำหรับการรักษาหลุมสิว แต่ด้วยคุณสมบัติของ Skinvive สามารถช่วยลดเลือนรอยหลุมสิวได้ทางอ้อมเพราะสามารถช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ทำให้ผิวดูเต่งตึงขึ้น ช่วยลดความลึกของหลุมสิวตื้น ๆ ได้ ใบหน้าจึงเรียบเนียนขึ้น
2.หน้าแห้งเป็นขุย หน้าลอก แต่งหน้าไม่ติด ฉีด Skinvive ได้ไหม
Skinvive สามารถเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคนที่มีปัญหาผิวหน้าแห้ง เป็นขุย ลอก และแต่งหน้าไม่ติด เนื่องจากคุณสมบัติหลักของ Skinvive คือการเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ซึ่งสามารถช่วยแก้ปัญหาหน้าแห้งเป็นขุย หน้าลอก แต่งหน้าไม่ติดได้
3. ฉีด Skinvive แสบไหม ?
สำหรับใครที่กลัวเจ็บ กลัวแสบ ไม่ต้องกังวลครับ เพราะใน Skinvive ไม่มีส่วนผสมของกรดหรือตัวยาที่ทำให้ระคายเคือง ทำให้ขั้นตอนการฉีดไม่รู้สึกแสบ นอกจากนี้ใน skinvive ยังมีส่วนผสมของยาชาร่วมด้วยจึงทำให้ขณะฉีดไม่เจ็บครับ
4.Skinvive อันตรายไหม ?
Skinvive มีความปลอดภัยครับ เนื่องจากส่วนประกอบหลักคือ Hyaluronic Acid ซึ่งตัวเดียวกันกับที่มีในร่างกายมนุษย์ ไม่ก่อให้เกิดอันตราย และยังได้รับการรับรองความปลอดภัยจากความปลอดภัยจาก US FDA และ อย.ไทย จึงมั่นใจในการใช้ได้ครับ
5. ฉีดฟิลเลอร์งานผิว Skinvive พร้อมกับหัตถการอื่น ๆ ได้ไหม ?
การฉีดฟิลเลอร์งานผิว skinvive สามารถทำพร้อมหัตถการอื่น ๆ ได้ตามคำแนะนำของแพทย์ เช่น โบท็อก, การดริปวิตามินผิว
ในส่วนของเครื่องมือยกกระชับ หรือหัตถการที่มีความร้อน ทรีทเมนต์ที่ก่อให้เกิดการบวมหรือระคายเคืองควรเว้นระยะห่างในการทำ ตามระยะเวลาที่เหมาะสมระหว่างการทำแต่ละหัตถการครับ อย่างไรก็ตามควรปรึกษาแพทย์ เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับสภาพผิวและความต้องการของคนไข้ก่อนทำครับ
สรุป Skinvive ตัวช่วยผิวสวย ฉ่ำวาว
Skinvive เป็นนวัตกรรมใหม่ที่สามารถช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวได้เป็นอย่างดีครับ ช่วยทำให้ผิวดูอิ่มน้ำ สดใส และเต่งตึง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูสภาพผิวแบบเร่งด่วน ต้องการลดริ้วรอยเล็ก ๆ ให้จางลง ใครอยากมีผิวที่เรียบเรียน ฉ่ำโกลว์ กระจ่างใสมากขึ้น Skinvive ถือว่าตอบโจทย์ครับ
เอกสารอ้างอิง