
ฟิลเลอร์ใต้ตาอันตรายไหม ? ทุกเรื่องที่ต้องรู้ก่อนตัดสินใจ
ฟิลเลอร์ใต้ตาอันตรายไหม ? ฉีดแล้วทำให้ตาบอดจริงหรือเปล่า ?
การตั้งคำถามหรือข้อสงสัยในเรื่องนี้ ไม่ใช่สิ่งที่ผิดครับ เพราะข่าวสารมากมายทำให้บางคนยังลังเล ไม่แน่ใจว่าควรเสี่ยงดีไหม ?
จริง ๆ แล้ว การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาไม่ได้อันตรายอย่างที่หลายคนคิด สามารถให้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัยได้ แต่ก็ไม่เสมอไปหากคนไข้เลือกผิด ก็อาจเจอกับผลลัพธ์ที่ไม่คาดคิด เช่น ฟิลเลอร์เป็นก้อน เกิดติดเชื้อ หรือฟิลเลอร์ไหลได้ครับ
(นพ.สิทธินันท์ มะโนปีน เลข ว.40440)
สารบัญ ฟิลเลอร์ใต้ตาอันตรายไหม
ฟิลเลอร์ใต้ตาคืออะไร ? ช่วยแก้ปัญหาอะไรบ้าง ?

ก่อนจะเข้าเนื้อหาฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา อันตรายไหม ? หมออยากให้คนไข้มาทำความรู้จักการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา คืออะไร ? ช่วยอะไรได้บ้างกันก่อนครับ
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นการฉีดสารเติมเต็ม (Dermal Filler) ชนิดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid) เข้าไปใต้ผิวหนัง เพื่อแก้ปัญหาใต้ตาที่พบบ่อย เช่น
- ร่องลึกใต้ตา
- เบ้าตาลึก
- ตาโหล
- ใต้ตาคล้ำ
- ริ้วรอยใต้ตา
- ฉีดดอลลี่อาย เพื่อเสริมให้ใบหน้าดูมีเสน่ห์ สดใสมากขึ้น
หลังฉีดคนไข้จะสามารถสังเกตเห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้ทันที ใต้ตาดูตื้น เต็มอิ่ม เรียบเนียน ใบหน้าสดใส ดูเด็กลงครับ ส่วนผลลัพธ์จะอยู่ได้นานประมาณ 6-24 เดือน ต่างกันไปตามรุ่นฟิลเลอร์ที่ใช้, จำนวน CC ที่ฉีด, เทคนิคการฉีดของแพทย์ และการดูแลตัวเองของแต่ละบุคคล
นอกจากใต้ตาแล้ว ฟิลเลอร์ยังสามารถนำมาฉีดได้หลายตำแหน่งครับ ได้แก่
อยากรู้จักฟิลเลอร์มากขึ้นใช่ไหม ? อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่ คลิกเลย!
ฟิลเลอร์ใต้ตาอันตรายไหม ? มีผลข้างเคียงอะไรบ้าง ?
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ไม่อันตรายครับ ค่อนข้างมีความปลอดภัยสูงหากคนไข้เลือกฉีดกับแพทย์ที่มีใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม ฉีดด้วยเทคนิคที่ถูกต้อง ใช้ฟิลเลอร์แท้ผ่าน อย. ไทย และใช้บริการคลินิกที่มีความน่าเชื่อถือ
ด้านผลข้างเคียงที่พบส่วนใหญ่ เป็นเพียงอาการที่เกิดขึ้นชั่วคราวครับ สามารถหายได้เองใน 3-7 วัน เช่น อาการบวม แดงหรือเขียวช้ำจากรอยเข็ม แนะนำให้หลีกเลี่ยงการแตะ แกะ เกา หรือกดนวดในจุดนั้น ๆ และระวังการขยับใบหน้าเยอะ ๆ

รู้หรือไม่ ? : ฟิลเลอร์ (Filler) หมายถึงสารเติมเต็มที่ฉีดเข้าสู่ผิว ในต่างประเทศคำนี้ครอบคลุมถึงการฉีดไขมัน คอลลาเจน หรือสารอื่น ๆ แต่ในประเทศไทย ฟิลเลอร์หมายถึง Hyaluronic Acid (HA) ซึ่งเป็นชนิดเดียวที่ผ่านการรับรองจาก อย. ไทย สำหรับฉีดในชั้นผิว ดังนั้นฟิลเลอร์แท้ที่แพทย์พูดถึงจึงหมายถึง HA โดยเฉพาะ
ฟิลเลอร์ใต้ตา ทำไมต้องฉีดกับแพทย์เท่านั้น ?

ฟิลเลอร์ใต้ตา อันตรายไหม ? การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นกระบวนการที่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญและความแม่นยำสูงครับ เนื่องจากโครงสร้างบริเวณใต้ตามีความซับซ้อน มีเส้นเลือดสำคัญอย่าง Ophthalmic Artery ซึ่งเชื่อมโยงกับดวงตา
หากฉีดผิดตำแหน่งอาจทำให้ฟิลเลอร์เข้าสู่หลอดเลือดและเกิดการอุดตัน ส่งผลให้เกิดปัญหาร้ายแรง เช่น สูญเสียการมองเห็น ดังนั้นการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาควรดำเนินการโดยแพทย์ผู้ชำนาญการเท่านั้นครับ
สรุปเหตุผลที่การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาควรทำโดยแพทย์
- แพทย์สามารถประเมินปัญหาใต้ตาได้แม่นยำ เช่น ความลึกของร่องใต้ตา ความบางของผิว และตำแหน่งที่ควรฉีด
- แพทย์สามารถเลือกรุ่นฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับปัญหาใต้ตาของคนไข้แต่ละราย รวมถึงคำนวณจำนวน CC ที่ใช้ให้พอดี
- หากเกิดผลข้างเคียง เช่น อาการบวมแดง เขียวช้ำ อาการแพ้ หรือฉีดเข้าเส้นเลือด แพทย์สามารถแก้ไขและรักษาได้อย่างทันท่วงที
- การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ต้องอาศัยความแม่นยำในการเลือกฉีดชั้นผิวที่ถูกต้อง เช่น ชั้นใต้กล้ามเนื้อ (Submuscular Layer) หรือ เหนือกระดูก (Supraperiosteal Layer) เพื่อป้องกันการอุดตันของเส้นเลือด และฟิลเลอร์ไหล
เตือนภัย! อันตรายที่เกิดขึ้น หากฉีดฟิลเลอร์ใต้ตากับหมอกระเป๋า

จากสถิติพบว่า ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มีคนไข้จำนวนไม่น้อยเลยครับที่เลือกฉีดฟิลเลอร์กับหมอกระเป๋า เพียงเพราะราคาถูกกว่า โดยไม่รู้ว่ากำลังเสี่ยงกับอันตรายร้ายแรงที่อาจทำให้เสียโฉมไปตลอดชีวิต โดยเฉพาะการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่เป็นตำแหน่งที่ต้องใช้ความแม่นยำสูง ซึ่งหากฉีดผิดตำแหน่ง อาจนำไปสู่ผลข้างเคียงที่แก้ไขได้ยาก เช่น
- เสี่ยงหลอดเลือดอุดตัน ส่งผลให้เนื้อเยื่อตาย บวมแดงรุนแรง ในกรณีร้ายแรงอาจทำให้ตาบอดได้
- เสี่ยงติดเชื้อ จากการใช้อุปกรณ์ที่ไม่ผ่านการฆ่าเชื้อ ซึ่งอาจนำไปสู่การติดเชื้อรุนแรง เกิดหนองบริเวณที่ฉีด
- เสี่ยงเจอฟิลเลอร์ปลอม ฟิลเลอร์หิ้ว เพราะบริษัทยาจะจำหน่ายฟิลเลอร์แท้ให้เฉพาะคลินิกที่มีใบอนุญาตและให้บริการโดยแพทย์ที่มีใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมเท่านั้น
- เสี่ยงฟิลเลอร์ไหล ฟิลเลอร์เป็นก้อน จากการฉีดผิดตำแหน่งหรือใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่เหมาะสม
- เสี่ยงไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที เมื่อเกิดข้อผิดพลาด เพราะบุคคลที่ไม่ใช่แพทย์ขาดความรู้ด้านกายวิภาคและการวินิจฉัยปัญหาเฉพาะบุคคล
- เสี่ยงโดนลอยแพ ไม่มีประกันความรับผิดชอบ ไม่สามารถเรียกร้องค่าเสียหายได้หากเกิดภาวะแทรกซ้อนหลังฉีด
ฟิลเลอร์ใต้ตาอันตรายไหม ? ขึ้นอยู่กับอะไรบ้าง ?
ความปลอดภัยของการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ดังนี้ครับ
ชนิดของฟิลเลอร์ที่ใช้
ฟิลเลอร์ใต้ตาอันตรายไหม ? ถ้าเป็นฟิลเลอร์ที่ได้มาตรฐาน อย่าง Hyaluronic Acid (HA) ซึ่งได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา (อย.ไทย) ก็จะมีความปลอดภัยสูงครับ เพราะร่างกายสามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ
ปัจจุบันฟิลเลอร์ใต้ตา ฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี มีหลายยี่ห้อให้เลือกใช้ครับ ที่ผ่าน อย.ไทย และนิยม เช่น
- ฟิลเลอร์ Juvederm
- ฟิลเลอร์ Restylane
- ฟิลเลอร์ Neuramis
- e p t q filler
- ฟิลเลอร์ Biohyalux
- ฟิลเลอร์ Yvoire
- Flore Max
เทคนิคการฉีดสำคัญมาก
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาต้องใช้เทคนิคที่แม่นยำ ไม่ใช่แค่ฉีดเข้าไปตรงไหนก็ได้ แพทย์ต้องเลือกชั้นผิวที่เหมาะสมและฉีดในปริมาณที่พอดี เพราะถ้าฉีดผิด อาจทำให้ฟิลเลอร์จับตัวเป็นก้อน หรือใบหน้าดูไม่สมดุล
คลินิกต้องได้มาตรฐาน
ฟิลเลอร์ใต้ตาอันตรายไหม ? อันตรายครับถ้าฉีดกับคลินิกที่ไม่มีความน่าเชื่อถือ
ไม่ใช่ว่าเราจะฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ไหนก็ได้ ควรเลือกคลินิกที่สะอาด มีใบอนุญาต และใช้อุปกรณ์ที่ผ่านการฆ่าเชื้อ ถ้าไปฉีดกับคลินิกที่ไม่มีมาตรฐาน ฉีดกับหมอกระเป๋าที่รับฉีดตามบ้านตามคอนโด อาจเสี่ยงติดเชื้อ หรือเจอฟิลเลอร์ปลอมที่ทำให้ปัญหาหนักกว่าเดิมได้ครับ
การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาก็สำคัญ
หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา การดูแลตัวเองเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะช่วยให้ฟิลเลอร์เข้าที่เร็ว ลดผลข้างเคียง และช่วยให้ผลลัพธ์เป็นที่พึงพอใจ ไม่มีปัญหาใด ๆ ตามมา
สำหรับการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ทำยังไงให้ฟิลเลอร์เข้าที่เร็วและอยู่ได้นาน หมอจะมาแชร์เคล็ดลับดี ๆ ในหัวข้อ ฟิลเลอร์ใต้ตาอันตรายไหม ? ดูแลตัวเองอย่างไร ? เพื่อผลลัพธ์ที่ดี เพื่อผลลัพธ์ที่ดี คนไข้ติดตามอ่านจากหัวข้อด้านล่างนี้ได้เลยครับ
ฟิลเลอร์ใต้ตาอันตรายไหม ? ดูแลตัวเองอย่างไร ? เพื่อผลลัพธ์ที่ดี

การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ไม่ยากเลย คนไข้สามารถทำตามคำแนะนำของหมอง่าย ๆ ดังนี้ครับ
- หลังฉีดฟิลเลอร์อาจมีอาการบวมในจุดที่ฉีดเป็นปกติ หลีกเลี่ยงการกด นวด อาการจะหายได้เองใน 7-14 วัน
- ทางคลินิกจะจ่ายยาแก้ปวด ลดบวม ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด
- งดการเข้าซาวน่า อาบแดด หรืออยู่ในที่ที่มีอุณหภูมิสูงอย่างน้อย 48 ชั่วโมง
- งดการออกกำลังกายหนัก ในช่วง 48 ชั่วโมงแรก เพราะอาจกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการบวมแดงหรือช้ำมากขึ้น
- งดเลเซอร์ร้อนลงชั้นผิว 1 เดือน
- ดื่มน้ำมาก ๆ ให้เพียงพอกับร่างกาย จะทำให้ฟิลเลอร์อยู่ได้นานขึ้น
- หลีกเลี่ยงการใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมของกรด AHA, BHA หรือวิตามินซี ในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก
- งดแต่งหน้าบริเวณที่มีรอยเข็มในช่วง 24 ชั่วโมงแรก
ฟิลเลอร์ใต้ตาอันตรายไหม ? เลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ที่ไหนดี ?

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาไม่อันตรายหากทำในคลินิกที่ได้มาตรฐาน และดำเนินการโดยแพทย์ครับ แต่การเลือกคลินิกก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มความมั่นใจว่าผลลัพธ์ที่ได้จะปลอดภัยด้วย
ซึ่งข้อควรพิจารณาในการเลือกฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี หมอมีคำแนะนำดังนี้ครับ
- คลินิกต้องมีใบอนุญาตประกอบกิจการที่ถูกต้อง มีการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข
- แพทย์ผู้ฉีดต้องมีใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม และมีรีวิวผลงานที่น่าเชื่อถือ
- ใช้ฟิลเลอร์แท้ที่ผ่านการรับรองจาก อย. ไทย
- แพทย์ควรมีการแสดงกล่องผลิตภัณฑ์ที่มีเลขทะเบียน อย. ให้คนไข้ตรวจสอบก่อนฉีด
- มีรีวิวจากผู้เข้ารับบริการจริง ไม่ว่าจะเป็นภาพเปรียบเทียบก่อน-หลังฉีด เพื่อประเมินว่าผลลัพธ์ตรงกับความต้องการหรือไม่
- ควรมีการให้คำปรึกษาอย่างละเอียด ประเมินปัญหาใต้ตา และแนะนำฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับสภาพผิวของแต่ละคน
- ฟิลเลอร์ราคาสมเหตุสมผล
ข้อควรระวังในการเลือกคลินิก
- หลีกเลี่ยงคลินิกที่โฆษณาด้วยราคาถูกเกินไป เพราะอาจใช้ฟิลเลอร์ปลอมหรือฉีดโดยบุคคลที่ไม่ใช่แพทย์
- อย่าหลงเชื่อคำโฆษณาว่า “ฟิลเลอร์ถาวร” เพราะฟิลเลอร์แท้ที่ปลอดภัย เช่น Hyaluronic Acid จะสลายได้เองตามธรรมชาติ
- อย่าเชื่อคำโฆษณาเกินจริงที่บอกว่า “ทำแล้วสวยทันที ไม่มีผลข้างเคียงเลย” เพราะการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอาจมีผลข้างเคียงเล็กน้อย เช่น อาการบวมแดง หรือเขียวช้ำ ซึ่งเป็นเรื่องปกติ
สรุป ฟิลเลอร์ใต้ตาอันตรายไหม ? เลือกยังไงถึงปลอดภัย
“ความสวยและความปลอดภัย ต้องเริ่มจากการเลือกที่ถูกต้อง!” จากเนื้อหาในบทความที่หมอได้เขียนมาทั้งหมดนี้ คนไข้จะเห็นว่าการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาไม่ได้น่ากลัวอย่างที่หลายคนคิดครับ หากคนไข้เลือกฉีดกับแพทย์ ใช้ฟิลเลอร์แท้ และทำในคลินิกที่ได้มาตรฐาน
แต่ถ้าเลือกผิด เช่น ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตากับผู้ที่ไม่มีใบประกอบวิชาชีพ หมอเถื่อน หมอกระเป๋า หรือฉีดกับคลินิกที่ราคาฟิลเลอร์ถูกเกินจริง คนไข้อาจเสี่ยงเจอฟิลเลอร์ปลอม ได้ผลลัพธ์ที่ไม่คุ้มค่ากับเงินและเวลาที่เสียไป
ดังนั้น ก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา อย่าลืมตรวจสอบข้อมูลให้ละเอียด อย่าหลงเชื่อคำโฆษณาที่ราคาถูกเกินไปหรือคำว่า “ฟิลเลอร์ถาวร” เพราะอาจเสี่ยงเจอฟิลเลอร์ปลอมและปัญหาที่ตามมาในระยะยาวได้ครับ