หน้าโทรม
หน้าโทรม หน้าไม่สดใส เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัยครับ ด้วยปัจจัยหลาย ๆ อย่าง ทั้งจากการใช้ชีวิตประจำวันที่เร่งรีบ การนอนพักผ่อนไม่เพียงพอ หรืออายุที่มากขึ้น ล้วนก็เป็นตัวการที่ทำให้ใบหน้าโทรมลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
สำหรับใครที่กำลังเจอกับปัญหาหน้าโทรม ในบทความนี้หมอจะอธิบายถึงสาเหตุที่ทำให้ใบหน้าโทรม ผิวหมองคล้ำ เพื่อรู้ถึงต้นตอของปัญหา รวมถึงวิธีแก้ไขปัญหาหน้าโทรม ไม่สดใส ที่จะช่วยกู้คืนผิวใสแบบเร่งด่วน
สารบัญ หน้าโทรม
หน้าโทรม เกิดจากสาเหตุอะไร ?
หน้าโทรม ผิวหมองคล้ำ รูขุมขนกว้าง เกิดได้จากสาเหตุเหล่านี้ครับ
- อายุมากขึ้น ผิวเริ่มมีการผลัดเซลล์ช้าลง ผลิตไฮยาลูรอน คอลลาเจนและอีลาสตินได้ลดลง เป็นผลให้ผิวขาดความชุ่มชื้น แห้งกร้าน ร่วมกับมีการทรุดตัวของกระดูกตามวัย ทำให้เกิดริ้วรอย ร่องลึก ใบหน้าดูโทรมลงอย่างเห็นได้ชัด
- แสงแดด มีรังสี UVA และ UVB สามารถทำร้ายผิวได้ถึงชั้นผิวหนังแท้ (Dermis) ที่มีคอลลาเจนและอีลาสตินเป็นองค์ประกอบหลัก หากโดนแสงแดดอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีการป้องกันผิว จะส่งผลให้ผิวขาดความชุ่มชื้น หมองคล้ำ หน้าโทรมลง ดูมีอายุก่อนวัย และยังมีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้ด้วยครับ
- ความเครียด เป็นสาเหตุที่ทำให้ร่างกายหลังฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) มากขึ้น ส่งผลให้ต่อมไขมันผลิตไขมันออกมาเคลือบผิวหน้ามากยิ่งขึ้น เป็นผลให้ผิวหน้ามัน ดูหมองคล้ำ รูขุมขนกว้าง ใบหน้าดูโทรม และเกิดปัญหาสิวตามมาได้
- ดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ ล้วนเป็นพฤติกรรมทำร้ายผิว แอลกอฮอล์จะทำให้ผิวขาดน้ำและความชุ่มชื้น ส่วนบุหรี่มีสารนิโคตินที่ทำให้เส้นเลือดหดตัว รับออกซิเจนได้ไม่เต็มที่ ทำให้คอลลาเจนและอีลาสตินลดลง ผิวหน้าจึงดูหมองคล้ำ หน้าโทรม และเกิดรอยเหี่ยวย่นก่อนวัย
- พักผ่อนไม่เพียงพอ นอนไม่เป็นเวลา ทำให้กระทบต่อกระบวนการทำงานของร่างกาย เช่น หลั่งโกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) ที่ช่วยซ่อมแซมเซลล์ในร่างกายได้น้อยลง และผลิตเมลาโทนิน ที่ช่วยกระตุ้นกระบวนการสร้างสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยซ่อมแซมเซลล์ผิวจากมลภาวะและแสงแดดได้ลดลง เป็นสาเหตุที่ทำให้ดูมีอายุก่อนวัย หน้าโทรม ใต้ตาดำคล้ำดูไม่สดใส
12 วิธีแก้ไขปัญหาหน้าโทรม ไม่สดใส
บทความนี้หมอมีการอัปเดตวิธีแก้ไขปัญหาหน้าโทรมด้วยเทคโนโลยีฟื้นฟูผิวใหม่ ๆ ที่จะช่วยกู้คืนผิวใสแบบเร่งด่วน ดังนี้ครับ
1. เมโสหน้าใส บอกลาหน้าโทรม
เมโสหน้าใส (Mesotherapy) คือ การบำรุงผิวด้วยการฉีดตัวยาที่สกัดจากธรรมชาติเข้าสู้ชั้นผิวหนังแท้ โดยตัวยาประกอบไปด้วยส่วนผสมที่มีความสำคัญต่อผิว เช่น วิตามิน A B C E คอลลาเจน และโคเอนไซม์ ช่วยฟื้นฟูผิวจากโครงสร้างผิวที่เสื่อมสภาพลง โดยแบ่งเป็น 3 สูตรหลัก ๆ ดังนี้
- สูตรเน้นหน้าขาว แก้ปัญหาหน้าหมองคล้ำ ดูโทรมจากแดด มลภาวะหรือสารเคมี มีส่วนผสมของวิตามินต่าง ๆ ที่ทำให้หน้าขาวขึ้น เช่น Vitamin ABCE, Transamin, Glutathione
- สูตรเน้นหน้าใส มีส่วนผสมของคอลลาเจน และโคเอนไซม์ ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ให้ผิวฟูขึ้น กระชับรูขุมขน หน้าสดใส ไม่โทรม
- สูตรลดสิว-แก้ผื่น ช่วยลดการอักเสบ ขับสารพิษที่สะสมออก แก้ปัญหาผิวแพ้ง่าย เพิ่มคอลลาเจนที่ช่วยให้ต่อมไขมันทำงานลดลง จึงลดสิวได้ และเมโสยี่ห้อที่มีจุดเด่นด้านนี้ คือ มาเด้ คอลลาเจน
การฉีดเมโสหน้าใสเหมาะกับผู้ที่ไม่มีเวลาดูแลตัวเอง อดนอน ทำงานหนัก ผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 1-2 เดือน หากฉีดอย่างต่อเนื่องก็จะอยู่ได้นานขึ้นครับ สำหรับใครที่ต้องการเห็นผลอย่างเร่งด่วน แนะนำให้ฉีด 3 วัน/ครั้ง ทั้งนี้เมโสหน้าใสมีหลายสูตรหลายยี่ห้อ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนเพื่อให้แพทย์ประเมินตัวยาที่เหมาะสมกับปัญหาและสภาพผิวของแต่ละคนครับ
2. ฉีดโบท็อก ลดริ้วรอย แก้ปัญหาหน้าโทรม
ริ้วรอยเหี่ยวย่นเป็นอีกต้นเหตุหนึ่งที่ทำให้ใบหน้าโทรม โดยเราสามารถแก้ไขด้วยการฉีดโบท็อกเข้าไปยังบริเวณหน้าผาก รอบดวงตา ระหว่างคิ้ว หางตาที่มีริ้วรอย
หลังฉีดโบท็อก ริ้วรอยจะค่อย ๆ ลดลง และเห็นผลเต็มที่ใน 2 สัปดาห์ว่าผิวหน้าเต่งตึง เรียบเนียน และดูอ่อนเยาว์ขึ้น นอกจากนี้การฉีดโบท็อกยังช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยในอนาคต และป้องกันไม่ให้ริ้วรอยเส้นเล็ก ๆ บนใบหน้ากลายเป็นริ้วรอยลึกถาวรได้ครับ
การฉีดโบท็อกริ้วรอย ผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 4-5 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อโบท็อกที่ใช้และการดูแลตัวเองหลังทำ เมื่อโบท็อกหมดฤทธิ์สามารถกลับมาฉีดใหม่ได้เพื่อคงผลลัพธ์ไว้ แต่ควรเว้นระยะห่างอย่างต่ำ 3 เดือน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการดื้อโบท็อก
อ่านบทความเพิ่มเติม : รีวิว ฉีดโบลดริ้วรอย ฉีดจุดไหนได้บ้าง ? กี่วันเห็นผล
3. ฉีดฟิลเลอร์ เติมเต็มริ้วรอย ร่องลึก แก้ปัญหาหน้าโทรม
เมื่ออายุมากขึ้น กระดูกเกิดการทรุดตัว ทำให้เกิดเป็นริ้วรอยร่องลึกบนใบหน้า ใบหน้าโดยรวมจึงดูโทรมไม่สดใส โดยจะเห็นริ้วรอยร่องลึกได้ชัดที่บริเวณใต้ตา ขมับ แก้มตอบ ร่องแก้ม
การฉีดฟิลเลอร์ คือ การฉีดสารเติมเต็มไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic acid) เข้าไปเติมเต็มริ้วรอย ร่องลึกในบริเวณที่เป็นปัญหา และทำให้ใบหน้าโทรม เห็นผลได้ทันทีหลังทำ และไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้น ส่วนผลลัพธ์จะอยู่ได้นานเท่าไร ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ฉีด รุ่น/ยี่ห้อฟิลเลอร์ที่ใช้ และการดูแลตัวเองหลังทำครับ
4. Hifu แก้ปัญหาหน้าโทรมด้วยคลื่นเสียง
Hifu Macrofocus คือ การใช้เทคโนโลยีคลื่นเสียงอัลตราซาวด์ความถี่สูงเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อนยิงลงชั้นผิวได้ถึงชั้นผิว SMAS (ชั้นผิวเดียวกันกับที่ใช้ศัลยกรรมดึงหน้า) เพื่อให้ผิวเกิดการหดตัวและยกกระชับขึ้น ช่วยลดเลือนริ้วรอยตื้น ๆ และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้ผิวเต่งตึง อิ่มฟู กระจ่างใส โดยไม่มีรอยแผลให้เห็น
แก้ปัญหาหน้าโทรมด้วยการทำ Hifu ดีไหม ? ถือเป็นอีกทางเลือกที่ดีสำหรับคนที่กลัวเข็ม ไม่ต้องการผ่าตัด หรือไม่มีเวลาพักฟื้นครับ โดยเห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำประมาณ 20% ผลลัพธ์จะค่อย ๆ ดีขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเกิดการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ ๆ โดยจะเห็นผลได้อย่างชัดเจนหลังทำ 3-4 เดือน ในส่วนของผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นานประมาณ 6 เดือน ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองหลังทำ
อ่านบทความเพิ่มเติม : Hifu อยู่ได้นานไหม ? อยากให้ผลลัพธ์อยู่ได้นาน มีวิธีดูแลตัวเองอย่างไร ?
5. Rejuran เผยผิวใส ลดรูขุมขน แก้ปัญหาหน้าโทรม
Rejuran เป็นเทคโนโลยีการแพทย์ที่ช่วยกู้คืนผิวหน้าโทรมให้กลับมาดูกระจ่างใส ปรับสภาพผิวให้สดใส ฉ่ำวาวเป็นผิวกระจก (Glass skin) โดยรีจูรันมีส่วนประกอบหลักจาก Polynucleotide เข้มข้น 2% ที่สกัดจากชิ้นส่วน DNA Salmon ในทะเลธรรมชาติ ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับ DNA มนุษย์ถึง 98 % เหมาะกับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูความแข็งแรงของผิวจากภายใน ให้สภาพผิวกระจ่างใส เรียบเนียน ดูสุขภาพดี
การแก้ปัญหาหน้าโทรมด้วยการฉีดรีจูรันสามารถเห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำครับว่าผิวเรียบเนียน นุ่มขึ้น ดูใสขึ้น ซึ่งเป็นช่วงที่ผิวเริ่มมีการฟื้นฟู โดยต้องทำกี่ครั้งถึงเห็นผลชัดเจน สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่บทความ Rejuran คืออะไร ช่วยอะไรได้บ้าง ฉีดกี่ครั้งถึงเห็นผล ?
6. Sculptra กระตุ้นคอลลาเจน ฟื้นฟูผิว แก้ปัญหาหน้าโทรม
Sculptra คือ เทคโนโลยีฟื้นฟูผิวแบบใหม่ที่สกัดจาก PLLA (Poly-L-Lactic Acid) เป็นสารสังเคราะห์ที่มีคุณสมบัติในการกระตุ้นคอลลาเจนในชั้นผิว เมื่อฉีดเข้าสู่ผิวหน้าจะช่วยกระตุ้นคอลลาเจน Type 1 ได้ถึง 66.5% ช่วยทดแทนคอลลาเจนที่เสียไปเมื่ออายุมากขึ้น เป็นผลให้ผิวกระชับ เต่งตึงขึ้น และช่วยเพิ่มความกระจ่างใสให้กับแก่ผิว
หลังฉีด Sculptra 2-3 สัปดาห์จะเริ่มเห็นถึงการเปลี่ยนแปลง และเห็นผลได้ชัดเจนในช่วง 3 เดือน ในช่วงแรกแนะนำให้ฉีดอย่างต่อเนื่อง 2-3 ครั้งเพื่อปรับสภาพผิวให้สร้างคอลลาเจนได้อย่างเต็มที่ โดยผลลัพธ์จะอยู่ได้นานประมาณ 2 ปี แต่ถ้าฉีดครั้งเดียวจะอยู่ได้นานประมาณ 2-4 เดือนครับ
โดย Sculptra เพิ่งมีการนำเข้ามาใช้ในใทยเมื่อไม่นานมานี้ สำหรับใครที่อยากรู้จักกับ Sculptra มากขึ้น หมอได้เขียนไว้แล้วที่บทความ Sculptra คืออะไร ? ฉีดจุดไหนได้บ้าง ? ราคาเท่าไร ? กี่วันถึงเห็นผล ?
7. Exosome แก้ปัญหาหน้าโทรม ให้กลับมาดูอ่อนเยาว์
Exosome คือ สารชีวโมเลกุลกว่า 1000 ชนิดที่มีความสำคัญต่อผิว เช่น growth factor, peptides, amino acids, coenzymes, hyaluronic acid (HA) โดดเด่นในเรื่อง Skin Rejuvenation ซ่อมแซมและฟื้นฟูผิวอ่อนเยาว์ ปรับผิวใส กระชับรูขุมขน ให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น ทั้งยังช่วยลดริ้วรอย และชะลอการเสื่อมสภาพของผิวได้ครับ
หลังฉีด exosome สามารถเห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้ใน 3 วันหลังทำว่าผิวที่หมองคล้ำ ดูกระจ่างใสขึ้น หากมีปัญหาผิวในระดับมากหรือต้องการผลลัพธ์อย่างต่อเนื่อง แนะนำให้ทำ 3-5 ครั้งโดยครั้งที่ 1-3 ห่างกัน 2 สัปดาห์ ครั้งที่ 4 ห่างกัน 1 เดือน และครั้งที่ 5 ห่างกัน 1 ปี จะช่วยให้เห็นผลที่ชัดเจนยิ่งขึ้นและผลลัพธ์อยู่ได้นาน
8. Beloteto Revive ฟิลเลอร์งานผิว แก้ปัญหาหน้าโทรม
Belotero revive คือ ฟิลเลอร์งานผิวตัวแรกของโลกที่มีการผสมผสานกันระหว่าง Hyaluronic acid และ Glycerol โดนเด่นในเรื่องกักเก็บความชุ่มชื้น ช่วยฟื้นฟูผิวเสื่อมสภาพจากการโดนแสงแดดและมลภาวะต่าง ๆ และยังช่วยปรับสภาพผิวให้ดีขึ้นได้ใน 4 มิติ ได้แก่ เรียบเนียน อิ่มฟู เด้งกระชับ และฉ่ำวาว
หลังฉีด Belotero Revive สามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงของผิวได้ทันทีว่าผิวมีความชุ่มชื้นขึ้น รูขุมขนเล็กลง และจะค่อย ๆ เห็นผลได้ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อฟิลเลอร์เข้าที่ 100% ใน 2 สัปดาห์ครับ โดยผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นานประมาณ 6-9 เดือน ขึ้นอยู่กับปัญหา คุณภาพผิวเริ่มต้นของคนไข้แต่ละคน และการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์
อ่านบทความเพิ่มเติม : เจาะลึก Belotero Revive คืออะไร ? ช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง ? มีข้อดีอย่างไร ?
9. Gouri ฟื้นฟูผิวเสื่อมสภาพ แก้ปัญหาหน้าโทรม
Gouri เป็นนวัตกรรมความงามที่ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิวตัวแรกของโลกที่ได้มีการนำสาร PCL (Polycaprolactone) มาสังเคราะห์ให้อยู่ในรูปแบบสารละลาย 100% มีความปลอดภัย สลายได้เอง
เมื่อฉีด Gouri เข้าสู่ชั้นผิว จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ฟื้นฟูเซลล์ผิว กระตุ้นคอลลาเจนให้ผิวแน่น กระชับ เหมาะกับผู้ที่ปัญหาหน้าโทรม ผิวหมองคล้ำ แห้งกร้าน มีผิวหย่อนคล้อย ริ้วรอยเหี่ยวย่น
การทำ Gouri แก้ปัญหาหน้าโทรมสามารถเห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำภายใน 1-2 สัปดาห์ครับ โดยผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน แนะนำให้ฉีด 3 ครั้ง ห่างกัน 1 เดือน หลังจากครั้งที่ 3 สามารถกลับมาทำซ้ำได้อีก 1 – 2 ครั้ง โดยเว้นระยะห่างกัน 3-6 เดือน จะทำเห็นผลลัพธ์ได้อย่างต่อเนื่อง
10. วิตามินผิวใส แก้หน้าปัญหาหน้าโทรม เผยผิวกระจ่างใส
การฉีดวิตามินผิวใส คือ การฉีดตัวยาที่มีวิตามินชนิดต่าง ๆ โดยมีวิตามิน C เป็นส่วนประกอบหลัก ช่วยบำรุงผิวพรรณให้กระจ่างใส ฟื้นฟูผิวแห้งกร้าน แก้ปัญหาหน้าโทรมได้ครับ ทั้งยังช่วยในเรื่องของเสริมภูมิคุ้มกัน บรรเทาอาการหวัด ลดอาการอ่อนเพลีย
ที่จริงการแก้ปัญหาหน้าโทรมด้วยวิตามิน สามารถทำได้ทั้งผ่านการรับประทาน และฉีดเข้าสู่ผิว แต่การฉีดวิตามินเข้าสู่ผิวจะเห็นผลได้เร็วกว่า เนื่องจากเป็นการฉีดวิตามินเข้าสู่เส้นเลือดโดยตรง ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมวิตามินได้มากขึ้น ออกฤทธิ์เร็ว และเห็นผลได้ชัดเจนเมื่อทำอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ตามแต่ละคลินิกอาจมีการผสมตัวยาที่ต่างกันไป ดังนั้นจึงควรฉีดวิตามินผิวกับคลินิกที่ได้มาตรฐาน ดูแลโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์เพื่อความปลอดภัยครับ
11. PRP หน้าใส แก้ปัญหาหน้าโทรมด้วยเกล็ดเลือดตัวเอง
PRP (Platelet Rich Plasma) คือ การฟื้นฟูผิวด้วยเกล็ดเลือดของตัวเอง โดยแพทย์จะทำการนำเลือดประมาณ 15-20 cc มาปั่นแยกให้เหลือแต่เกล็ดเลือดที่มีความเข้มข้นสูง แล้วนำมาฉีดทั่วใบหน้าเพื่อช่วยซ่อมแซมผิวหนัง กระตุ้นการสร้างเส้นใยคอลลาเจน ฟื้นฟูผิวให้มีสุขภาพดี ดูเปล่งปลั่ง
ข้อดีของ PRP คือ เป็นหัตถการที่มีความปลอดภัยสูง มีโอกาสแพ้ได้น้อยมากเนื่องจากเป็นการใช้เกล็ดเลือดของตัวเอง แต่ควรระมัดระวังเรื่องขั้นตอนการทำที่ต้องมีความสะอาด เพื่อป้องกันการติดเชื้อ และมีข้อจำกัดในผู้ที่มีความผิดปกติของเกล็ดเลือด โรคเลือดจาง เป็นต้น
12. ทรีทเม้นท์ แก้ปัญหาหน้าโทรม บำรุงผิวล้ำลึก
การทำทรีทเม้นท์แก้ปัญหาหน้าโทรม หรือทำทรีทเม้นท์หน้าใส คือ การบำรุงผิวด้วยการใช้เทคโนโลยีผลักวิตามินและอาหารผิวเข้าสู่ผิวโดยตรง เพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ฟื้นฟูผิวให้กระจ่างใส แก้ปัญหาหน้าโทรม เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิว ต้องการบำรุงผิวแต่ไม่มีเวลา โดยเป็นวิธีที่ควรทำอย่างต่อเนื่องร่วมกับดูแลตัวเอง ถึงจะเห็นผลได้ชัดเจน
การทำทรีทเม้นท์มีขั้นตอนที่แตกต่างกันไปตามแต่ละคอร์สหรือโปรแกรมของแต่ละคลินิก ควรเลือกให้เหมาะสมกับปัญหาและเลือกสถานบริการที่ได้มาตรฐานเพื่อความปลอดภัย
วิธีกู้หน้าโทรมง่าย ๆ ด้วยตัวเอง มีวิธีไหนบ้าง ?
นอกจากวิธีการแก้ปัญหาหน้าโทรมด้วยการทำหัตถการความงามแล้ว เราสามารถกู้หน้าโทรมได้ด้วยตนเอง ซึ่งจะช่วยให้ผิวมีสุขภาพดีขึ้นได้อย่างยั่งยืน ดังนี้
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และครบ 5 หมู่ สำหรับใครที่ใบหน้าโทรม ดูหมองคล้ำ แนะนำให้รับประทานอาหารที่มีคุณสมบัติในการช่วยต้านสารอนุมูลอิสระ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เช่น ผักที่มีสีเขียวเข้ม ผลไม้สีเหลืองส้ม เนื้อสัตว์ อาหารทะเล ปลาทูน่า ปลาแซลมอน เป็นต้น
- ดื่มน้ำอย่างน้อย 8-10 แก้ว/วัน การดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย จะช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื้น แลดูกระจ่างใสอยู่เสมอ ทั้งยังส่งผลดีในหลาย ๆ ด้าน เช่น ระบบขับถ่าย ระบบไหลเวียนโลหิต ทั้งนี้ควรค่อย ๆ จิบน้ำในระหว่างวัน ไม่ควรดื่มรวดเดียวในปริมาณมาก เพราะส่งผลให้ไตทำงานหนักแทนได้
- นวดใบหน้า การนวดใบหน้าเป็นประจำจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ และกระตุ้นคอลลาเจน ช่วยให้ผิวดูเปล่งปลั่ง กระจ่างใส มีสุขภาพดี โดยอาจจะนวดด้วยมือ หรือใช้อุปกรณ์ในการนวดต่าง ๆ อย่างหินกัวซา เครื่องนวดหน้าไฟฟ้า เป็นต้น
- พักผ่อนให้เพียงพอ การนอนหลับอย่างเพียงพอและเป็นเวลา จะทำให้ร่างกายหลังโกรทฮอร์โมน และเมลาโทนิน ที่ช่วยในการซ่อมแซมเซลล์ผิวทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ร่างกายของเรามีสุขภาพดี ผิวดี กระจ่างใส หน้าไม่หมองคล้ำ
- ทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะอยู่ในบ้านหรือออกไปข้างนอกครับ เพราะถึงแม้ว่าอยู่ในบ้านเราก็ยังโดนรังสี UV ได้จากหลอดไฟ โทรทัศน์ หน้าจอคอม อาจจะไม่ได้รุนแรงเท่ากับรังสี UV จากแสงแดด แต่ถ้าได้รับอย่างต่อเนื่องอาจส่งผลเสียในระยะยาว ทำให้ผิวหน้าโทรม หมองคล้ำได้ครับ
- เลี่ยงพฤติกรรมที่ทำให้หน้าโทรม เช่น งดแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ เพราะล้วนส่งผลเสียต่อการทำงานของอวัยวะส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ยิ่งทำเป็นพฤติกรรมซ้ำ ๆ ยิ่งทำให้มีสารพิษตกค้างในร่างกาย จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ร่างกายเสื่อมโทรม ผิวเสื่อมสภาพ และดูมีอายุก่อนวัย
วิธีดูแลรักษาหน้าโทรมด้วยตนเองข้างต้นล้วนเป็นวิธีที่มีความปลอดภัย ทำได้ด้วยตนเอง แต่ควรทำอย่างสม่ำเสมอและรอเวลาในการเห็นผลสักหน่อยครับ
ทั้งนี้หากใครต้องการแก้ปัญหาหน้าโทรมโดยเห็นผลได้อย่างรวดเร็ว สามารถทำหัตถการความงามร่วมกับการดูแลตัวเองตามวิธีข้างต้น จะช่วยให้เห็นผลลัพธ์ได้เร็วและชัดเจนยิ่งขึ้น
วิธีเลือกคลินิกแก้ปัญหาหน้าโทรมให้ปลอดภัย ได้มาตรฐาน
แก้ปัญหาหน้าโทรมที่ไหนดี ควรพิจารณาเลือกคลินิกแก้ปัญหาหน้าโทรม ดังนี้ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีและความปลอดภัย
- คลินิกที่ได้มาตรฐาน มีเลขที่ใบอนุญาต 11 หลัก เปิดให้บริการอย่างถูกกฎหมาย บรรยากาศภายในคลินิกไม่แออัด มีความสะอาด เครื่องมือหัตถการและผลิตภัณฑ์ที่ใช้เป็นของแท้ นำเข้าอย่างถูกต้อง สามารถตรวจสอบได้
- มีการนัดติดตามผลหลังทำ รวมถึงควรมีช่องทางออนไลน์ไว้ติดต่อ เช่น Facebook หรือ Line@ ที่คนไข้สามารถสอบถามข้อสงสัยกับหมอที่ทำเคสของตัวเองได้โดยตร
- อยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์มีประสบการณ์ โดยเป็นแพทย์ที่มีใบประกอบวิชาชีพและมีประสบการณ์ สามารถให้คำปรึกษา ประเมินปัญหา และแนะนำวิธีการแก้ไขปัญหาหน้าโทรมที่เหมาะสมในแต่ละบุคคล
- มีรีวิวที่น่าเชื่อถือ ควรดูภาพก่อน-หลังทำของแต่ละหัตถการที่เห็นผลลัพธ์ชัดเจน และควรดูรีวิวในรูปแบบความคิดเห็นจากแหล่งที่เป็นกลาง เช่น รีวิวทาง Facebook รีวิวติดดาวใน google map และรีวิวตาม website ต่าง ๆ เช่น wongnai pantip
สรุป
หน้าโทรม ผิวหมองคล้ำ เกิดได้จากหลายสาเหตุ วิธีการแก้ไขปัญหาขึ้นอยู่กับระดับปัญหาและความต้องการของคนไข้เป็นหลัก หากต้องการเห็นผลลัพธ์อย่างเร่งด่วน การแก้ไขด้วยหัตถการความงาม เช่น ฟิลเลอร์ โบท็อกซ์ เมโสหน้าใส จะเป็นวิธีที่ตอบโจทย์กับความต้องการของคนไข้ครับ ทั้งนี้แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนทำ เพื่อให้แพทย์ประเมินวิธีแก้ไขปัญหาหน้าโทรมที่เหมาะสมที่สุดของแต่ละคน