ร้อยไหม
การร้อยไหมคืออะไร? ช่วยเรื่องอะไรได้ หรือเหมาะกับใคร ลักษณะปัญหาแบบไหนที่แก้ไขได้ด้วยการร้อยไหม คำถามเหล่านี้ยังมีคนไข้ให้ความสนใจอยู่เรื่อย ๆ ครับ เพราะเห็นรีวิวว่าทำแล้วดี เห็นผล แต่ยังไม่มั่นใจว่าเชื่อถือได้มากน้อยเพียงใด หลังทำไปแล้วจะเป็นอันตรายไหมในอนาคต เพื่อคลายข้อสงสัยทั้งหมด หมอมีข้อควรรู้เกี่ยวกับการร้อยไหมมาแนะนำ พร้อมข้อมูลการเตรียมตัวขั้นตอนต่าง ๆ ครับ
สารบัญ ร้อยไหม
“
ในเคสนี้มีปัญหาแก้มหย่อนคล้อย ไม่กระชับ และมีปัญหาร่องแก้มลึก ส่งผลให้ใบหน้าดูแก่กว่าวัยหลังทำทันที ร่องแก้มตื้นขึ้น ผิวบริเวณกรอบหน้ายกกระชับขึ้น หน้าดูเด็กลง
“
ร้อยไหม ช่วยเรื่องอะไรบ้าง ?
การร้อยไหมคือ การใช้เข็มนำเส้นไหมละลายที่มีเงี่ยง สอดลงไปในชั้นผิวหนัง ด้วยคุณสมบัติของไหมที่มีเงี่ยง เมื่อเกี่ยวขึ้นมาตามเส้นไหมในทิศทางที่แพทย์ร้อยไหมเข้าไป ก็จะคล้ายตะขอเกี่ยว สามารถช่วยยกกระชับผิวหน้า ช่วยปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น เป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมและรู้จักกันมานานครับ โดยยังสามารถช่วยแก้ปัญหาผิวได้อีกหลายกรณี ตัวอย่างเช่น
- ร้อยไหมปรับรูปหน้า ให้หน้าเรียวเล็ก ดูวีเชฟมากขึ้น
- ร้อยไหมเพื่อช่วยยกกระชับ แก้ปัญหาแก้มหย่อน
- ร้อยไหมจมูกเพื่อเสริมจมูกให้โด่งสวย คมมากขึ้น
- ร้อยไหม ช่วยลดริ้วรอย กระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิว
การร้อยไหมเหมาะกับใครบ้าง ?
การร้อยไหม เหมาะกับผู้ที่ต้องการยกกระชับใบหน้า มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย มีริ้วรอย อยากให้ตัวเองดูดีและอ่อนเยาว์อยู่เสมอ มีใบหน้าดูเรียวขึ้น หรือผู้ที่ต้องการแก้ปัญหาแก้มหย่อนคล้อยโดยไม่ต้องผ่าตัด และเห็นผลรวดเร็วครับ
เทคนิคการร้อยไหมด้วยไหมละลาย แพทย์จะมีจุดที่ดึงบริเวณแก้มส่วนล่างและจุดที่ยึดอยู่บริเวณขมับดึงเข้าหากัน จึงสามารถดึงแก้มที่หย่อนขึ้นได้ทันที หลังการร้อยไหมจะทำให้ผิวบริเวณที่ร้อยไหมเข้าไป เกิดการกระตุ้นเซลล์ที่มีหน้าที่สร้างเส้นใยคอลลาเจน และทำให้เลือดไหลเวียนมาเลี้ยงชั้นผิวหนังมากขึ้น จึงช่วยยกกระชับ ฟื้นฟูสภาพผิว ลดเลือนริ้วรอยและปรับรูปหน้าให้ดูเรียว อย่างชัดเจน
นอกจากนี้การร้อยไหม ยังสามารถทำร่วมกับหัตถการอื่น ๆ ได้ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ดียิ่งขึ้น เช่น ฟิลเลอร์ หรือ Hifu โดยควรปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการรักษาร่วมกันครับ
ร้อยไหม อันตรายไหม ?
ร้อยไหม ไม่อันตรายครับ หากใช้ไหมละลายที่มีคุณภาพ ที่ผ่านการรับรองจาก อย. ว่ามีความปลอดภัย ละลายหมด 100% ไม่มีสารตกค้าง รวมถึงทำการร้อยไหมกับแพทย์ที่มีเทคนิคและประสบการณ์สูง ก็จะช่วยให้หลังทำเสร็จเห็นผลทันที ไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้น เมื่อเวลาผ่านไป 6-18 เดือน เส้นไหมก็จะละลายไปโดยไม่เป็นอันตรายครับ
การร้อยไหมจากแพทย์ที่มีประสบการณ์และใช้เทคนิคที่เหมาะสม เมื่อร้อยไหมไปแล้วก็จะเกิดเป็นเส้นใยอิลาสตินเพื่อช่วยประคองผิว คล้ายเส้นเอ็นที่มีอยู่ตามธรรมชาติของร่างกายและช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างเส้นใยคอลลาเจน ทำให้ผิวเต่งตึงกระชับ
ผลข้างเคียงจากการร้อยไหมที่ควรรู้ ?
หลังร้อยไหมผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นได้ เช่น มีอาการบวม หรือเขียวช้ำ ทั้งจากการฉีดยาชา และเลือดที่ออกใต้ผิวหนัง อาจจะบวมมากขึ้นในช่วง 3-4 วันแรก แต่จะค่อย ๆ ดีขึ้นและหายไปเองใน 7 – 14 วัน และขณะทำจะรู้สึกถึงเส้นไหมที่ถูกร้อยเข้าไปบนใบหน้า
โดยอาการดังกล่าวเป็นอาการข้างเคียงที่สามารถเกิดขึ้นได้เป็นเรื่องปกติครับ สามารถหายได้เอง ส่วนผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย เช่น ไหมทะลุ ไหมขาด เกิดการอักเสบของเนื้อเยื่อ ติดเชื้อ ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะมาจากการร้อยไหมที่ขาดเทคนิค ขาดประสบการณ์ ดึงไหมตึงเกินไป หรือใช้ไหมที่ไม่มีคุณภาพ พบได้ในเคสที่ร้อยไหมกับ หมอเถื่อน คลินิกเถื่อนครับ
เพื่อความปลอดภัยและไม่ต้องเสี่ยงกับผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย ก่อนตัดสินใจ ร้อยไหม ควรพิถีพิถันในการเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและหมอที่มีประสบการณ์เท่านั้นครับ
ร้อยไหม มีข้อดี-ข้อเสียอย่างไร ?
ข้อดี
- ยกตึงขึ้นทันที : หลังร้อยไหม เงี่ยงไหมที่คล้ายตะขอจะเกี่ยวดึงผิวขึ้นได้ทันที
- หลังร้อยช่วยกระตุ้นให้เกิดเส้นใยธรรมชาติ : ถ้าทำการร้อยไหมอย่างถูกวิธี เส้นใยดังกล่าวอยู่ในแนวที่ถูกต้อง และชั้นผิวที่เหมาะสม ก็จะสามารถช่วยประคองผิว กระชับผิว คล้าย ๆ เส้นเอ็นที่อยู่บนใบหน้าตามธรรมชาติ
- ไหมละลายมีความปลอดภัย : ปัจจุบันไหมละลายที่ปลอดภัยสำหรับการร้อยไหมทำจากวัสดุ 3 ชนิด
- PDO (Polydioxanone)
- PLLA (Polylactate)
- PCL (Polycaprolactone)
ซึ่งวัสดุทั้ง 3 ชนิดนี้ ผ่านการรับรองจาก FDA ทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศว่ามีความปลอดภัยในการเย็บแผลครับ โดยไหมละลายที่ใช้ในปัจจุบัน จะไม่มีส่วนผสมของโลหะ สามารถละลายได้หมด 100% ตามระยะเวลา โดยไม่มีสารตกค้าง จะเหลือเพียงเส้นใย elastin ที่ร่างกายเราสร้างขึ้นมาซึ่งช่วยประคองผิว
- การร้อยไหมช่วยแก้ไขปัญหาแก้มตอบได้ : ในคนที่แก้มตอบบางเคสสามารถใช้ไหมดึงไขมันขึ้นมาเติมแก้มได้ แก้มล่างยุบและแก้มบนเต็มขึ้น (ต้องมีเนื้อแก้มส่วนล่างให้ดึงนะครับ ถ้าไม่มีเนื้อก็ต้องใช้ฟิลเลอร์)
- การร้อยไหมสามารถช่วยลดริ้วรอย : การร้อยเส้นเล็ก ๆ สามารถแก้ริ้วรอยในบางจุดได้เช่น ริ้วรอยเล็ก ๆ บริเวณมุมปากที่คล้าย ๆ ลักยิ้ม หรือริ้วรอยหางตา, หน้าผาก และหากร้อยไหม กับแพทย์ที่มีความชำนาญ และร้อยด้วยเทคนิคที่ถูกต้อง ก็จะลดความเสี่ยงในการบวมช้ำลงได้มากครับ
ข้อเสีย
- หากตัดสินใจร้อยไหมกับแพทย์ที่ไม่ชำนาญอาจเกิดผลข้างเคียง ตัวอย่างเช่น บนเส้นไหมจะมีเงี่ยงที่ทำหน้าที่คล้ายตะขอสำหรับดึงผิวไปในทิศที่ต้องการ ถ้าร้อยไหมด้วยเทคนิคที่ไม่ถูกต้องหรือร้อยตื้นเกินไป จะเกิดรอยบุ๋มขึ้นตามแนวที่ร้อยไหมได้ หรือในเคสที่มีทรงหน้ามีโหนกแก้มเด่น หากร้อยไหมจะยิ่งทำให้โหนกแก้มเด่นขึ้น และไม่สวย
- การร้อยไหมจึงจำเป็นต้องให้แพทย์ที่ชำนาญ ประเมินและวิเคราะห์ลักษณะใบหน้าและแนะนำ หัตถการที่เหมาะสม โดยกรณีนี้หมอแนะนำให้ปรับรูปหน้าด้วยวิธีอื่นแทน เช่น ฟิลเลอร์แก้มตอบครับ
- เส้นไหมจะกระตุ้นให้ fibroblast (เซลล์สร้างคอลลาเจน) เกิดการสร้างเส้นใย collagen และ elastin แต่ถ้าซ้อนทับกันมากเกินไป และอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ถูกต้องก็จะเรียกว่า พังผืด (fibrosis) ถ้าอยู่ในผิวชั้นตื้นเกินไป ก็จะดึงรั้งผิวให้ผิดรูปได้
- หรือในบางคลินิกใช้การร้อยไหมเติมแทนฟิลเลอร์ อันนี้ไม่แนะนำให้ทำครับ เพราะการเติมเต็มใต้ตาร่องแก้มต้องใช้ปริมาณเส้นไหมจำนวนมาก (เป็นร้อย ๆ เส้น) จะทำให้เกิดพังผืด และเกิดปัญหาในอนาคตครับ รวมถึงการนำไหมไปปั่นเป็นผงเล็ก ๆ (ไหมน้ำ) แล้วฉีดแทนฟิลเลอร์ อันนี้ก็ทำให้เกิดพังผืดเช่นกันครับ และหมอไม่แนะนำครับ
- ไหมละลายมีอายุ 4 เดือน-2 ปี ขึ้นกับชนิดของเส้นไหม แต่ถึงแม้ไหมจะยังละลายไม่หมด ในคนส่วนมาก เมื่อเวลาผ่านไป 6-8 เดือน ผิวก็จะหลุดออกจากเส้นไหมได้ก่อน ทำให้ผลลัพธ์อยู่ได้ไม่นานเท่าตามที่โฆษณา และไหมละลายบางชนิดที่อยู่ได้นาน แต่ขาดความยืดหยุ่น เมื่อเวลาผ่านไปจะเกิดการเคลื่อนตัวและทะลุโผล่ออกมานอกผิวหนังได้
อีกกรณีที่หลาย ๆ คนกังวลว่า ร้อยไหมไปแล้วจะเข้า X-ray ไม่ได้ หากเป็นไหมยุคโบราณ ที่มีส่วนผสมของโลหะ เช่นทองคำ โลหะจะดูดความร้อนจากการทำ X-ray, MRI, เครื่องสแกนต่าง ๆ และจะทำให้ผิวไหม้ได้ ซึ่งปัจจุบันมีการสั่งห้ามใช้ไหมเหล่านี้ครับ
ร้อยไหมแล้วหน้าบวม 14 วัน เกิดจากอะไร ?
ในกรณีที่คนไข้ ร้อยไหมมาแล้วปัญหาหน้าบวมนาน 14 วัน เกิดได้จาก 4 สาเหตุหลัก ๆ ครับ โดยหมอจะอธิบายแต่ละสาเหตุดังนี้
- เนื้อแก้มเยอะ หรือดึงเยอะเกินไป
ในคนไข้ที่แก้มเยอะ ๆ โดยทั่วไปหมอจะแนะนำให้ ทำเมโสแฟต ให้แก้มน้อยลงก่อนครับก็จะช่วยให้สามารถดึงไหมได้เยอะขึ้น เพราะประโยชน์ของการร้อยไหมไม่ได้ช่วยลดไขมันบนใบหน้าครับ
แต่ถ้าคนไข้ที่ใจร้อน ต้องการร้อยไหมเลย ก็สามารถร้อยไหมได้ครับ แต่ก็จะดึงได้น้อยลง ถ้าดึงเยอะเนื้อแก้มก็จะไปกองด้านบน ทำให้ดูเหมือนหน้าบวมได้ครับ ในกรณีแบบนี้จะบวมนานเกิน 1 เดือน ต้องรอให้ไหมเริ่มคลาย 2-3 เดือนถึงจะเริ่มดีขึ้นครับ
ส่วนอีกกรณีในบางเคสที่เนื้อแก้มเยอะ ๆ การร้อยไหมจะช่วยให้เนื้อแก้มน้อยลงได้เช่นกันครับ โดยผ่านกระบวนการ fat-reposition (การดึงไขมัน) ด้วยการร้อยไหม แต่อาจจะต้องใช้เวลาหลายเดือน และต้องร้อยไหมหลายครั้งถึงจะเห็นผลลัพธ์ที่ดี
- ดึงไหมผิดแนว
อย่างที่หมอกล่าวมาตั้งแต่ต้น ๆ การร้อยไหมจำเป็นต้องทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ เพราะถ้าร้อยไหม ผิวแนว ผิดตำแหน่งผลลัพธ์ที่ได้ จะไม่สามารถแก้ปัญหาที่อยากแก้ได้ เช่น ถ้าร้อยไหมเพื่อดึงร่องแก้ม จะทำให้โหนกแก้มเนื้อเยอะขึ้นและทำให้หน้าดูบวมได้ครับ ปกติการร้อยไหมจะเน้นแก้ไขความหย่อนของแก้มในบริเวณใกล้ ๆ มุมปาก ร้อยไหมกรอบหน้ามากกว่าครับ
- การอักเสบติดเชื้อ
โดยทั่วไปการร้อยไหมจะมีอาการบวมในช่วง 3-4 วันแรก และหลังจากนั้นอาการบวมจะเริ่มยุบลงจนเข้าที่ในช่วง 14 วัน แต่ถ้าหลังจาก 4 วันแล้ว คนไข้รู้สึกปวด เจ็บ มีอการบวมแดงมากขึ้น ปวดมากขึ้น แนะนำให้รีบกลับมาพบแพทย์เพื่อตรวจประเมินและให้ยากินเพิ่มครับ
- บวมเลือด, บวมน้ำ
- บวมเลือด คือ มีเลือดออกในชั้นผิว (hematoma)
- บวมน้ำ คือ มีน้ำคั่งในชั้นผิวจากการอักเสบ (edema)
ซึ่งทั้ง 2 กรณี จะยุบหายไปเองในระยะ 2-3 อาทิตย์ โดยไม่มีอันตราย ซึ่งในการร้อยไหม จะใช้เข็มเพื่อนำเส้นไหมเข้าสู่ผิว ซึ่งเข็มที่ใช้จะมีลักษณะแตกต่างกัน เพื่อลดความเสี่ยงในการบวมเลือดและบวมน้ำได้ครับ
เข็มร้อยไหมแต่ละแบบ แตกต่างกันอย่างไร ?
ที่ V Square Clinic จะมีเข็มทุกแบบ ซึ่งหมอจะประเมินและเลือกใช้ให้เหมาะกับคนไข้แต่ละคนครับ ตัวอย่างเช่น
- เข็มแหลม
มีโอกาสเกิดการ บวมเลือด > บวมน้ำ โดยคุณสมบัติของเข็มแหลม จะตัดผ่านเนื้อคล้าย ๆ การใช้มีดคม ๆ ครับ ตัดจะเจ็บน้อยกว่า บวมน้ำน้อยกว่า เส้นเลือดเล็ก ๆ ที่โดนตัดผ่านจะสมานได้ไวกว่าการใช้เข็มทู่ แต่ถ้าโดนเส้นเลือดใหญ่ก็จะมีโอกาสบวมเลือดได้ครับ ต้องอาศัยความชำนาญของแพทย์ในการใช้
- เข็มทู่
มีโอกาสเกิดการ เกิดการ บวมน้ำ > บวมเลือด โดยเข็มทู่ คุณสมบัติจะจะผ่านเนื้อโดยการฉีกออกคล้าย ๆ การใช้มีดทื่อ ๆ ตัด คนไข้จะเจ็บมากกว่า และบวมน้ำเยอะกว่า สามารถหลบเส้นเลือดใหญ่ ๆ ได้ แต่เส้นเลือดเล็กๆ ก็ยังโดนฉีกขาดอยู่ดีครับ หลังใช้จะยังมีเลือดออกได้ ในการร้อยไหมเข็มทู่ที่ใช้จะใหญ่กว่าเข็มทู่ที่ใช้ฉีดฟิลเลอร์ครับ จึงบวมช้ำเยอะกว่าฟิลเลอร์
การฉีดฟิลเลอร์ถ้าใช้เข็มแหลม ผลที่ออกมาจะสวยกว่าเข็มทู่ครับ แต่เสี่ยงเข้าหลอดเลือด ฟิลเลอร์จึงจำเป็นต้องใช้เข็มทู่ แต่สำหรับการร้อยไหมหมอบางท่านจะถนัดเข็มแหลมมากกว่า เพราะสามารถควบคุมความแม่นยำได้ดีกว่าครับ
- เข็มตัด
เป็นกึ่งแหลมกึ่งทู่ครับ ปลายเข็มมีลักษณะคล้ายหลอด มีความคมแต่ไม่ได้แหลมเท่าเข้มแหลมครับ
- เข็ม L
พัฒนาต่อจากเข็มตัดอีกขั้นหนึ่งครับเข็มแต่ละประเภทไม่สามารถระบุได้ว่าชนิดไหนดีที่สุดครับ ขึ้นกับการประเมินเนื้อเยื่อของคนไข้และความถนัดของหมอแต่ละคนครับ เช่น ถ้าคนไข้เคยเป็นสิว และมีพังผืดเยอะ การใช้เข็มทู่ก็จะบวมช้ำมากกว่าเข็มแหลมครับ
ทำไมร้อยไหม 3-4 เดือน ก็คลายแล้ว ?
การที่ไหมจะดึงผิวไว้ได้ มี 3 ปัจจัยหลัก ๆ ดังนี้ครับ
- Elastin ในเนื้อของคนไข้
หลังจากที่ร้อยไหมยกกระชับหน้า ด้วยการใช้เส้นไหมที่มีเงี่ยงใช้เกี่ยวเนื้อเยื่อคล้ายตะขอ ผิวก็จะยกกระชับขึ้น แต่หากเนื้อเยื่อที่เกี่ยว เกิดความเสื่อมสภาพ เงี่ยงก็จะไม่สามารถเกาะอยู่ได้นานครับ เนื้อที่เกาะเส้นไหม ก็จะหลุดออกจากเส้นไหม ก่อนที่ไหมจะละลายเสียอีก โดยเฉลี่ยอายุของ elastin ในผิวคือ 6 เดือนครับ
ดังนั้น การร้อยไหมในคนอายุเยอะ ผลที่ได้จะอยู่ได้สั้นกว่าคนไข้ที่อายุยังน้อย เนื่องจากในผิวขาด elastin ครับ แต่ก็สามารถร้อยไหมเพิ่มได้ในแต่ละเคส ตามความเหมาะสม ก็จะช่วยให้อยู่ได้นานขึ้นเพราะการร้อยไหมจะช่วยกระตุ้นการสร้าง elastin ครับ
- การสร้าง elastin
แม้เส้นไหมจะละลายไป แต่หากเนื้อเยื่อมีการสร้าง elastin ขึ้นมาเยอะ ความกระชับก็ยังคงอยู่ได้ครับ
- อายุการใช้งานของเส้นไหม
วัสดุที่ใช้ ร้อยไหม ได้ปลอดภัยมี 3 ชนิดคือ
- PCL (Polycaprolactone) ละลายหมดภายใน 18-24 เดือน เส้นสีขาวขุ่น มีความยืดหยุ่นสูงที่สุด เส้นใหญ่ที่สุด
- PLLA (Polylactate) ละลายหมดภายใน 12-18 เดือน เส้นสีขาวใส ขาดความยืดหยุ่น อาจจะพบปัญหา ไหมขาด ไหมทะลุได้บ่อย
- PDO (Polydioxanone) จะละลายหมดภายใน 4-6 เดือน เส้นสีน้ำเงิน มีความยืดหยุ่นสูงเป็นที่นิยมมากที่สุด
ร้อยไหมอะไรดีที่สุด ?
ในร้อยไหมยกกระชับหน้า หรือร้อยไหมดึงหน้า ในแต่ละคลินิกอาจเรียกชื่อไหมที่ต่างกัน เช่น ไหมกุหลาบ, ไหมปิรันย่า, ไหมทับทิม, ไหมทอนาโด ฯลฯ ซึ่งชื่อเหล่านี้เป็นชื่อที่ไม่เป็นสากลครับ คลินิกต่าง ๆ ตั้งชื่อกันขึ้นมาเองเพื่อให้คนไข้ไม่สามารถเช็ค ราคาร้อยไหม เทียบกับคลินิกอื่น ๆ ได้ครับ แต่เราสามารถสอบถามทางคลินิกเพิ่มเติมได้ครับว่าร้อยไหมชนิดไหน โดยดูตามลักษณะเส้นไหมด้านล่างนี้ครับ
โดยตามข้อเท็จจริงแล้ว เราจะแยกชนิดไหมหลัก ๆ ได้ดังนี้ครับ
- แยกตามชนิดวัสดุคือ PDO, PLLA, PCL
- แยกตามลักษณะเส้นไหม ดังรูป
โดยในรูปนี้ คือวัสดุ PDO จะเป็นสีน้ำเงินครับ ถ้า PLLA จะเป็นสีขาวใส, PCL จะสีขาวขุ่น ซึ่งจากประสบการณ์พบว่าไหมที่ดึงหน้าได้ดีที่สุดคือไหมเงี่ยงใหญ่ครับ เป็นที่นิยมใช้ในทุกคลินิก แล้วแต่ว่าจะตั้งชื่อว่าอะไร และตั้งราคาร้อยไหม ต่างกันเท่านั้นเอง
ดังนั้นหากถามว่าร้อยแบบไหนดีที่สุด ก็จะขึ้นอยู่กับปัญหาและบริเวณที่ทำการร้อยไหมด้วย ซึ่งคนไข้สามารถปรึกษาหมอหรือส่งรูปหน้ามาให้หมอประเมินก่อนได้ในเบื้องต้นครับว่าต้องใช้ไหมลักษณะใด จำนวนกี่เส้น
ข้อปฏิบัติตัว ก่อน-หลัง ร้อยไหม เพื่อรักษาผลลัพธ์ให้อยู่ได้นานขึ้น
ก่อนร้อยไหม
- ปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินโครงสร้างใบหน้าและปัญหาที่ต้องการแก้ไข เพื่อวางแผนการรักษา
- เมื่อปรึกษาแพทย์เรียบร้อยแล้ว ถ้าพร้อมก็สามารถร้อยไหมได้เลยครับ ควรแจ้งประวัติการแพ้ยา วิตามินและยาที่ทานประจำ (ก่อนร้อยไหมควรงดยาและวิตามิน เช่น แอสไพริน, NSAIDs, ginseng และ Vitamin E)
- 24 ชั่วโมงก่อนร้อยไหม ควรงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด
- ทางคลินิกจะมีการฉีดยาชาให้ก่อนร้อยไหม
หลังร้อยไหม
- หลังร้อยเสร็จทันที อาจมีอาการบวมแดง เขียวช้ำ ในจุดที่ร้อยไหมได้เป็นปกติ หายไปเองใน 2-3 วัน ห้ามแกะ เกา หรือกดนวด
- ทางคลินิกจะมีการจ่ายยาแก้ปวด ลดบวมให้
- ช่วง 3 วันแรก ไม่ควรขยับใบหน้าเยอะ อาจทำให้ไหมเคลื่อนที่ผิดตำแหน่งได้
- งดยิงเซเลอร์ร้อน และหัตถการอื่น ๆ ที่ใช้ความร้อน เป็นเวลา 2 เดือน
ในการดูแลตัวเองหลังร้อยไหม เพื่อให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานขึ้น ข้อสำคัญคือควรปฏิบัติตามข้อแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดครับ โดยหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่เกี่ยวกับความร้อนและควรงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และการสัมผัสใบหน้า
ร้อยไหมแต่ละชนิด ราคาเท่าไหร่ ?
ราคา ค่าใช้จ่ายในการร้อยไหม ราคาจะแตกต่างกันไปตามชนิดของไหม วัสดุ และจำนวนเส้นไหมที่ใช้ครับ สำหรับที่ V Square Clinic ใช้เส้นไหม PCL และ PDO ที่มีคุณภาพ ผ่านการรับรองจาก FDA ทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศว่ามีความปลอดภัยครับ
- ร้อยไหมก้างปลา PDO (4-5 เดือน)
– 8,900.- | 6 เส้น
– 13,000.- | 10 เส้น
- ร้อยไหมก้างปลา PCL (1 ปี)
– 14,000.- | 4 เส้น
– 18,000.- | 6 เส้น
– 25,000.- | 10 เส้น
- Mint Lift (6-8 เดือน)
– 15,000.- | 4 เส้น
– 25,000.- | 8 เส้น
– 35,000.- | 12 เส้น
- Tesslift Soft (6-8 เดือน)
– 20,000.- | 4 เส้น
– 28,000.- | 6 เส้น
– 35,000.- | 8 เส้น
- Tesslift Foxy Eye แก้ตาตก (4-5 เดือน)
– 25,000.- | 2 เส้น
– 40,000.- | 4 เส้น
รีวิวร้อยไหมยกกระชับหน้า
ตัวอย่างผลการร้อยไหมหลังทำทัน โดยทีมแพทย์ V Square Clinic
ก่อนทำ : ในเคสนี้ มีปัญหาแก้มหย่อนคล้อย มีร่องแก้มลึก ใบหน้าไม่กระชับ
หลังทำทันที : ผิวยกกระชับขึ้น รูปหน้าเรียวสวย ร่องแก้มตื้นขึ้น
ก่อนทำ : ในเคสนี้ มีปัญหาแก้มหย่อนไม่กระชับ มีร่องแก้มลึกและถุงใต้ตา
หลังทำทันที : ร่องแก้มและถุงใต้ตาหายไป ผิวบริเวณกรอบหน้ายกกระชับขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ก่อนทำ : ในเคสนี้มีปัญหาหน้าตอบ แก้มห้อยย้อย
หลังทำทันที: ส่วนที่ตอบลงไปกลับมาอิ่มเอิบ แก้มยกกระชับ ใบหน้าเรียวสวยเข้ารูป
ก่อนทำ : ในเคสนี้ มีปัญหาแก้มหย่อนคล้อย มีรอยใต้ตาและขอบตาดำ
หลังทำทันที : ผิวยกกระชับขึ้น รูปหน้าเรียวขึ้น รอยใต้ตาจางลง
ก่อนทำ : ในเคสนี้คนไข้มีปัญหาร่องแก้มลึก แก้มห้อยย้อย
หลังทำทันที : จะเห็นว้าแก้มยกกระชับ ริ้วรอยร่องแก้มจางลง และใบหน้าเรียวสวยเข้ารูปมากขึ้น
ก่อนทำ : เคสนี้ มีปัญหากรอบหน้าไม่ชัด หน้าไม่มีมิติ
หลังทำทันที : กรอบหน้าชัด ใบหน้ายกกระชับขึ้น ริ้วรอยจางลง
Q&A ร้อยไหม
ร้อยไหม กี่วันเห็นผล ?
หลังจากที่ทำการร้อยไหมเพื่อยกกระชับใบหน้า จะสามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังทำครับ และเห็นผลชัดเจน สวยเข้ารูปมากขึ้นในช่วง 1 เดือน ในระหว่างนี้จะมีอาการบวม แต่จะหายไปเองในช่วง 14 วัน
ร้อยไหม เจ็บไหม ?
ระหว่างร้อยไหม คนไข้จะไม่รู้สึกเจ็บครับ เนื่องจากมีการฉีดยาชา แต่อาจจะรู้สึกตอนที่หมอกำลังร้อยไหมเข้าไปว่ามีการดึงไหม ในส่วนของความเข็มจะมีเจ็บบ้างตอนฉีดยาชาครับ
ร้อยไหม ต้องใช้ยาชาหรือไม่ ?
การร้อยไหมต้องฉีดยาชาทุกครั้งครับ โดยที่คลินิกจะมีการทำความสะอาดผิวบริเวณที่จะร้อยไหมให้ก่อนครับ
ร้อยไหม ใช้เวลานานหรือไม่ ?
โดยทั่วไปการร้อยไหมใช้เวลาเฉลี่ยอยู่ที่ 45-60 นาที ขึ้นอยู่กับจำนวนไหมที่ใช้ร้อย และเทคนิคของแพทย์ด้วยครับ
ถ้าไม่ร้อยไหมซ้ำ ทำให้หน้าเหี่ยวจริงไหม ?
ในกรณีนี้ไม่จริงครับ เนื่องจากเหตุผลที่ว่า เมื่อไหมละลายไปแล้วก็ยังเหลือเส้นใย elastin ที่จะช่วยประคองผิวไว้ ถ้าร้อยไหมด้วยเทคนิคที่ถูกต้องจะทำให้ผิวกระชับกว่าก่อนร้อยแน่นอนครับ
ปัญหาหน้าไม่เท่ากัน ร้อยไหมช่วยได้ไหม ?
สามารถช่วยได้ครับ ในเคสที่หน้าไม่เท่ากันจากการที่แก้มย้อยหรือแก้มหย่อน สองข้างไม่เท่ากัน โดยหมอจะใช้แรงดึงไหมทั้งสองข้างตามปัญหา ข้างที่แก้มหย่อนกว่าก็จะใช้แรงมากกว่า เพื่อให้ใบหน้าทั้งสองข้างเท่ากันครับ
สรุป
การร้อยไหมเป็นหัตถการหนึ่งที่ช่วย แก้ปัญหาแก้มหย่อน แก้มย้อย ผิว กรอบหน้าไม่กระชับ ได้เป็นอย่างดีโดยไม่ต้องผ่าตัด และเห็นผลลัพธ์รวดเร็วครับ หากทำการร้อยไหมแพทย์ที่มีประสบการณ์ ที่มีการประเมินปัญหา เลือกชนิดและจำนวนเส้นไหมที่นำมาใช้อย่างเหมาะสมก็ได้ผลลัพธ์ที่สวยงามและปลอดภัยครับ ดังนั้นหากใครสนใจร้อยไหมหมอแนะนำให้ศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด และปรึกษากับแพทย์ที่มีประสบการณ์โดยตรง เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดครับ
เอกสารอ้างอิง
- American academy of aesthetic medicine: hands-on Korean thread lifting master course.